วันอังคารที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2554

แม่เภา

แม่เภาเดินเข้าไปในร้านหนังสือ แล้วก็เจอหนังสือถูกใจเล่นหนึ่งราคา ๓๗๕ บาท
แม่เภาดูรูปบนปกด้วยความพอใจ แต่พอจะเปิดอ่านก็พบว่า มันถูกหุ้มด้วยพลาสติกไว้ แม่เภาจึงเดินไปหาคนขาย

แม่เภา ?ขอแกะดูหน่อยนะ?
คนขาย ?แกะไม่ได้?
แม่เภา ?ทำไมหละ อยากรู้ว่าข้างในเกี่ยวกับเรื่องอะไร?
คนขาย ?ดูที่ปกก็รู้ว่าเรื่องอะไร?
แม่เภา ?ไอ้รู้น่ะรู้ว่าเรื่องอะไร แต่อยากรู้ว่ากระดาษดีไหม เนื้อเรื่องเป็นแบบไหน ภาพประกอบสวยไหม?
คนขาย ?แกะไม่ได้?
แม่เภา ?แกะแล้วก็ห่อใหม่ได้ไม่ใช่หรือ ห่อไม่ยากหรอกแบบนี้ เดี๋ยวฉันช่วยห่อก็ได้?
คนขาย ?แกะไม่ได้ ถ้าอยากแกะก็ซื้อไปก่อนแล้วไปแกะที่บ้าน?
แม่เภา ?ซื้อไปแล้วไม่ชอบ ไม่คุ้มกับราคา ๓๗๕ บาท ฉันเอากลับมาคืนได้หรือเปล่า?
คนขาย ?ไม่ได้หรอก ของซื้อของขายคืนได้อย่างไร อย่างนี้คนซื้อก็ซื้อไปอ่านทีละเล่มแล้วเอามาคืน คนขายจะได้อะไรหละ?
แม่เภา ?อู้ย ใครเขาจะไปทำอะไรขนาดนั้น แกะดูไม่ได้จริงๆ หรือ เผื่อเจอหนังสือไม่ดี?
คนขาย ?ช่วยไม่ได้ ก็ต้องไปลุ้นเอาเองสิ?

แม่เภาเดินออกไปนอกร้านอย่างลังเล แล้วก็ตรงไปที่ร้านขายกล้วยแขกที่อยู่ข้างๆ

แม่เภา ?แม่ค้ากล้วยแขกขอถุงกระดาษใบหนึ่ง สิ แล้วก็หนังยางมันเส้นหนึ่งด้วย

แม้ค้ากล้วยแขกส่งให้อย่างยินดี แม่เภานับเงินแล้วเดินเข้าไปในร้านหนังสืออีกครั้ง

แม่เภา ?เอาเล่มนี้นะ? (ส่งหนังสือราคา ๓๗๕ บาทที่ห่อด้วยพลาสติกให้คนขาย)
คนขาย ?๓๗๕ บาท?

คนขายเอาหนังสือใส่ถุงให้แม่เภา แม่เภายื่นถุงกระดาษที่ปากถุงมัดด้วยหนังยางไว้อย่างแน่นหนาส่งให้คนขายหนังสือ

คนขาย (รับถุงกระดาษมาทำหน้างงๆ)
?๓๗๕ บาท?
แม่เภา (รับหนังสือไว้)
?ในถุงนั้นมีเงินอยู่ ไม่เชื่อเขย่าดูสิ?
คนขาย (เขย่าถุงกระดาษมีเสียงกุกกักๆ)
?แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่ามีเงินครบ ๓๗๕ บาท?
แม่เภา ?ก็ลุ้นเอาเองสิ เหมือนฉันไง ซื้อหนังสือเล่มนี้ไป ยังไม่รู้เลยว่าจะถูกใจหรือเปล่า?

คนขายทำท่าจะแกะหนังสติ๊กที่มัดปากถุงออก แม่เภาร้องห้ามไว้

แม่เภา ?แกะไม่ได้จ๊ะ แต่ไม่ต้องห่วงนะ รับรองมีเงินอยู่แน่นอน แต่ว่าคงต้องรอให้ฉันกลับถึงบ้านไปแกะพลาสติกก่อน แล้วแม่ค้าค่อยแกะกระดาษนะจ๊ะ

แม่เภาเดินออกไป คนขายหนังสือมองตามแล้วก็ทำหน้าเหมือนไก่ขึ้นมาทันที แต่ไม่ใช่ไก่ธรรมดา เป็นไก่ตาแตกเลยทีเดียว??

