วันอาทิตย์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ชีวิต

Life is not measured by thenumber of breaths we take,
but by the moments that take our breath away.
ชีวิตไม่ได้วัด ด้วยจำนวนครั้งของลมที่เราหายใจ
แต่วัดด้วยจำนวนครั้งที่เราลืมหายใจเพราะความดีใจต่างหาก

วันจันทร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

Ukulele


"Ukulele" เป็นภาษาฮาวายเอี้ยน ความหมายของคำว่า "ukulele" ถูกแยกเป็นสองคำคือ "uku" ซึ่งแปลว่า "ของขวัญหรือรางวัล"
ส่วนคำว่า
"lele" แปลว่า "การได้มา" ดังนั้นเมื่อนำสองคำนี้มารวมกัน จึงแปลความหมายได้ว่า "ของขวัญที่ได้มา"

"Ukulele"
อาจจะเป็นเครื่องดนตรีชิ้นใหม่สำหรับใครบางคน แต่สำหรับนักดนตรี หรือผู้คนบนเกาะฮาวาย(Hawaii)
Ukulele
เป็นเครื่องดนตรีที่เป็นเสมือนศิลปะ และวัฒนธรรมของชาวฮาวายเอี้ยน เครื่องดนตรีชิ้นนี้ถูกเล่นในงานรื่นเริงต่างๆ ในทุกๆ เทศกาล
ukulele กลายเป็นเครื่องดนตรีชิ้นเอกที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างยิ่งบนเกาะฮาวาย ดังนั้น ชาวฮาวายเอี้ยนกับอูกูลี จึงแยกจากกันไม่ออก!

Ukulele
คืออะไร?
เครื่องดนตรีที่มีขนาดเล็กพกพาสะดวก สวยสะดุดตาเมื่อแรกเห็น และตัวจิ๋วเล็กนิดเดียว ในชื่อ "Ukulele" (ออกเสียงว่า อูกูลีเล)
บางท่านอาจจะสามารถเรียกอีกชื่อว่า อูกี (Uke) ก็คงไม่ผิด เครื่องดนตรีชิ้นนี้เกิดมาก่อนสงครามโลกสะอีก อายุอานามไม่แพ้อะคูสติกกีต้าร์ เพียงแต่ว่าเครื่องดนตรีทั้งสองมีการกำเนิด และมีการพัฒนาที่แตกต่างกัน

กีต้าร์โปร่งโด่งดังและพัฒนามาจากอเมริกา และ Ukulele เป็นเครื่องดนตรีพื้นบ้านมาจากเกาะฮาวาย เกิดมาก่อนยุคสงครามโลก
ต่อมาช่วงยุค 60's เจ้า Ukulele ขึ้นมาโด่งดังและรู้จักกันแพร่หลายมากขึ้น เพราะว่านักดนตรีโฟล์คซอง และแจ๊ส ได้นำมันไปเล่น
ตามสถานที่ต่างๆ ทำให้ผู้คนทั่วไปเริ่มคุ้นหน้าคุ้นตา และรู้จักกับเจ้า
Ukulele มากขึ้น

ตารางคอร์ด

แนะนำเวปตั้งสาย ukulele On-Line คลิก> "ukulele tuner"
http://www.ribbee.com/
ตารางคอร์ด Ukulele
http://www.sippe-w.de/assets/images/ukulele_chords_a-d-fis-h.gif
โน๊ต Ukulele

วันพฤหัสบดีที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

Jim Brickman - You

never felt alone
I was happy on my own
And who would ever know there was something missing
I guess I didn't see the possibility
It was waiting all the time
But it never crossed my mind
Till you opened up my eyes
Now all I think about is

CHORUS: You in my life
In my dreams
In my heart I know it's true
That I belong with you
Because of you in my world
In my arms
I have everything and now
I can't imagine what I'd do
Without you

I never thought that love could be
Such a curiosity
But what attracted you to me
Was so unexpected
But it was waiting all the time
And it never crossed my mind
Until you opened up my eyes
Now all I think about is

CHORUS (x2)

In my life
In my dreams
In my heart I know it's true
That I belong with you
Because of you in my world
In my arms
I have everything and now
I can't imagine what I'd do
I can't imagine what I'd do
Without you
Without you

วันอังคารที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

วิ่งตามอะไรกันในชีวิต

มีเรื่องเล่าว่า... มีพระองค์หนึ่ง...ชอบทำอะไรแปลกๆ...
วันหนึ่ง...พวกกรุงเทพฯ...เอากฐินไปทอดที่วัด...

จัดงานกันใหญ่โต...มีหนัง...มีลิเก...มีดนตรี...ผู้คนแห่กันมามืดฟ้ามัวดิน...
ก่อนทอดกฐิน..ผู้คนมารวมกันเต็มศาลา...
หลวงพ่อเรียกเด็กวัดมา...
บอกให้ไปเอาเนื้อจากโรงครัวมาก้อนหนึ่ง...แล้วเอาเชือกมาด้วย...
หลวงพ่อจัดการ...เอาเนื้อ...ผูกติดกับหลังหมา...

ผูกเสร็จ...ก็ปล่อยหมา ...
หมาเห็นเนื้ออยู่บนหลัง...ก็ไล่งับ...
พอหัวโดดงับ...ตัวก็ขยับหนี...
เพราะหมามันกัดหลังตัวเองไม่ถึง...
ยิ่งโดดงับเร็ว...ก้อนเนื้อก็หนีเร็ว...
โดดไม่หยุด...เนื้อก็หนีไม่หยุด...น่าสงสารหมามาก...


หมาโดดอยู่นาน...งับเท่าไหร่...เนื้อก็ไม่เข้าปากสักที...
ผู้คนบนศาลา...พากันหัวเราะชอบใจ...
หัวเราะเยาะหมา...ว่าทำไมมันถึงโง่ยังงี้...
ไล่งับ...จะกินเนื้อ...ที่ตัวเองไม่มีทางไล่ตามทัน ตลอดชีวิต...

หลวงพ่อ...มองดูด้วยความสนุกสนานจนหนำใจแล้ว...
ก็แก้เชือกออกมากหลังหมา...
แล้วหันมาพูดกับญาติโยมว่า...


มนุษย์เรา...มีความรู้สึกว่า...ตัวเองพร่อง...ตัวเองยังไม่เต็ม...
ต้องเติมตลอดเวลา...เติมไม่หยุด...เพื่อให้ตัวเองเต็ม...


เราอยากสวย...อยากทันสมัย...
ไปหาซื้อเสื้อผ้าที่สวยที่สุด...ทันสมัยที่สุดใส่...
ดีใจได้เดือนเดียว...มีรุ่นใหม่ออกมาอีกแล้ว...สวยกว่า...ทันสมัยกว่า...
อยากได้โทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่...
ซื้อเสร็จ ๓ เดือน...รุ่นใหม่ก็โผล่มาอีกแล้ว...


ซื้อคอมพิวเตอร์ทันสมัยที่สุด...
๒ เดือนต่อมา...มีรุ่นใหม่กว่าออกมา...ของเราตกรุ่น...

ซื้อรถเบนซ์...ทันสมัยที่สุด...แพงมาก...
ขับได้ ๖ เดือน...มีรุ่นใหม่ออกมาอีกแล้ว...
ทันสมัยกว่า...แพงกว่า...ของเรากลายเป็นเชย...

เราต้องก้มหน้าก้มตา...ทำงานทั้งวัน ทั้งคืน...หาเงินมา...
เพื่อมาทำให้ตัวเองทันสมัย...
ซื้อเสื้อผ้าใหม่...มือถือใหม่...คอมพิวเตอร์ใหม่...รถยนต์คันใหม่...
เหน็ดเหนื่อยแสนสาหัส...
เพื่อไม่ให้ตัวเองตกรุ่น...


ปัจจุบัน...
เรากำลังไล่งับความทันสมัย...เหมือนหมาที่ไล่งับเนื้อบนหลังของมัน...
ทั้งที่รู้ว่า...ต่อให้ไล่งับทั้งชีวิต...ก็ไม่มีทางตามทัน...
น่าสงสารไหมโยม...

คนเต็มศาลา...เมื่อกี้หัวเราะครึกครื้น...
ด่าว่า...หมามันโง่...
ตอนนี้เงียบสนิท...เหมือนไม่มีคนอยู่...


