วันศุกร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2551

คุยกับประภาส ชลศรานนท์ "เรื่องเด็กๆ"

คุยกับประภาส ชลศรานนท์ "เรื่องเด็กๆ"



สำหรับ คนอายุ 25 ปีขึ้นไปแล้ว แทบไม่มีใครไม่รู้จัก 'วงเฉลียง' ตัวโน้ตอารมณ์ดี ดนตรีแห่งศตวรรษที่แปดสิบที่ส่งอิทธิพลต่อคนรักเสียงเพลงมาถึงตอนนี้ไม่มาก ก็น้อย

และแน่นอนที่สุด แทบทุกคนรู้จัก 'คุณจิก' , 'พี่จิก' หรือ 'ประภาส ชลศรานนท์' ผู้อยู่เบื้องหลังเฉลียงแทบทุกชุดแม้ว่าเขาจะไม่ปรากฏตัวร้องเพลง เล่นดนตรี อยู่หน้าเวทีกับเพื่อนๆ ก็ตาม

ด้วยความเป็นคนช่างคิด ช่างสร้างสรรค์ เป็นนักแต่งเพลง นักเขียน ซึ่งมักจะมีมุมมองแบบพิเศษเฉพาะตัว และสร้างความประทับใจใหเราเห็นอยู่โดยตลอด ทั้งด้านดนตรี เขียนหนังสือ หรือการผลิตรายการโทรทัศน์อย่างสร้างสรรค์

ทว่าเมื่อพูดถึงครอบครัวของเขาแล้ว เชื่อว่าหลายๆ คนแทบไม่เคยรู้มาก่อน...

คุณจิกเป็นคุณพ่อของเด็กสองคนค่ะ ลูกสาวคนโตชื่อ 'น้องพุ่มข้าว' ลูกชายคนเล็กชื่อ 'น้องแสงแรก' ทั้งสองเป็นแก้วตาดวงใจของครอบครัว

....

มารู้จักเขาในบทบาทคุณพ่อ และมุมมองต่อเด็กๆ เยาวชนของชาติ

จากบทสัมภาษณ์ที่พี่จิกให้เวลามานั่งคุยกันกับเราค่ะ

* พี่จิกเลี้ยงลูกเองหรือเปล่าคะ แล้วเด็กๆใกล้ชิดกับแม่หรือพ่อมากกว่า


นับ ตั้งแต่คุณเจดีย์ตั้งครรภ์ลูกคนแรก ผมก็เห่อเรื่องลูกเอมากๆ หนังสืออะไรที่เกี่ยวกับแม่และเด็ก ผมก็หาซื้อมาอ่านกัน อะไรที่เขาว่ากินแล้วดีมีประโยชน์ก็หามาให้คุณเจดีย์กิน (ยิ้มเขิน)

การ เลี้ยงลูกผมกับภรรยาก็เลี้ยงกันเองด้วยความเห่อ ไม่ว่าจะตื่นขึ้นมาเปลี่ยนผ้าอ้อมที่เป็นผ้าให้ลูกคืนหนึ่งสิบกว่าผืนจนแทบ ไม่ได้นอนก็ทำมาแล้ว ผลัดกันคนละคืนจะตื่นมาดูลูกร้อง ทำด้วยความสุขทำด้วยความเห่อทำไปโดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย แล้วก็อนุรักษ์นิยมจนน่าหมันไส้ ไม่สนใจผ้าอ้อมสำเร็จรูปพวกแพมเพิสเลย ไปคิดเอาเองว่าเด็กคงนอนหมักอยู่ในฉี่ทั้งคืน จนคุณนก ฉัตรชัยซื้อมาฝากห่อแรกถึงได้บางอ้อ เลยได้หัดใช้ กว่าจะได้นอนเต็มอิ่มก็สามสี่เดือนไปแล้ว

ลูกทั้งสองคนผมกับคุณเจดีย์เลี้ยงเองครับ มีพี่เลี้ยงช่วยเลี้ยงตอนกลางวันอยู่ช่วงหนึ่ง แต่ตอนกลางคืนลูกต้องนอนกับพ่อแม่ ไม่ใช่ลูกติดพ่อหรอก พ่อติดลูกมากกว่า (หัวเราะ)

ลูกสองคนสนิทกันมาก และสนิทกับทั้งพ่อทั้งแม่มาก ลูกสาวอาจจะสนิทกับแม่มากหน่อยย เพราะเขามีอะไรคุยกันกุ๊กกิ๊กตามประสาสาวๆ