หลังจากที่คนขายงงเป็นไก่ตาแตกไปแล้ว ก็รีบแกะหนังยางที่มัดถุงกระดาษออก แล้วก็พบว่า
มีธนบัตรใบละหนึ่งร้อย ๓ ใบ เหรียญสิบอีก ๗ เหรียญ และเหรียญบาทอีก ๔ เหรียญ
และกลัวยแขกอีกหนึ่งชิ้น

เด็กสาววัยรุ่นคนหนึ่งซึ่งกำลังยืนจ่ายเงิน เห็นเหตุการณ์โดยตลอด

เด็กสาววัยรุ่น "มีอะไรหรือคะ"
คนขายหนังสือ "ยายคนนั้นซื้อหนังสือไปแล้วจ่ายเงินไปครบ"

คนขายหนังสือเดินตามแม่เภาออกไปหน้าร้าน แต่ไม่พบแม่เภาแล้ว คนขายหนังสือเดินกลับมาอย่างโกรธๆ

เด็กสาววัยรุ่น "ป้าเภาจ่ายเงินไม่ครบหรือค่ะ ขาดไปเท่าไหร่ค่ะ"
คนขายหนังสือ "หนูรู้จักเขาเหรอ"
เด็กสาววัยรุ่น "รู้จักค่ะ ขาดไปเท่าไรค่ะ"
คนขายหนังสือ "ขาดไปบาทหนึ่ง"
เด็กสาววัยรุ่น "ขาดบาทเดียว เอาของหนูก็ได้" (เด็กสาวล้วงกระเป๋าสตางค์)
คนขายหนังสือ "ไม่เอา เดี๋ยวฉันจะแจ้งตำรวจ หนูเป็นพยานด้วยแล้วกัน หนูก็เห็นตลอดตอนฉันแกะถุงตลอดใช่ไหม"

สีหน้าของเด็กสาววัยรุ่นไม่ค่อยดีนัก
ตัดภาพไปที่สถานีตำรวจ ข้างหน้าโต๊ะร้อยเวร มีแม่เภา คนขายหนังสือ และเด็กสาววัยรุ่น นั่งอยู่
ส่วนถุงกระดาษและหนังสือหุ้มพลาสติกนั้นวางอยู่บนโต๊ะ

ตำรวจ "ขอโทษที่ให้รอนาน ทำไมแม่เภาไม่จ่ายเงินเขาดีๆล่ะ ทำไมต้องใส่ถูงกระดาษมัดหนังยางอย่างนั้น"
แม่เภา "ก็หนังสือที่เขาขายยังห่อด้วยพลาสติกเลยนี่หมวด หมวดต้องคุ้มคร้องผู้บริโภคด้วยนะ อย่าลืมว่าหมวดเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ"
คนขายหนังสือ "แต่คุณจ่ายเงินไม่ครบราคา หนังสือ ๓๗๕ บาทในถุงกระดาษมีอยู่แค่ ๓๗๔ บาท"

คนขายหนังสือเทถุงกระดาษออกมา ธนบัตร เหรียญ กล้วยแขก
และแป้งกรอบๆ ของกล้วยแขกร่วงลงมา

ตำรวจ "เอาอย่างนี้สิแม่เภา ขาดอีกบาทเีดียวก็ให้เขาไป"

แม่เภาส่ายหน้า

คนขายหนังสือ "(หยิบแป้งกรอบของกล้วยแขกเข้าปาก) เห็นไหมหมวดจ่ายไม่ครบจริงๆ
หนูคนนี้เป็น พยานได้ ตอนฉันแกะถุงคนนี้ก็เห็นตลอด"

เด็กวัยรุ่นมองหน้าแม่เภาขอความเห็นใจ

แม่เภา "บอกหมวดเขาไป เห็นอย่างไรก็บอกหมวดเขาไปลูก"
ตำรวจ "หนูเห็นเหรอ"
เด็กสาววัยรุ่น "(พยักหน้า) คะ"
คนขายหนังสือ "นั่นไง... เขาจ่ายไม่ครบจริงๆ หมวดต้องจับนะอย่างไรฉันก็ไม่ยอม
ตำรวจ "บาทเีดียว เอาของผมก็ได้ แล้วแยกกันไป"
คนขายหนังสือ "ไม่เอา บาทเีดียวหมวดก็ต้องจับ"
ตำรวจ "เอาอย่างไรดี แม่เภา (หนักใจ)"
แม่เภา "หมวดก็ว่าไปตามหน้าที่ไม่ต้องเกรงใจ แต่หมวดว่าไหมถ้าเราจะซื้อหนังสือสักเล่ม
เราน่าจะรู้ว่าในนั้นมีอะไร"
ตำรวจ "แม่เภาทำไมจ่ายเงินเขาไม่ครบหละ (เอานิ้วเขี่ยดูเงิน) ๓๗๔ บาทจริงๆ ด้วย
หรือว่านับผิดไป"
คนขายหนังสือ "อย่างไรหมวดก็ต้องจับให้ได้" (หยิบเศษแป้งกล้วยแขกเข้าปากเคี้ยวอีก)"
คนขายหนังสือ "กล้วยแขกชิ้นนี้ฉันขอกินนะ เมื่อเช้าไม่ได้กินอะไรมาเลย"

