วันจันทร์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2551

ชาวนากับโอ่งวิเศษ

ชาวนากับโอ่งวิเศษ


คอลัมน์ คุยกับประภาส โดย ประภาส ชลศรานนท์

มติชนรายวัน 15 ม.ค.49


กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ยังมีชาวนาผู้ยากจนอยู่ 2 คน ชื่อว่า บุญยังและบุญเคลือบ

ชาวนา ทั้งสองมีบ้านอยู่ไม่ไกลจากกันนัก ครอบครัวของบุญยังนอกจากภรรยาของเขาแล้ว บุญยังก็ยังเลี้ยงดูอุปการะบิดาผู้แก่เฒ่าไว้ด้วย ส่วนครอบครัวของบุญเคลือบก็มีสมาชิกในบ้านเท่ากัน คือ ภรรยาหนึ่ง และบิดาผู้ชราอีกหนึ่ง

บุญยังและบุญเคลือบมีอุปนิสัยแตกต่างกัน บุญยังเป็นผู้นิยมทำอะไรตามขั้นตอน จะปลูกข้าว หว่านไถ ก็ไม่เคยข้ามขั้นตอน จะหวังฟ้าหวังฝนเพื่อให้ได้ผลผลิตจากไร่นา ก็ไม่เคยหวังลมๆ แล้งๆ จนถึงขั้นก่นด่าฟ้าดินเมื่อไม่เป็นดังหวัง ซึ่งผิดกับบุญเคลือบ

ว่ากันว่าที่ทั้งสองมีอุปนิสัยเช่นนี้น่าจะสืบ เนื่องมาจากอุปนิสัยของบิดาทั้งสอง นั่นคือบิดาของบุญยังเป็นผู้มักน้อยและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ส่วนบิดาของบุญเคลือบนั้นตรงกันข้าม ข้าวของสิ่งใดที่เป็นของตัวแม้จะไม่ได้ใช้ก็หวงแหนเสียจนคนอื่นแทบจะแตะต้อง ไม่ได้ ส่วนข้าวของที่เป็นของคนอื่นกลับใช้ของเขาอย่างไม่เกรงใจ หลายครั้งจะยึดเอาเป็นของตัวเองเสียเฉยๆ ด้วยซ้ำ

สามสี่ปีมานี้ ฝนตกลงมาน้อยมาก แถมยังตกไม่ตรงฤดูกาลอีก ขาดฝนหลายๆ ปีอย่างนี้ ชาวนาทั้งสองครอบครัวก็เริ่มลำบาก ข้าวปลาอาหารที่เก็บไว้ก็เริ่มร่อยหรอ

วันหนึ่ง ณ บริเวณเนินดินชายป่า ขณะที่ทั้งสองกำลังขุดหาแมลงเพื่อเอาไปคั่วกิน

"เทวดาเฮงซวย เก็บฝนไว้ใช้คนเดียว คนจนๆ อย่างเราก็แย่สิ" บุญเคลือบบ่นเหมือนทุกวัน

"บางทีเทวดาท่านอาจกำลังเอาฝนไปตกในที่ที่ลำบากกว่าเราก็ได้" บุญยังแก้ต่างให้เทวดา

ไม่ รู้จะเป็นเพราะเสียงบ่นนี้ดังไปถึงหูพระอินทร์ จนทำให้อาสนะของพระอินทร์แข็งจนนั่งไม่ติดหรือเปล่า จู่ๆ จอบของบุญยังก็ฟันไปโดนสิ่งของอย่างหนึ่งเข้า

"เค้ง" เป็นเสียงของจอบกระทบกับของแข็งบางอย่าง

"เค้ง" อีกเสียงดังขึ้นตามมาทันที คราวนี้เป็นจอบของบุญเคลือบบ้าง

บุญเคลือบหันมามองหน้าบุญยังทันที

"เสียงอะไร...หรือว่าฟันโดนหีบสมบัติ" บุญเคลือบเริ่มวาดฝัน

บุญยังค่อยๆ เอาจอบเกลี่ยดินที่อยู่รอบๆ ออกไป แล้วก็วางจอบลงเอามือค่อยๆ ปาดดินออก

"มันจะทันการณ์อะไร" ว่าแล้วบุญเคลือบก็เงื้อจอบฟันซ้ำไปตรงรอยจอบเดิมของตัวเอง

"เค้ง" เสียงนั้นดังขึ้นอีก

" ไม่ใช่หีบหรอก" บุญยังมองเห็นเศษกระเบื้องชิ้นเล็กๆ ที่กระเด็นหลุดออกมาตอนที่บุญเคลือบฟันจอบลงไป "น่าจะเป็นโอ่งนะ อย่าใช้จอบเลยบุญเคลือบ เดี๋ยวโอ่งไหแตกหมด" บุญยังพูดพลางเอามือปาดดินออกไปให้เห็นรูปร่างโอ่ง