ถึง ทุกวันนี้ลูกสองคนกำลังเข้าวัยรุ่น ความเห่อลูกของผมก็ไม่เห็นสร่างซาเสียที ไปส่งโรงเรียนตอนเช้า ไปรับตอนเย็น ผมกับภรรยาก็แบ่งคิวกันไป เพราะลูกสองคนเรียนคนละที่

* ส่วนมากทุกคนรู้จักพี่จิกผ่านผลงาน ได้เห็นความคิดความอ่าน ทั้งความเป็นเฉลียง เป็นครีเอทีฟ หรือนักเขียน แล้วในบทบาทของพ่อ พี่จิกเป็นพ่อแบบไหนคะ

ผมเป็นพ่อ ที่ป็นเพื่อนกับลูก ผมใช้คำนี้ได้เลยโดยไม่กระดากปาก (น้ำเสียงหนักแน่นมาก) ผมเล่นกับเขาแบบเด็กๆเล่นได้ ตอนที่ลูกยังเล็กผมก็ต่อเลโก้ ปั้นดินก่อทรายกับเขา ถึงตอนนี้เขาไปเล่นสเก็ตน้ำแข็ง ผมก็ไปเล่นด้วย อ่านการ์ตูนเรื่องเดียวกัน รู้จักเพื่อนของเขา รู้ว่าการ์ตูนตัวโปรดของเขาคือตัวไหน และก็เอามาล้อกันได้


* กิจกรรมแบบไหนที่ทำร่วมกันในครอบครัว

ผมดูหนังโรงด้วยกัน ตอนกลางคืนคุณเจดีย์ชอบชวนลูกๆ ดูสารคดีทางเคเบิ้ลทีวี บ้านเราไม่มีใครดูละครหลังข่าวสักคน ไม่มีใครชอบเลย ลูกๆ ดูแล้วก็บอกว่าทำไมเขาด่ากันมากมายขนาดนี้ กิน ข้าวเย็นพร้อมๆ กับดูข่าวแล้วก็ขึ้นห้องนอน เล่นเกมบ้าง คุยกันบ้าง เล่นสแคร็บเบิ้ลบ้าง บางทีก็เล่นไพ่ตลกๆกัน แม่แต่คอมพิวเตอร์ อินเตอร์เน็ต ก็อยู่ในห้องนอนพ่อกับแม่ คุณเจดีย์เขาอยากให้อยู่ในสายตาก่อน ไม่อยากให้ไปหัวปักหัวปำกับการแช็ท อินเตอร์เน็ตนี่ใครก็ติดกันทั้งนั้น จริงไหม ถึงตีหนึ่งตีสองได้โดยไม่รูตัวทุกคนอย่าว่าแต่เด็กเลย ลูกๆก็เห็นดีด้วย จะซื้อให้ในห้องนอนของเขาคนละเครื่องก็ไม่เอา เขาบอกไม่เห็นต้องใช้เลย ใช้ของพ่อแม่ก็ได้

* กับกิจกรรมการอ่านของเด็ก คิดว่าคุณพ่อคุณแม่มีความสำคัญและควรมีบทบาทเรื่องนี้แค่ไหน ทราบมาว่าน้องๆ ก็ชอบอ่านหนังสือด้วย

เด็กจะไม่เป็นอย่างที่เราสอน เด็กจะเป็นอย่างที่เราทำ อยากสอนลูกให้พูดเพราะ ตัวเองต้องพูดเพราะก่อน อยากให้ลูกอ่านหนังสือ พ่อแม่ต้องอ่านให้ลูกเห็นก่อน สอนปากเปียกปากแฉะแต่พ่อแม่ไม่ทำนี่ยากนะครับ บังเอิญผมกับคุณเจดีย์นี่ขาดหนังสือแทบไม่ได้ ลูกๆ เขาก็เห็นจนชินตา

* ได้ล้อมวงเล่านิทานด้วยกันหรือเปล่าคะ มีหนังสือนิทานเล่มไหนบ้างที่พี่จิกและน้องๆ ประทับใจเป็นพิเศษ