คนขายหยิบกล้วยแขกใ่ส่ปากเคี้ยว แต่พอกัดเข้าไปคำแรก คนขายหนังสือก็ร้องโอ้ยดังลั่น ทุกคนในโรงพักตกใจ

ตำรวจ "เป็นอะไรไปครับ"

คนขายหนังสือค่อยๆ คายกล้วยแขกออกจากปาก ไม่ได้มีแต่เศษกล้วยแขกเพียงอย่างเดียว ที่ถูกคายออกมา ในนั้นมีเหรียญบาทอีกเหรียญหนึ่งแทรกอยู่ในเนื้อกล้วยแขก แม่เภายิ้มน้อยๆ แต่เด็กสาวคนนั้นต้องเอามือปิดปากกลั้นเสียงหัวเราะฯ

วันศุกร์ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2554

คนฉลาด คนโง่ ขยัน ขี้เกียจ

นโปเลียน เคยพูดว่า
คนฉลาด แต่ขี้เกียจ ให้เป็นนายทหารตนสนิท เพื่อเอาความฉลาดมาใช้ ขี้เกียจก็จิกตัวมาใช้ใด้เพราะอยู่ใกล้ชิด
คนฉลาดและขยัน ให้เป็นายทหารออกศึก เพราะไว้ใจใด้ในความฉลาด และมีความขยันอยู่แล้วอยู่ใกลหูใกลตาใด้
คนโง่และขี้เกียจ ให้เป็นพลทหารออกรบ พวกนี้ไม่คิดอัไรมากใช้ไปไหน ทำอะไร ไป ทำตามทั้งนั้น
คนโง่แล้วยังขยัน ให้ฆ่าทิ้งให้หมด เพราะคนโง่ขี้เกียจไม่สร้างปัญหา แต่ถ้าโง่แล้วยังขยันเนี่ยมีแต่ขยันจะไปทำเรื่องโง่ ๆ ให้เกิดความเสียหาย

วันพฤหัสบดีที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2554

แม่เภา

แม่เภา? ผู้หญิงคนนี้คือใคร? ลองเข้าไปทักทายทำความรู้จักกับเธอหน่อยไหม

:: เนื้อหาโดยสังเขป

แฟนๆ ของพี่จิก ประภาส อาจคุ้นเคยกับแม่เภาจากละครเรื่อง "เหมือนแม่ครึ่งหนึ่งก็พึงใจ" เมื่อหลายปีก่อน และทักทายผู้อ่านในหนังสือพิมพ์มติชนหลายครั้ง หลังจากห่างหายไปนาน ใครที่รู้จักและคิดถึงแม่เภา หากได้อ่านรวมเล่มครั้งแรกนี้แล้ว จะบรรเทาอาการคิดถึงได้ชะงัดดีนักแล...มามองโลกให้เห็นแง่งามในบางเวลาที่คุณรู้สึกว่าหาสิ่งจรรโลงใจได้ยากยิ่ง และสะกิดเตอนให้นึงถึงความรู้สึกอันบอบบางของเพื่อนร่วมโลกกันเถอะ

:: สารบัญ

:: คำนิยม

เวลาคุณประภาสเขียนเรื่องให้แม่เภาไปเจอกับสถานการณ์ใด ผมมักอดเอาใจช่วยไปจนถึงแอบเข้าข้างแม่เภาล่วงหน้าไม่ได้ทุกครั้งไป คุณอาจจะว่าตลกก็ได้นะครับ บางครั้งบางคราวของการอ่าน ผมรู้สึกว่าแม่เภาเป็นแม่ผม

-- วงศ์ทนง ชัยณรงค์สิงห์ (ผู้ก่อตั้งนิตยสาร a day) --



ผมมีความลับอย่างหนึ่งที่ไม่เคยบอกใคร เวลาผมทำบุญ ผมอธิษฐานเกิดมาชาติหน้า ขอให้มีปัญญาอย่างพี่จิกครับ

-- โน้ต อุดม แต้พานิช -