คอลัมน์ คุยกับประภาส
โดย ประภาส ชลศรานนท์
คุณประภาสขอรับ
ฟังครั้งเเรกๆ ผมก็ชอบอยู่หรอกขอรับ พับนกเพื่อสันติภาพเนี่ย เเต่มานั่งนึกดูดีๆ ผมว่ามันน่าจะมีข้อเสียมากกว่าข้อดี ที่เห็นชัดๆ เลยก็คือมันสิ้นเปลืองทรัพยากร ทั้งกระดาษเป็นล้านๆ แผ่น ค่าน้ำมันรถขนส่งไปภาคใต้ ค่าน้ำมันเครื่องบินที่ต้องขับขึ้นไปโปรย แรงงานคนอีกตั้งเท่าไหร่ รัฐบาลเองก็พูดปาวๆ ตลอดว่าให้ช่วยกันประหยัดแล้วมาทำเสียเองแบบนี้ นี่ยังไม่รวมค่าเก็บกวาดขยะอีกไม่รู้อีกเท่าไหร่อีกนะขอรับ เอาเงินไปส่งเสริมแผนรักษาความสงบไม่ดีกว่าฤๅ
ขุนเดช
สวัสดีพี่ประภาส
เพื่อนของผมบางคนบอกว่าการรณรงค์ให้คนพับนกไร้สาระ พับไปเท่าไรโจรภาคใต้ก็คงยังก่อการร้ายต่อไป ผมมองอีกมุมครับ ผมเห็นว่าการพับนกทำให้ได้อะไรหลายๆ อย่างแถมมาด้วย นอกจากการส่งกำลังใจไปภาคใต้ เช่น คนไทยจะรักชาติมากขึ้น โดยเฉพาะวัยรุ่นที่ชอบทำตามกระแส อีกอย่างหนึ่งการที่วัยรุ่นหันมาพับนกกันเยอะๆ จะทำให้พวกเขาสนใจข่าวสารมากขึ้น และมีความรู้ในเรื่องของสถานการณ์ในประเทศมากขึ้น
ที่สำคัญเรื่องการให้กำลังใจคนดีดีนั้น ผมว่าเราต้องทำ
รามอินทรา
เรียนคุณอาประภาส
ที่โรงเรียนผม ครูหลายคนคุยกันเรื่องพับนกว่าเป็นเรื่องเปลืองทรัพยากรแต่คุณครูท่านหนึ่ง พูดไว้ดีครับ ท่านบอกให้ลองคิดดูว่าเราเสียกระดาษคนละไม่กี่แผ่นแต่มันช่วยทำให้คนอื่นๆ ที่เค้ากำลังประสบความมทุกข์ได้มีกำลังใจ ผมเห็นด้วยกับคุณครูว่ามันคุ้มนะครับ ... เหมือนเราจะไปเยี่ยมคนป่วย เราต้องคิดเล็กคิดน้อยด้วยเหรอว่าซื้อดอกไม้ไปเยี่ยมมันสิ้นเปลืองมั้ย
ส่วนเรื่องการเก็บกวาดเนี่ย คุณครูบอกว่าสิ่งที่โปรยคือกระดาษบางๆ ไม่ใช่พลาสติกที่ต้องใช้เวลาถึงห้าหกร้อยปีถึงจะสลาย เราลอยกระทงกันทั่วประเทศเรายังเก็บกวาดกันไหว กะแค่นก 62 ล้านตัว ไม่น่าจะยากอะไร อยากฟังความคิดเห็นคุณอาประภาสดูบ้าง
เด็กหลังห้อง
สวัสดีค่ะคุณประภาส
ฟังวิทยุในรถวันก่อน โฆษกอ่านข่าวจากหนังสือพิมพ์ให้ฟังถึงแนวทางในการแก้ปัญหาภาคใต้ของรัฐบาล ด้วยการพับนกสันติภาพแล้วส่งเป็นกำลังใจ ฟังดูน่าสนใจและแอบดีใจที่รู้สึกว่าบรรยากาศน่ากลัวทั้งหลายน่าจะคลี่คลายไป ในทางที่ดีขึ้น แต่พอโฆษกบอกว่าหลังจากโปรยนก จะมีการจับรางวัลอีกด้วยใครเก็บนกได้ได้รางวัล สามีดิฉันที่กำลังขับรถอยู่ร้องลั่นรถเลยว่า นี่มันจะเอารางวัลมาล่อกันเลยหรือนี่ นกสันติภาพกลายเป็นกระดาษชิงโชคไปซะแล้ว
เหมียว
คุณประภาส