พอเริ่มฟังภาษารู้เรื่อง ผมก็เล่านิทานให้ลูกฟังแล้ว ผมจะเล่าให้เขาฟังก่อนนอนจนเจ็ดแปดขวบนั่นแหละครับถึงหยุดไป น่าจะมีเป็นร้อยๆเรื่อง แต่งเองหมดแหละครับ อาศัยจากหนังสือภาพคงไม่พอ ลูกๆชอบนิทานมาก ยิ่งตอนเด็กๆนี่บางคืนจะขออีกเรื่องเพราะยังไม่ง่วง ผมก็แต่งเอาสดๆ หลายครั้งที่ผมเองเพลียมาจากที่ทำงาน เล่านิทานไปก็สัปหงกไป ไม่ปะติดปะต่อจนลูกๆจับได้ว่าพ่อมั่ว

เรื่องที่ลูกชอบมากคือเรื่อง "มังกรไฟไม่เรียนหนังสือ"

เรื่อง นี้นี่ผมแต่งเป็นนิทานประกอบเพลง ให้บัวไรนักเล่านิทานไปเล่าตามงานด้วยครับ น่าจะเคยได้ยินกันแล้ว เรื่องนี้สนุกครับ เล่าแล้วลูกไม่ยอมนอนเพราะจินตนาการตามจนตาค้าง ต้องเล่าอีกเรื่องที่เบาๆให้หลับฝันดี อีกเรื่องที่ลูกชอบคือ "ปลาดาวจอมคัน" เรื่องนี้ผมคิดว่าจะให้คนวาดทำเป็นสมุดภาพนิทานเหมือนกัน น่าจะสนุกดีสำหรับเด็กเล็ก

* อนาคตของเด็กกับความคาดหวังของพ่อแม่ พี่จิกรู้สึกอย่างไรกับเรื่องนี้


" เก่ง ดี แข็งแรง" พรสามข้ออันประเสริฐที่พ่อแม่อยากอย่างเราจะให้เขาได้ ให้ความรู้เขาให้ได้มากที่สุดในทุกๆด้าน เพื่อเขาจะได้ค้นพบตัวเองได้เร็ววัน แล้วก็อบรม ทำตัวให้เป็นตัวอย่างด้านจริยธรรมแก่เขา ส่วนเรื่องอาหารการกิน และเรื่องกีฬาก็อย่าไปมองข้าม เพราะหัวจิตหัวใจของคนเราจะดีได้นี่ ร่างกายก็ต้องพร้อมเหมือนกัน

จากนั้นอนาคตของเขาจะเป็นอย่างไรมันก็เรื่องของเขาแล้ว เราเตรียมเขาให้เป็นคนคุณภาพต่อตัวเองและสังคมให้มากที่สุด ผม คิดอย่างนี้ ส่วนเขาจะเป็นอะไร เป็นอย่างไร พ่อแม่ไปขีดไม่ได้หรอกครับ ถึงขีดก็ขีดได้แผล็บเดียว ถ้ามันไม่ใช่ตัวเขา วันหนึ่งเขาก็หนี ถ้าขีดจริงๆก็คงได้แค่เส้นประ แล้วก็น่าจะขีดหลายๆเส้นให้เขาได้เลือกเดิน เราจะไปจูงเขาเดินได้สักกี่น้ำ ในที่สุดเขาก็ต้องเดินเองครับ หน้าที่ของพ่อแม่อย่างเราคือเตรียมเขาให้พร้อมที่สุด แล้วก็รอที่จะกอดเขาไม่ว่าเขาจะถึงเส้นชัยหรือล้มกลิ้งอยู่กลางทาง

ไม่รู้สิครับ คนเรามองความสำเร็จของมนุษย์อยู่ตรงไหน

สำหรับผมแล้ว การได้อยู่ในที่อากาศดีๆ กับคนรอบตัวที่เรารัก

และได้ทำงานที่เรารัก คือความสำเร็จสูงสุดของชีวิตแล้วครับ


เด็กๆจะเติบโตเป็นเมล็ดพันธ์ที่อุดมไปด้วยวิตามินบำรุงจากพรสามข้อ

"เก่ง ดี แข็งแรง"
เพราะท้ายที่สุดแล้ว พ่อแม่เพียงมอบความรัก ความอบอุ่น
แล้วถ้าอยากให้เขาเป็นอย่างไรละก็... อย่างที่พี่จิกบอก
"เด็กจะไม่เป็นอย่างที่เราสอน เด็กจะเป็นอย่างที่เราทำ"
-------------------------------------------------------------------------------
จากคอลัมน์สนทนาประสาพ่อแม่ ในวารสารเล่มน้อยๆ Amarinkids Newsletter ฉบับที่ 2 / 2547

ไม่มีความคิดเห็น: