วันจันทร์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ไม้หันอากาศทั้งห้า

นิทานล้านบรรทัด
ประภาส ชลศรานนท์
ไม้หันอากาศทั้งห้า
ฉันเดินทางไปต่อว่ากับพระเจ้าว่าเหตุใดจึงสร้างพวกเราขึ้นมาให้อยู่ในโลกอันมืดมิด
พระเจ้าตอบว่า "เราได้ให้ไม้หันอากาศกับมนุษย์ไปแล้ว มนุษย์ไม่ยอมหันมันขึ้นสู่ท้องฟ้าอันงดงามเอง"
ฉันนึกเถียงในใจ พวกเราใช้มันแล้ว มันอยู่ในคำว่า"ฉัน"นี่อย่างไร
พระเจ้าตอบสวนทันที "อย่างนั้นเขาไม่เรียกว่าใช้"
คราวนี้ฉันออกเสียงเถียงออกไปเลย "แต่มันก็ทำให้คำว่าฉัน เป็นฉัน"
นั่นอย่างไร มนุษย์ก็เป็นเสียอย่างนี้ เอะอะอะไรก็อ้าง ฉันต้องเป็นฉัน" พระเจ้าสั่นหน้า เราให้ของวิเศษมนุษย์ไปห้าอย่าง ไม้หันอากาศทั้งห้าที่จะทำให้พวกเจ้าได้มองเห็นท้องฟ้าอันงดงาม"
ขณะที่ฉันกำลังคิดตาม พระเจ้าก็พูดต่อ
ของวิเศษอย่างแรก ฝัน"
ฝัน" ฉันเริ่มนึกออก ฉันเคยใช้มันบ้างบางครั้ง
ฝัน ทำให้พวกเจ้ามองเห็นในสิ่งที่เจ้ายังไม่มี ได้ยินเสียงในสิ่งที่เจ้ายังไม่มี ได้เป็นในสิ่งที่เจ้ายังไม่ได้เป็น" พระเจ้าคงเห็นฉันพยักหน้า จึงพูดต่อ "อย่างที่สอง บั่น"
ท่านหมายถึง บากบั่น" ฉันถาม
ใช่ พวกเจ้าต้องใช้ไม้หันอากาศตัวนี้เพื่อทำให้สิ่งที่เจ้าฝันเป็นจริง" พระเจ้ายิ้มแล้วพูดต่อ "ของวิเศษตัวที่สาม ขวัญ"
ฉันคิดตาม "กำลังใจนั่นเอง"
มันสำคัญมากนะ มันจะทำให้พวกเจ้ามีแรงบากบั่นได้สำเร็จ มันเป็นสิ่งที่พวกเจ้าต้องให้กันและกัน"
ท่านให้พวกเรามา แล้วให้พวกเราให้กันและกันอีกที" ฉันทบทวนความคิด
เจ้าเข้าใจถูกต้องแล้ว ของวิเศษอย่างที่สี่ ขัน" พระเจ้าพูดต่อ
อะไรนะท่าน ขัน" ฉันกำลังคิดเล่นๆว่าพระเจ้าคงไม่ได้หมายถึงภาชนะตักน้ำอะไรนั่น
ฉันหมายถึงอารมณ์ขัน" พระเจ้ายิ้มอีก "เมื่อกี้เจ้ากำลังมีอารมณ์ขัน"
แล้วอารมณ์ขัน เป็นของวิเศษได้อย่างไร" ฉันยังไม่เข้าใจ
ไม้หันอากาศตัวนี้ จะทำให้มนุษย์มีความสุขในสิ่งที่ตัวเองมี มีความสุขในสิ่งที่ตัวเองเป็นอยู่"
ฉันยิ้มนึกออกทันที ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะไหน มีจนแค่ไหน หรือเนิ่นนานแค่ไหน อารมณ์ขันทำให้มนุษย์หาความสุขได้ในสถานะนั้นจริงๆ "แล้วไม้หันอากาศตัวที่ห้าละ" ฉันถามต่อ
ปัน" พระเจ้าตอบสั้นๆ "โลกจะหายจากความมืดมิด เมื่อพวกเจ้าได้สิ่งที่เจ้าอยากมี แล้วแบ่งปันออกไป"
...
ฉันเดินทางกลับมาจากพระเจ้า โดยลืมถามไปว่า ของวิเศษห้าอย่างที่พระเจ้าให้เรามา ถ้าใช้จนหมดแล้วจะทำอย่างไร
แล้วฉันก็ได้ยินเสียงเบาๆอยู่ในหู
ไม้หันอากาศทั้งห้านี้ ใช้เท่าไรก็ไม่มีทางหมด หนำซ้ำยิ่งใช้ก็ยิ่งเพิ่ม"
........................................................................