คุณประภาสพอจะรู้ไหมคะว่า ใครเป็นต้นความคิดเรื่องพับนกสันติภาพส่งไปภาคใต้ กลุ่มนักวิชาการที่เข้าไปพบนายกใช่หรือเปล่าคะ ดิฉันขอแสดงความชื่นชมคนต้นคิดค่ะ
บุหงา
นั่งคุยกับคนหลายคนเรื่องพับนก 62 ล้านตัว ส่งไปให้ภาคใต้แล้ว มากกว่าครึ่งเห็นด้วยกับกิจกรรมชักชวนให้ผู้คนในชาติมาสมัครสมานสามัคคีกัน อย่างนี้ และในครึ่งหนึ่งของคนที่เห็นด้วยมักจะแถมคำว่า แต่ ตามมาด้วย
แต่ ของทุกคนที่หมายเหตุไว้คือ มันมีอีกความรู้สึกหนึ่งที่ไม่เห็นด้วยเกี่ยวกับเรื่องที่จะส่งกระดาษจำนวน มากมายมหาศาลไปโปรยให้กลายเป็นขยะที่นั่น
วันนี้ผมเอาจดหมายหลายฉบับมาลงไว้เผื่อบางฉบับจะได้เป็นคำตอบของบางคำถามของท่านผู้อ่านได้ด้วย
ตอบคุณบุหงาเรื่องคนต้นคิดนะครับ เท่าที่ผมรู้มา ก่อนที่การรณรงค์เรื่องพับนกจะถูกทำโดยจริงจังโดยภาครัฐ มีหน่วยงานเอกชนหน่วยหนึ่งชื่อ กลุ่มดอกไม้และนกกระดาษเพื่อสันติภาพ ที่มีคุณสุมิธ แช่มประสิทธิ์ เป็นประธานกลุ่ม กำลังริเริ่มที่จะตระเวณรณรงค์เรื่องนกสันติภาพนี้ก่อน หลังจากนั้นคงจะมีนักวิชาการนำความคิดนี้ไปขยายวงกว้างระดับรัฐบาล
ส่วนที่มาจริงๆ ของเรื่องพับนกสันติภาพนี่ ต้นตอแรกสุดเลยมาจากญี่ปุ่นครับ น่าจะเคยได้อ่านกันมาบ้างแล้ว เรื่องซาดาโกะนกกระเรียนพันตัว ขออนุญาตเล่าให้ฟังตรงนี้เลย
หลังสงครามโลกครั้งที่สองผ่านไป 11 ปี เด็กหญิงซาดาโกะ ซาซากิ ซึ่งได้รับพิษจากกัมมันตรังสีของระเบิดปรมาณูที่มาถล่มเมืองฮิโรชิมา เริ่มแสดงอาการป่วยของโรคมะเร็งในเม็ดเลือดชัดเจนขึ้น
ความเจ็บปวดนั้นห่อหุ้มไปทั่วร่างกายของซาดาโกะ เธอร้องไห้แทบจะตลอดเวลาที่อยู่โรงพยาบาล และเมื่อชิซูโกะเพื่อนรักมาเยี่ยมพร้อมกับนำกระดาษที่พับเป็นรูปนกมาให้ พร้อมกับเล่าตำนาน ซูรุ-นกกระเรียนให้ซาดาโกะฟังเพื่อหวังให้เธอเกิดความสบายใจ เธอก็เริ่มมีความหวังขึ้น
ตามตำนาน ซูรุเป็นนกศักดิ์สิทธิ์และเป็นสัญลักษณ์ของความโชคดีมีสุข ว่ากันว่าคนเจ็บไข้ได้ป่วยหากสามารถพับนกกระเรียนได้ถึง 1,000 ตัว อาการเจ็บป่วยก็จะทุเลาขึ้น ซาดาโกะฟังตำนานจากชิซูโกะแล้ว จึงมีกำลังใจมากขึ้นเด็กหญิงตัวน้อยกัดฟันลุกขึ้นจากเตียงเพื่อเริ่มพับนก อาจจะเป็นความสะท้อนใจจากสงครามทำให้เธอเขียนคำว่า "สันติภาพ" ลงไปบนปีกของนกทุกตัวที่เธอพับด้วย ครอบครัวและเพื่อนๆ ของซาดาโกะเห็นเธอมีกำลังดีขึ้นจึงได้ช่วยกันพับนกกระเรียนจนครบ 500 ตัว
ไม่รู้จะด้วยปาฏิหาริย์ของนกกระเรียนหรือกำลังใจที่เข้มแข็งขึ้น อาการของซาดาโกะค่อยๆ ดีวันดีคืน จนหมอที่รักษาซาดาโกะยอมให้ครอบครัวของเธอพาซาดาโกะกลับไปรักษาตัวที่บ้านได้