ไม่รู้ว่า...กำลังสงสารหมา...
หรือ...กำลังทบทวนความโง่...ตัวเอง

เศษเหล็ก" -โอวาทจากในหลวง"

เศษเหล็ก" -โอวาทจากในหลวง"


ผมเคยได้ดู UBC ตอนนึงที่คุณสุเมธ ตันติเวชกุล
เล่าประสบการณ์ดีดีที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ได้ทรงรับสั่งให้กำลังใจ ซึ่งเป็นประโยคที่ดีมาก...
อยากเล่าต่อๆตั้งนานแล้ว จนเกือบลืมเลยครับ
...คงได้ประโยชน์ กับบางคนที่กำลังเจอมรสุมกับงาน
จะได้รู้สึกดีผมจำมาถูกบ้างผิดบ้าง เนื้อหาประมาณนี้ครับ...
องคมนตรีท่านบอกว่า...
ตอนนั้นผมกำลังทำงานอยู่ในสภาพจิตใจที่แย่มากมันไม่มีกำลังใจจะทำอะไรท้อแท้กับงานมาก
ไม่มีใครเข้าใจ เหมือนทำดีแต่ไม่ได้ดีในหลวงท่านทรงเสด็จมาพอดีและท่านได้เห็นสีหน้าผมไม่สู้จะดี
ท่านได้สอบถามจนได้ความว่าผมกำลังท้อแท้กับงานท่านจึงตั้งคำถาม+รับสั่งว่า...
"ท่านสุเมธเคยขายเศษเหล็กไหม?
เศษเหล็กเหล่านั้น เวลาขาย คุณค่ามันต่ำมากใช่ไหม
คงได้เงินมาไม่กี่บาทใช่ไหม?
แล้วถ้าเราเอาเศษเหล็กเหล่านั้นมาหลอมรวมกันเป็นแท่งเวลาหลอมนี่เหล็กมันคงรู้สึกร้อนมากใช่ไหม?
พอหลอมเสร็จเรานำมาทำเป็นดาบคงต้องนำมาตีให้แบนอีกใช่ไหม?
เวลาตีก็ต้องคอยเอาไปเผาไปด้วย ต้องตีไป เผาไปอยู่หลายรอบจนกว่าเป็นรูปเป็นร่างดาบอย่างที่เราต้องการ
ต้องผ่านความเจ็บปวดร้อนอยู่นานแถมเมื่อเสร็จแล้วถ้าจะให้สวยงามดังใจก็ต้องนำไปแกะลวดลายอีกใช่ไหม?
เวลาที่แกะลวดลายก็คงต้องใช้ของแข็งมีคม มาตีให้เป็นลวดลายอีก แต่เมื่อเสร็จเป็นดาบที่งดงามก็จะมีคุณค่าที่สูงมาก
เทียบกับเศษเหล็กคงจะต่างกันลิบลับ...จะเห็นว่ากว่าที่เศษเหล็กไม่มีคุณค่ามากนัก จะกลายเป็นดาบอันงดงามนั้นต้องผ่านอุปสรรคมามากมาย
ทั้งความเจ็บปวดต่างๆ กว่าจะประสบความสำเร็จดังนั้นขอให้จำไว้อย่างหนึ่งว่า
"ใครไม่เคยถูกตีถูกทุบ เจอเรื่องเลวร้ายในชีวิตมาเลยนั้น จงอย่าได้คิดทำการใหญ่"

.............รวมเด็ด เกร็ดชีวิต.............. ^_^ ..

เกร็ดที่ 1 ... เจ็ดทะเลาะ

ทะเลาะกับเมีย เพลียที่สุด
ทะเลาะกับผัว ปวดหัวที่สุด
ทะเลาะกับแฟน แค้นใจที่สุด
ทะเลาะกับเพื่อนร่วมงาน รำคาญที่สุด
ทะเลาะกับผู้ร่วมประชุม กลุ้มที่สุด
ทะเลาะกับลูกน้อง มัวหมองที่สุด
ทะเลาะกับนาย ฉิบหายที่สุด



เกร็ดที่ 2 ... ความสุขตามกาลเวลา

- อยากมีความสุข 3 ชั่วโมง ให้ตั้งวงดื่มเหล้า/เม้าท์
- อยากมีความสุข 3 วัน ให้ใส่เสื้อใหม่
- อยากมีความสุข 3 เดือน ให้มีแฟนใหม่
- อยากมีความสุข 3 ปี ให้ปลูกบ้านใหม่
- อยากมีความสุขตลอดไป *ให้รักษาสุขภาพ*