วันศุกร์ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ที่มาของการรับน้องใหม่

ระพี สาคริก
ขณะ นี้มีข่าวเป็นครั้งคราวว่าพิธีรับน้องใหม่ในสถาบันอุดมศึกษา ซึ่งกระจายไปอย่างทั่วถึง ทำให้เกิดปัญหาการบาดเจ็บทั้งร่างกายและจิตใจ บางครั้งถึงขั้นสูญเสียชีวิตเป็นช่วงๆ หลัง ติดตามการเปลี่ยนแปลงมาแล้วจากอดีตถึงปัจจุบัน ทำให้หวนกลับไปค้นหาความจริงจากจุดเริ่มต้นและสิ่งที่เป็นมาแล้ว กว่าจะมาถึงช่วงนี้ หลัง กลุ่มทหารและพลเรือนซึ่งส่วนใหญ่ถูกส่งไปศึกษาเล่าเรียนเมืองนอกกลับมา ได้มีการรวมตัวกันอย่างลับๆ ทำการปฏิวัติรัฐประหารขึ้นเมื่อช่วงเดือนมิถุนายน 2475 โดยอ้างว่าต้องการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นประชาธิปไตย ระหว่างนั้นผู้เขียนเรื่องนี้มีอายุได้สิบขวบ แต่ก็ยังจำได้ดีว่า มีกระแสเสียงจากกลุ่มปฏิวัติหลายคนที่อ้างว่า เมืองนอกเขาเป็นประชาธิปไตยกันแล้ว แต่ทำไมเมืองไทยยังล้าหลังอยู่ หลังเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นแล้ว ทำให้ประเทศไทยเปิดเสรีภาพในการติดต่อกับต่างประเทศ โดยที่ขาดการมองเห็นผลสะท้อนซึ่งกลับมากระทบวัฒนธรรมและประเพณีที่ดีงามของไทย การมองเห็นด้านเดียวยิ่งเป็นด้านนอกด้วย มีผลทำให้ขาดการมองเห็นความจริงจากรากฐานตนเอง จึงทำให้ขาดการรู้เท่าทัน มีผลอำนวยให้อิทธิพลจากด้านนอกซึ่งมีพลังเหนือกว่า เริ่มเริ่มหลั่งไหลเข้ามากลบกลืนรากฐานความเป็นไทแก่ตนเองของคนไทยให้เริ่ม เห็นแววตกต่ำมากขึ้น ในด้านการจัดการศึกษา โดยเฉพาะสายเกษตรซึ่งให้โอกาสคนท้องถิ่นสัมผัสพื้นดินอันเป็นถิ่นเกิดของตน ซึ่งย่อมมีผลปลูกฝังความรักพื้นดินให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ช่วงนั้นเริ่มมีการส่งนักเรียนที่คัดหัวกะทิจากการเรียนในระบบ อย่างที่เรียกกันว่า นักเรียนทุน ก.. ไปเรียนในมหาวิทยาลัยต่างประเทศ เท่าที่จำได้ เราส่งนักเรียนซึ่งมีผลการเรียนระดับยอดดังกล่าวไปเรียนเกษตรต่อยอดระดับ ปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์แห่งชาติ ณ เมืองลอสแบนยอส ในประเทศฟิลิปปินส์ ทั้งนี้และทั้งนั้นเป็นที่ทราบกันดีว่า ช่วงนั้นสหรัฐอเมริกาได้เข้ามาถือครองหมู่เกาะฟิลิปปินส์เอาไว้ทั้งหมดและมีการถ่าย ทอดรูปแบบเทคโนโลยีจากประเทศที่เป็นนายเข้ามาครอบงำ ทำให้รูปแบบการเรียนการสอนในมหาวิทยาลัยแห่งนี้เป็นไปตามแนวคิดและระบบอเมริกัน นอกจากนั้นในด้านกิจกรรม นักศึกษาก็ได้มีการถ่ายทอดความคิดในการประกอบพิธีรับน้องใหม่เข้ามาไว้ที่นั่นด้วย โดยที่เชื่อว่าน่าจะมีผลทำให้เกิดควมรักความผูกพันและความสามัคคีระหว่างหมู่คณะ ช่วงปี พ.. 2482 – 83 ได้ มีการรวบรวมโรงเรียนเกษตรกรรมของไทยซึ่งครั้งนั้นขึ้นอยู่กับการบริหารงานของกระทรวงศึกษาธิการและโรงเรียนดังกล่าวซึ่งอยู่ในภาคต่างๆ ของประเทศ เข้าไปไว้ที่ศูนย์รวมซึ่งตั้งขึ้นใหม่ในบริเวณหมู่บ้านห้วยแม่โจ้ อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ ผู้เขียนได้มีโอกาสเข้าไปเรียนอยู่ในโรงเรียนแห่งนี้ระหว่างช่วงนั้นพอดี ประกอบกับตัวเองมีนิสัยค้นหาความจริงย้อนไปสู่อดีต จึงทำให้มีผลรวบรวมข้อมูลเข้าไว้ในความทรงจำ ระหว่างโรงเรียนเกษตรที่แม่โจ้ได้มีการปรับหลักสูตรยกระดับขึ้นมาเป็นโรงเรียนเตรียมวิทยาลัย มีครูอาจารย์ที่แบ่งออกเป็น 2 พวก จากความรู้สึกอันเป็นธรรมชาติของคนขณะนั้น โดยที่พวกหนึ่งจบจากโรงเรียนประถมกสิกรรมภายในประเทศ ถูกเรียกว่าครู ส่วนอีกพวหนึ่งคือผู้สำเร็จปริญญาตรีกลับมาจากประเทศฟิลิปปินส์ถูกเรียกว่า อาจารย์ นับเป็นการปลูกฝังความคิดแบบแบ่งชนชั้น ซึ่งไม่ใช่เรื่องเงินและสถานะ หากเป็นเรื่องของการแบ่งแยกระดับประกาศนียบัตรออกจากกัน ช่วงนั้นพิธีรับน้องใหม่เกิดขึ้นที่โรงเรียนเตรียมวิทยาลัยเกษตรศาสตร์แม่โจ้แห่งเดียว ส่วนที่อื่นยังไม่ปรากฏ ทราบว่ากิจกรรมดังกล่าว เริ่มต้นจากการที่มีครูอาจารย์ผู้สำเร็จการศึกษาจากฟิลิปปินส์ นำเข้ามาใช้ที่นั่น ดังจะพบได้ว่า หลังพิธีรับน้องใหม่ผ่านพ้นไปแล้วมีนักเรียนที่เข้าไปเรียนปีแรกบางคน นำความไปปรับทุกข์กับอาจารย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาจารย์ที่จบมาจากเมืองนอก จะได้รับคำตอบกลับมาว่า ปีหน้าก็คงถึงทีเธอบ้างไม่ต้องเสียอกเสียใจอะไรไป นอกจากนั้น ยังพบด้วยว่า ระหว่างพิธีเวลากลางคืน มีอาจารย์บางคนมาเฝ้าดูอย่างลับๆ ในความมืดอีกด้วย เตรียมวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เป็นโรงเรียนเตรียมของวิทยาลัยที่บางเขน ระบบการจัดการศึกษาครั้งนั้น หลังจบจากแม่โจ้หลังมีการคัดคนจากผลการเรียนในห้องเพื่อส่งมาเรียนต่อที่ บางเขน ดังนั้นที่บางเขนจึงไม่มีพิธีรับน้องเช่นทุกวันนี้ จนกระทั่งเวลาผ่านพ้นมาอีกช่วงหนึ่ง วิทยาลัยเกษตรศาสตร์ที่บางเขนได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นมหาวิทยาลัย แต่ก็ยังคงรับนักเรียนเตรียมจากแม่โจ้ต่อมาอีก ถัดมาอีกช่วงหนึ่ง ได้มีการปรับแนวคิดและโครงสร้างสายเกษตรใหม่ โดยที่ผู้บริหารยุคนั้นเห็นว่า ภาคปฏิบัติมีความสำคัญน้อยกว่าการเรียนในห้อง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์จึงเปิดรับนักเรียนทั่วไปโดยตรง หลังจากนั้นมาจึงมีพิธีรับน้องใหม่เกิดขึ้นที่บางเขน ทั้งนี้และทั้งนั้น เนื่องจากแม่โจ้และบางเขนได้แยกตัวออกจากกันอย่างเด็ดขาดแล้ว ต่อจากนั้นมามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ก็ได้ผลิตคนออกไปอยู่ตามสถาบันการศึกษาต่างๆ เริ่มต้นจากสายเกษตรก่อน นอกจากนั้นภายในมหาวิทยาลัยเองได้มีการขยายพื้นฐานการจัดการกว้างขวางออกไปสู่สาขาวิชาอื่นๆ แต่ความคิดหลายคนที่มองมหาวิทยาลัยนี้ติดอยู่กับชื่อและรูปแบบการเกษตรที่เน้นเทคโนโลยีแทนการมองเห็นความจริงของชีวิตคน จึงทำให้พื้นฐานแนวคิดคนจำนวนมากรู้สึกว่ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เปลี่ยนไป เป็นมหาวิทยาลัยทั่วไป โดยไม่ได้เน้นการเกษตรเช่นแต่ก่อน ถึงขนาดเกิดปฏิกิริยารุนแรงให้เปลี่ยนชื่อมหาวิทยาลัยด้วย การกระจายความคิดแต่รากฐานยึดติด ซึ่งแทรกซึมอยู่ในพื้นฐานคนในสังคมไทย มีผลทำให้พิธีรับน้องใหม่ กระจายไปสู่สถาบันต่างๆ อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาวะยึดติดรูปแบบที่ฝังลึกอยู่ในรากฐานจิตใจคนไทยมีผลทำให้สิ่งใดก็ตามที่เกิดขึ้น มักทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นอย่างรวดเร็วกับอีกสิ่งหนึ่งซึ่งเป็นปัญหาแฝงอยู่ในรากฐานจิตใจอย่างลึกซึ้งได้แก่ภาวะยึดติดรูปแบบซึ่งแฝงอยู่ในพื้นฐานอย่างแก้ได้ยาก มีผลทำให้เหตุการณ์ต่างๆ บานปลายออกไปอย่างรวดเร็วอีกทั้งทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นเป็นลำดับ สิ่งที่กล่าวมาแล้วทั้งหมด น่าจะทำให้มองเห็นความจริงได้ว่าสภาพที่เกิดขึ้นกับพิธีรับน้องใหม่ คงไม่เพียงแต่เกี่ยวกับพิธีการนี้เท่านั้น หากเกิดขึ้นในสังคมไทยกับพิธีกรรมต่างๆ ทุกรูปแบบ

ดังนั้น เมื่อปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้นกับกระบวนการจัดการศึกษาซึ่งถือว่าน่าจะเป็นพื้นฐานการแก้ปัญหาสังคมได้ทุกเรื่อง เราจึงหวังได้ยากว่าปัญหาที่เกิดขึ้นแก่สังคมไทยุคปัจจุบัน น่าจะไกลกับความหวังในการแก้ไขปัญหาให้เห็นได้ชัดเจนออกไปได้ทุกขณะ จนกว่าสังคมทั้งหมดจะได้รับผลกระทบทำให้รู้สึกเจ็บปวดจากทุกๆ เรื่องซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนกว่าจะไปถึงจุดอันเป็นที่สุดของการปรับเปลี่ยน

23 กันยายน 2545

วันพฤหัสบดีที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

คำที่ post ใน facebook ถึงวันที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๔

ความรักมันไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ ต้องมีอะไรมาทำให้รัก ถ้าไม่มีก็คือไม่รัก
ฉันไม่ประมาทกับความสุข ไม่คาดหวังว่ามันจะอยู่กับเราไปนาน ความทุกข์ก็เหมือนกัน ถ้ามันมาเมื่อไหร่ ฉันก็พร้อม เพราะความทุกข์ก็อยู่กับเราไม่นานเหมือนกัน

เลือกเป็นแบบไหน
หนึ่งเป็นคนแก้ปัญหา
สองเป็นคนสร้างปัญหา
ประชาธิปไตยไม่ใช่คำตอบ หากผู้มีสิทธิ์ส่วนใหญ่ยังขาดความรู้ และปัญญา

หากฉันไม่อยู่ แต่ละคนคงต้องดูแลตัวเอง
ความรักมันไม่ง่ายขนาดนั้น หลายครั้งมันก็ต้องลองดู

  • Ray Recreacao ดูมาหลายรอบแล้วพี่ ไอเรามันก็แค่ตัวโกง ไม่เคยได้ซักที เศร้าา
    14 ชั่วโมงที่แล้ว ·
  • เฉลิมชัย เอื้อวิริยะวิทย์ บางทีมันก็ต้องใช้ความรักตัดสิน เผื่อนางรองดีๆ สวยๆ จะเลือกตัวโกงอย่างเราบ้าง
    14 ชั่วโมงที่แล้ว ·
  • Ray Recreacao ฮ่าๆๆ พี่ชัย โดนนนนน
    14 ชั่วโมงที่แล้ว ·
  • เฉลิมชัย เอื้อวิริยะวิทย์ เราก็อยากมีโอกาสบ้าง แต่ก็ต้องรอคนมาเห็น เปิดเยอะๆ แต่พี่เปิดเยอะไป เลยต้องอยู่คนเดียว
    14 ชั่วโมงที่แล้ว ·
  • Ray Recreacao โหะๆๆๆ น่าสงสารแท้
    14 ชั่วโมงที่แล้ว ·
  • เฉลิมชัย เอื้อวิริยะวิทย์ แต่ความรักยังไงก็งดงามเสมอ

ทำอะไรอยู่นี่ นานไปแล้วนะ

อยู่กับความจริง มีฝันเป็นกำลังใจ มีอดีตเป็นประสบการณ์

ความสวยไม่มีราคาเท่าความดี

อย่าตำหนิตัวเองหรือชมเชยตัวเองจนเกินไปนัก ถ้าอะไรมากมายที่เกิดกับเรานั้น เราได้เลือกทางเดินเองแล้ว

เพราะความไม่รู้ เราถึงวนเวียนกันไปมาอย่างนี้
ทุกอย่างมีอยู่แล้วในโลก ทั้งความรู้และความไม่รู้ ต่างก็หยิบยืมกันไปมา ไม่มีอะไรเป็นของเราครับทุกอย่างมีอยู่แล้วในโลก ทั้งความรู้และความไม่รู้ ต่างก็หยิบยืมกันไปมา ไม่มีอะไรเป็นของเราครับ

ก่อนเกิดทุกอย่างมันเป็นยังไงนะ

กด Shift+Enter เพื่อขึ้นบรรทัดใหม่
ทำไมยิ่งโต ปัญหายิ่งเยอะขึ้น....ขอพื้นที่เล็กๆ ให้ยังเป็นเด็กอยู่ได้มั้ย อะ
15 พฤษภาคมเวลา 12:57 น. · · · ดูความสัมพันธ์


    • เฉลิมชัย เอื้อวิริยะวิทย์ ก็ยิ่งโตยิ่งเห็นอะไรมากขึ้น มีทั้งชอบและไม่ชอบ ซึ่งเราควบคุมมันได้บ้างไม่ได้บ้าง แก้มันได้บ้างไม่ได้บ้าง พื้นที่เล็กๆ สำหรับมีความสุขเราก็สร้างมันเองได้นี่ แต่คงไม่สามารถเป็นเด็กได้ตลอดไป
      15 พฤษภาคมเวลา 22:04 น. ·

เราไม่เคยเรียนอะไรใหม่ เรียนสิ่งที่มีอยู่แล้ว เรียนธรรมชาติ และเรียนรู้การใช้ชีวิต