แต่แล้วในที่สุด พิษร้ายของกัมมันภาพรังสีก็ยังคงแสดงอานุภาพไม่หยุดหย่อน อาการป่วยของเธอกลับมากำเริบอีกครั้ง แต่คราวนี้ซาดาโกะกลับมีกำลังใจมุ่งมั่นที่จะพับนกกระเรียนทุกวัน แม้จะต้องต่อสู้กับความเจ็บปวดเจียนตาย
ซาดาโกะกลับเข้าไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลอีกครั้ง และในวันที่เธอพับนกกระเรียนตัวที่ 664 เสร็จ วิญญาณของเธอก็ยอมแพ้ต่อโรคร้าย
ด้วยความเศร้าโศกเสียใจของการจากไปของซาดาโกะ เพื่อนๆ ของเธอจึงช่วยกันพับนกกระเรียนจนครบ 1,000 ตัว แล้วนำไปใส่ไว้ในโลงศพของเธอเพื่อเป็นการไว้อาลัย
จากเรื่องราวของซาดาโกะนกระเรียนพันตัวนี่แหละครับ การพับนกกระดาษจึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของการเรียกร้องสันติภาพของคนทั้งโลก
ถ้าถามผมว่าผมคิดอย่างไรกับเรื่องการพับนกในเมืองไทยครั้งนี้
ผมเห็นด้วยครับ มีร้อยคะแนนผมก็เห็นด้วยร้อยคะแนน
แต่ขอเสนอได้ไหมครับ
หลังจากอ่านจดหมายหลายสิบฉบับเกี่ยวกับเรื่องพับนกแล้ว ผมก็เลยลองเข้าไปค้นไปอินเตอร์เน็ตดูว่า มีการรณรงค์กันไปถึงไหนแล้ว แทบจะทุกหน่วยงานเลยครับ ไม่ว่าจะกองทัพบก กองทัพเรือ กระทรวง อบต. ผู้ว่าฯ บริษัทต่างๆ ไม่เว้นแม้แต่เว็บบอร์ดเล็กๆ ของโรงเรียนมัธยม
ถึงตอนนี้ผมว่าเราคงมีนกกระดาษรอที่จะส่งไปภาคใต้ไม่น้อยกว่า 62 ล้านตัว แล้ว
ไม่ต้องโปรยหมดทั้ง 62 ล้านตัว ได้ไหมครับ แบ่งมาโปรยสักแสนสองแสนก็พอแล้ว หรือถ้าอยากได้เยอะก็สักล้านตัวก็น่าจะเหลือเฟือ
หาที่เหมาะๆ สักแห่งสองแห่งในสามจังหวัดภาคใต้ แล้วถ่ายทอดโทรทัศน์การโปรยนกครั้งนี้ให้สวยงาม(สถานที่ๆ ว่านี้ก็น่าจะง่ายต่อการเก็บกวาดด้วย)
ส่วนเรื่องเก็บนกเพื่อชิงโชคนี่ เห็นด้วยกับคุณเหมียวครับว่าผิดกาละเทศะอย่างมาก
สำหรับนกที่เหลือ หรือนกที่ยังไม่ได้ส่งไปภาคใต้เรานำมาแขวนไว้หน้าบ้าน หน้าที่ทำงาน วางบนโต๊ะของใครของมัน หรือจะห้อยไว้หน้ารถ ตามสถานที่ต่างๆ จะแขวนเป็นโมบายด์สวยๆ ก็ไม่เลว เอาให้ทั่วประเทศเลยครับ ทุกบ้านทุกตำบล ทุกจังหวัด ทุกร้านค้า(ดูแลความสะอาดกันเอง ของใครของมัน ) สถานที่ตรงไหนคนผ่านมาเยอะหน่อยก็ทำนกตัวใหญ่หน่อย กินเนสส์บุ๊กฯจะมาบันทึกหรือเปล่าถือเป็นของแถม
แสดงสัญลักษณ์ให้คนทั้งโลกรู้ว่า หัวใจคนไทยจริงๆ แล้วไซร้นั้นรักสันติเพียงใด
หน้า 17
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น