บุญเคลือบเหลือบมองบุญยังแวบหนึ่ง แล้วก็ลงจอบต่อ "อยากรู้จริงๆ ว่าโอ่งใส่อะไร บางทีอาจจะเป็นโอ่งใส่ทองก็ได้"

"แค้ง..." คราวนี้เสียงดังกว่าเดิม

" เดี๋ยวแตกหมดหรอก" บุญยังปาดดินออกจนเห็นเป็นรูปร่างโอ่งใบใหญ่อย่างชัดเจน ส่วนบุญเคลือบหลังจากฟันจอบจนเศษกระเบื้องชิ้นใหญ่กระเด็นหลุดออกมาก็ชัก กลัวว่าโอ่งของตนจะแตกหมด จึงเลียนแบบบุญยังนั่งลงเอามือปาดดินบ้าง

เมื่อ ดินออกไปจนหมด ก็มองเห็นโอ่งสองใบฝังอยู่ในดินข้างๆ กัน ใบหนึ่งแตกร้าวด้วยแรงฟันจากจอบของบุญเคลือบ รอยร้าวนั้นเห็นชัดจนนึกออกเลยว่าถ้าใครไปจับยกขึ้นมาตั้ง โอ่งคงแตกเป็นชิ้นๆ กองอยู่กับพื้นอย่างไม่ต้องสงสัย ส่วนอีกใบที่บุญยังค่อยๆ ขุด รูปร่างของมันสมบูรณ์ดีทุกอย่าง

"ไม่เห็นมีอะไร" บุญเคลือบมองลงไปในโอ่งใบที่ยังไม่แตก "เสียเวลาเปล่าๆ"

"ได้โอ่งมาฟรีๆ ใบหนึ่ง แค่นี้ก็พอแล้วนี่" บุญยังยิ้ม

.......

คืนนั้นหลังจากนำโอ่งไปที่บ้านแล้ว บุญยังก็ให้ภรรยาทำความสะอาด แล้วก็นำมาตั้งไว้กลางบ้าน

"เอาไว้ใส่อะไรดีล่ะพ่อ" บุญยังถามบิดา

" ใส่ข้าวสารที่เราเก็บออมไว้สิลูก" บิดาตอบ "โอ่งเจ้าขุดเจอได้ เทวดาท่านคงจะให้มาไว้เก็บของที่มีค่าสูงสุด แล้วอะไรจะมีค่าสำหรับชาวนาอย่างเราเท่าข้าวล่ะ"

บุญยังเห็นดีด้วยกับบิดา จึงหันไปยกไหใบเล็กๆ ที่เขาใช้เก็บข้าวมาเทใส่ลงไปในโอ่ง

ข้าว จากไหเล็กๆ เมื่อถูกเทลงไป ก็ลงกองนอนอยู่ที่พื้นโอ่ง "เหลือแค่นี้แหละพ่อ" บุญยังหยิบไม้กระดานแผ่นเก่าๆ มาปิดฝาโอ่งไว้ เพื่อกันหนูเขาไปแทะกิน แล้วก็พาครอบครัวเข้านอน

ยังไม่ทันจะเช้าดี ภรรยาบุญยังก็หน้าตาตื่นมาปลุกสามี "พี่บุญยัง พี่รีบไปดูโอ่งเร็วๆ เถิด"

"มีอะไรหรือ หนูมันเข้าไปกินข้าวจนหมดหรือ" บุญยังงัวเงีย

"พี่รีบไปดูเถิดน่า" ภรรยาดึงมือบุญยังอย่างร้อนรน

บุญ ยังลุกออกจากมุ้งก็ตรงรี่ไปยังกลางบ้านที่เป็นที่ตั้งโอ่งทันที บิดาของบุญยังกำลังยืนอยู่ข้างๆ โอ่ง มือข้างหนึ่งถือเปิดไม้กระดานออกมาแล้ว

"มีอะไรหรือพ่อ" บุญยังมองลงไปในโอ่ง

ข้าวสารที่บุญยังใส่ไว้เมื่อคืนที่มีอยู่ติดก้นโอ่งเล็กน้อยนั้น บัดนี้มันได้เต็มพูนขึ้นมาถึงปากโอ่งเสียแล้ว

บุญยังกับบิดามองหน้ากัน

หลัง จากวันนั้นเป็นต้นมา จากโอ่งวิเศษใบเดียวนี้บ้านของบุญยังก็มีข้าวกินตลอด และไม่ว่าจะตักข้าวสารออกไปเท่าใด ข้าวก็เพิ่มขึ้นจนพูนขึ้นมาเต็มโอ่งทุกครั้งไป บุญยังนั้นเมื่อมีข้าวกินแล้วก็ไม่เคยลืมเพื่อนบ้าน เขามักเอาข้าวออกไปแจกจ่ายให้กับเพื่อนบ้านทุกหลัง รวมทั้งบ้านของบุญเคลือบด้วย