เกร็ดที่ 3 ... จงจำไว้

- ศัตรูที่น่าสะพรึงกลัวที่สุด คือ *ตัวเราเอง*
- ทรัพย์สมบัติที่มีค่ามากที่สุด คือ *สุขภาพที่ดีทั้งใจและกาย*
- ของขวัญที่มีค่ามากที่สุด คือ *การให้อภัย*
- สิ่งที่น่าสังเวชมากที่สุด คือ *ความถดถอย*
- การกระทำที่โง่เขลาที่สุด คือ *การติดยาเสพติด*
- สิ่งที่เป็นอกุศลที่สุด คือ *การหลอกตัวเอง*




เกร็ดที่ 4 ... โอวาท ท่านพุทธทาส

*"ก็ขัดแย้งกันบ้างในบางครั้ง ก็ชิงชังกันบ้างเป็นบางหน
ก็เจ็บปวดกันบ้างเป็นบางคน ต้องสู้ทนรู้รักสามัคคี
ด้วยไม่มีที่ใดไร้ปัญหา จึงอุตส่าห์ทนสู้อยู่ที่นี่ ต้องยึดถือ
คุณธรรมนำชีวี จึงต้องมีความจริงใจให้แก่กัน"*



เกร็ดที่ 5 ... การทำงาน (จาก ดร.ไชย ณ พล)

*คนโง่* ทำงานเพื่อเงิน จึงได้เงินมาอย่างยากเย็นและมักไม่ได้คุณค่าอื่นๆของงาน

*คนฉลาด* ทำงานเพื่องาน จึงได้ผลงานที่ยิ่งใหญ่และ ได้เงินมาโดยง่าย

*คนเจ้าปัญญา* ทำงานเพื่อหยิบยื่นคุณค่าแก่สังคม เขาจึงได้ผลงานที่น่าชื่นชม

เงิน ชื่อเสียงแลมิตรมหาศาล ย่อมตามมาเสมอ




เกร็ดที่ 6 ... เตือนตน

ใครชอบ ใครชัง ช่างเถิด
ใครชู ใครเชิด ช่างเขา
ใครเบื่อ ใครบ่น ทนเอา
ใจเรา ร่มเย็น เป็นพอ



เกร็ดที่ 7 ... คาถา 3 ช

1. ชอบ - ทำให้เขาชอบก่อน รักเขาให้มากๆ/รักกันๆ
2. เชื่อ - เมื่อเขาชอบเรา เขาจะเชื่อเรา/ทำดีทำถูก
3. ช่วย - ช่วยเขาก่อนแล้ว เขาจะช่วยเราทำงาน
หรือเมื่อเขาชอบเราเขาเชื่อเรา / เขาจะช่วยเราเองอัตโนมัติ

ทำงาน 20% ได้ผลงาน 80% ตามกฎพาเรโต



เกร็ดที่ 8 .. สันดานเดิมอันเป็นชั่วร้าย (พระพิพิธธรรมสุนทร)

เร็วก็หาว่าล้ำหน้า ช้าก็หาว่าอืดอาด
โง่ก็ถูกตวาด ฉลาดก็ถูกระแวง
ทำก่อนถามว่าใครสั่ง ทำทีหลังด่าว่าไม่รู้จักคิด
คนดีถูกถีบไปไกลตัว เอาคนชั่วมาอยู่ใกล้ชิด
เกลียดคนตรงหลงคนคดงอ ชอบกินลูกยอแต่ให้ลูกโยน
หัวตัวเองไม่พอใจ ชอบหัวใหม่ด้วยการใส่หัวโขน
คนดีจึงเผ่นหนีเข้าป่า คนที่เดินอย่างสง่าก็มีแต่พวกโจร

วันจันทร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ระลึกถึงเสมอ 2 ก.พ.

เขียวธงขจี ก่อเกิดไมตรีสามัคคีมั่น

สถานเรียนเกษตรนั้น เราผูกพันบูชา

2 ก.พ. วันสถาปนามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

องค์พิรุณนาคา นั่นคือตราที่รักจริงยิ่งหัวใจ

เลือดเขียวมันตั้งแต่มัธยม (ทวีธาภิเศก)

มหาวิทยาลัยก็เขียว (มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์)

ทำงานที่มหาวิทยาลัย เลยเขียวมาเรื่อย