เวลาไม่พอ อยู่ไกลไป เคมีไม่ตรงกัน เหตุผลมากมายที่เอาไว้บอกว่าทำไมไม่มีใคร

ไม่ทิ้งกันเวลาเจอปัญหา ก็พอ

ยาวนานเหลือเกินที่ความฝันมันหายไป

เรื่องของกรรมมันซับซ้อนเกินกว่าจะบอกได้ง่ายๆ

ไม่ได้ทำทุกอย่างด้วยความอยากทำ
บางอย่างทำด้วยความรับผิดชอบต่อคนอื่น
บางอย่างทำหรือไม่ทำเพราะอยากรับผิดชอบต่อตัวเอง
09 พฤษภาคมเวลา 22:58 น. · ·

  • ถูกใจ Bick Somporn
    • Bick Somporn เหมือนชีวิตจิง 555
      09 พฤษภาคมเวลา 23:01 น. ·
    • เฉลิมชัย เอื้อวิริยะวิทย์ จริงๆ ช่วงนี้ทำและไม่ทำ บางครั้งไม่ค่อยถูกใจตัวเอง และไม่ถูกใจคนหลายคน
      09 พฤษภาคมเวลา 23:07 น. · · 1 คน


จะรักให้ดีที่สุด

จะรักให้ดีที่สุด

คำร้อง / ทำนอง จักราวุธ แสวงผล

ฉันไม่สัญญาว่าเธอจะเป็นคนสุดท้าย
ฉันไม่มั่นใจอะไรที่มันยังไม่เกิด
ฉันไม่สัญญาว่าจะมีเราตลอดไป
แค่ไม่มั่นใจ อย่าเพิ่งโกรธ

* แต่ฉันขอสัญญาจะมีแต่เธอเท่านั้น
และทุก ๆ วันฉันจะทำเพื่อเธอ
ฉันขอสัญญาไม่ว่าจะไกลสักแค่ไหน
ฉันจะตั้งใจ ฉันรักเธอ

เมื่อความรักนั้น ไม่ใช่ภูผา
เป็นเพียงแววตาที่จริงใจ
เมื่อความรักนั้น
เป็นแค่ต้นไม้มันจะยืนยงสักเท่าไร
ก็ต้องอยู่ที่เราทั้งสองคน

แม้จะเป็นภูเขาก็อาจพังทลาย
แล้วจะเอาอะไรมายืนยันมาสัญญา
ฉันไม่รอพรุ่งนี้ไม่นับวันเวลา
ฉันแค่รักเธอและฉันจะรักให้ดีที่สุด

( ซ้ำ * / * )

เจี๊ยบ วรรธนา - เพราะใจ

เจี๊ยบ วรรธนา - เพราะใจ
คำร้อง/ทำนอง เชษฐา ยารสเอก
เรียบเรียง เชษฐา ยารสเอก, นิมิตร
จิตรานนท์


อาจเคยไม่เข้าใจเหมือนกัน
ว่าทำไมถึงเลือกเธอ
ในหัวใจอาจเคยได้เจอคนมากมาย
แต่สุดท้ายก็เป็นเธอ ที่คู่กัน
รัก... ไม่เป็นแค่เรื่องบังเอิญ รัก...
เชื่อมใจไว้ด้วยกัน
มีเพียงแต่ใจที่รู้
ใครคือผู้อยู่ในฝัน
เธอคือคนนั้นที่ฉันรอ

ก็เพราะใจมันขอ เพราะใจเรียกร้อง
เกิดมาเพื่อเป็นของเธอเสมอไป
ก็เพราะใจของฉันไม่เคยหวั่นไหว
อย่างไรก็ยังมั่นใจว่าใช่เธอ
ไม่มีเหตุผลที่มากมายแค่ใจฉันรักเธอ

หนึ่งคนที่ยังเคียงข้างกัน
ช่วงเวลาที่เป็นสุข หรือทุกข์ใจ
หนึ่งคนที่ยังเข้าใจ
ก็คงไม่ใช่ใครอื่น เรารู้กัน

รัก... ไม่เป็นแค่เรื่องบังเอิญ รัก...
เชื่อมใจไว้ด้วยกัน
มีเพียงแต่ใจที่รู้
ใครคือผู้อยู่ในฝัน
เธอคือคนนั้นที่ฉันรอ
ก็เพราะใจมันขอ เพราะใจเรียกร้อง
เกิดมาเพื่อเป็นของเธอเสมอไป
ก็เพราะใจของฉันไม่เคยหวั่นไหว
อย่างไรก็ยังมั่นใจว่าใช่เธอ


ไม่มีเหตุผลที่มากมาย แค่ใจฉันรักเธอ

วันจันทร์ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

คำที่ post ใน facebook ถึงวันที่ ๙ พฤษภาคม ๒๕๕๔

ทุกอย่างเราไม่สามารถควบคุมได้

ไม่แพ้ก็ชนะ ธรรมดากฏเกณฑ์

ขอให้จุดหมายอันดียังอยู่ แม้ปัญหาจะต่างกัน วิธีจะต่างไป คิดอาจต่างกัน แต่จงเดินกันต่อไป

อยากอยู่แบบ อยากเชื่ออะไรก็เชื่อ ไม่ต้องเชื่อในสิ่งที่ไม่อยากเชื่อ ไม่ต้องทำในสิ่งที่ไม่อยากทำ

พวกวิญญูชนจอมปลอมที่ออกมาหลอกลวงผู้คน ยังมีอยู่มากนัก

รอแล้วได้อะไร

ทำงานแข่งกับเวลา เวลาก็เดินไปของเค้า ไม่เคยเห็นเวลามาแข่งด้วยสักที

Aor Aorbaa เวลาเปนของมีค่า มันไม่ลดตัวลงมาแข่งด้วยหรอ

ยึดมากเป็นทุกข์

อยากบอกให้รู้ความดียังมีอยู่ วางจิตรับรู้เข้าใจด้วยเหตุผล
ดื่มดับกระหาย สายน้ำของทุกผู้คน หยุดความสับสนเลือกหนทางเดิน

สัจจธรรมจริงแท้มั่นคงดำรงอยู่ ปัญญาความรู้เท่าทันความเศร้าหมอง
ดื่มเถิดเพื่อนพ้อง สายน้ำของการแบ่งปัน ร่วมกันสร้างฝันบนฐานความจริง

จากไกล มาโนช พุฒตาล
02 พฤษภาคมเวลา 19:48 น. · ·
อดีตคือฝัน
ปัจจุบันต้อง \"อดทน\"
***มหาลัยเหมืองแร่***

เพราะชีวิต ไม่ง่ายจะเจอกับคนหนี่งคนที่ใช่

ทุกอย่างมีอยู่แล้วในโลก รู้ก่อนรู้หลังไม่เป็นไร ดีกว่าไม่รู้

บางคนรอคำตอบ แล้วถ้าคำตอบไม่ตรงกับใจ ก็ขอโทษด้วย

เปิดใจตรงนี้เลยคำว่ารักฉันมีอยู่แทบล้นใจ
แต่ยังไม่มีที่ใช้ก็เท่านั้นเอง

คนเราจะมีอำนาจ ต้องมีบารมีด้วย ไม่งั้นอำนาจนั้นจะไม่ศักดิ์สิทธิ์และไม่กดดัน

คนหนึ่งชนะคนหนึ่งแพ้แล้วได้อะไร ลองหาอะไรที่ทั้งสองคนชนะด้วยกันไม่ดีหรอกเหรอ

สิ่งที่มีค่ามากที่สุดของคน ไม่ใช่เพชรพลอยเงินทอง แต่เป็นน้ำใจที่ให้แก่กันมากกว่

ทุกคนมีความเห็นแก่ตัวเป็นของตัวเอง

ถ้าปาฎิหารย์เป็นแค่เรื่องธรรมดา ก็แค่รอเรื่องธรรมดาให้มันเกิดขึ้นกันต่อไป

ไม่เคยรับบทเป็นพระเอก เป็นผู้ร้ายตลอด

ความรักจริงจริงไม่เปลี่ยนนะ แต่ความรักกับคนบางคนเปลี่ยนไป

ความงามก็ลดลงมาตั้งหลายครั้ง แต่มันมีอะไรบางอย่าง ได้เข้ามาแทนเรื่องราวเหล่านั้น


คาถา