แต่ด้วยนิสัยที่อยากได้ของคนอื่น แม้จะได้ข้าวสารจากบุญยังอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน บุญเคลือบก็ยังไม่พอใจ เขาสงสัยว่าบุญยังเอาข้าวมาจากไหน เขาจึงมาคอยแอบดูเข้าไปในบ้านของบุญยัง จนรู้ความจริงว่าข้าวสารที่ไม่มีวันหมดนั้นมาจากโอ่งที่บุญยังขุดเจอพร้อม กับเขานั่นเอง

และแล้วคืนหนึ่งขณะที่ทุกคนหลับใหล บุญเคลือบก็ย่องเข้าไปในบ้านของบุญยัง เขาเทข้าวสารออกจากโอ่งวิเศษจนหมดแล้วก็แบกโอ่งเปล่ากลับบ้านตัวเอง

บิดาของบุญเคลือบนั้นยืนรอเขาอยู่ที่บ้าน ด้วยเป็นคนยุให้บุญเคลือบทำ

"วางโอ่งลงเร็วๆ สิไอ้เคลือบ เอ็งอยากให้มันแตกหรือไง" บิดาจอมจู้จี้เริ่มบ่น

ทันทีที่บุญเคลือบวางโอ่งลง บิดาของเขาก็ชะโงกเข้าไปดูในโอ่งทันที

"นี่หรือวะโอ่งวิเศษที่แกว่า แล้วมันเอาข้าวออกมาจากตรงไหนวะ"

" เดี๋ยวสิพ่อ เดี๋ยวฉันจะไปเอาเสื้อผ้าที่เรามีอยู่มาใส่ลงไป สักปะเดี๋ยวเสื้อผ้ามันก็จะเพิ่มจำนวนขึ้นทันที" พูดจบด้วยความใจร้อน บุญเคลือบก็พุ่งตัวไปที่ตู้ใส่เสื้อผ้าเพื่อเลือกหยิบเสื้อผ้า พลางร้องเรียกภรรยาให้มาช่วยกัน

ฝ่ายบิดาของบุญเคลือบ เมื่อลูกชายเดินไปหาเสื้อผ้า ตัวเองไม่รู้จะทำอะไรก็ได้แต่ก้มๆ เงยๆ มองเข้าไปในโอ่งด้วยความสงสัย ว่ามันมีช่องให้ของออกมาจากตรงไหน "มีลูกทั้งคนก็โง่เง่าเหลือเกิน จะไปเอาของมาใส่ทำไมให้เสียเวลา ก็หาช่องในโอ่งให้เจอแล้วก็ไปล้วงเอาออกมาให้หมดก็แค่นั้น"

หลังจากพูดกับตัวเองจบ บิดาผู้จู้จี้และร้อนรนก็ปีนลงไปในโอ่ง

เป็น ธรรมดาของคนเฒ่าคนแก่ที่ย่อมเคลื่อนไหวไม่คล่องตัว และด้วยท่าทางการปีนลงไปในโอ่งที่ไม่ค่อยถนัดนัก บิดาของบุญเคลือบจึงเสียการทรงตัวกลิ้งล้มลงไปในโอ่งเสียงดังลั่น

"พ่อ ทำอะไรน่ะ" บุญเคลือบหันกลับมาทันทีที่ได้ยินเสียง

"ไอ้เคลือบเอ๊ย ช่วยพ่อด้วย" บิดาผู้จู้จี้ร้องเรียก บุญเคลือบจึงผละจากตู้ใส่เสื้อผ้ามายังโอ่งวิเศษ เขารีบดึงมือบิดาเขาขึ้นมา

"พ่อ..." เสียงบุญเคลือบดังลั่นทันที่ที่เขามองลงไปในโอ่ง "ทำไมพ่อมีหลายคนเล่า"

หลัง จากดึงพ่อคนแรกขึ้นมาได้ บุญเคลือบยังต้องดึงชายชราหน้าตาเหมือนกันเปี๊ยบขึ้นมาจากโอ่งอีกไม่รู้กี่ คน เสียงบ่นของพ่อผู้จู้จี้เริ่มระงมขึ้น ทั้งบ่นถึงลูกตัวเองและบ่นถึงพ่อที่มีหน้าตาเหมือนกันอีก

"ช่วยด้วย" บุญเคลือบร้องโอด "มีพ่อจู้จี้ขี้บ่นคนเดียวก็จะตายอยู่แล้ว แล้วนี่มาเป็นสิบๆ อย่างนี้จะไหวหรือ"

ยิ่งดึงออกมาไม่หมด พ่อที่ยังอยู่ก้นโอ่งก็จะเพิ่มไปเรื่อยๆ นะบุญเคลือบ

ไม่มีความคิดเห็น: