วันจันทร์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2551

น้ำท่วมกับกระสอบทราย

น้ำท่วมกับกระสอบทราย
ประภาส ชลศรานนท์


คอลัมน์ คุยกับประภาส โดย ประภาส ชลศรานนท์ ใน มติชน 29/5/2548

วันนี้ผมมีโจทย์มาให้แก้กันเล่นๆ ข้อหนึ่ง จะใช้วิธีครุ่นคิดหรือเดาสุ่มก็แล้วแต่ศรัทธาครับ

ใครที่มีบ้านอยู่ในเขตที่เกิดน้ำท่วมทุกปี ก็คงจะต้องเคยชินกับการหากระสอบทรายมาเรียงซ้อนๆ กันไว้หน้าบ้าน เพื่อกันน้ำไม่ให้ไหลท่วมเข้าไป

เวลาดูข่าวน้ำท่วมในต่างประเทศทางโทรทัศน์ เราก็จะเห็นภาพการขนเอากระสอบทรายมาช่วยกั้นทางน้ำให้ไหลไปในทิศทางเดียวกัน อยู่บ่อยๆ ต้องยอมรับครับว่ามันเป็นเครื่องมือที่ช่วยกั้นน้ำได้ดีจริงๆ อีกทั้งราคาก็แสนถูก และใครๆ ก็สามารถทำขึ้นเองได้ เพียงแค่มีทรายกับกระสอบแค่นั้น

แต่ถ้าสมมุติเราอยู่ในที่ๆ ทรายเป็นของหายากล่ะ

คำถามฝึกสมองของวันนี้อยู่ตรงนี้ เหตุการณ์นี้เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงๆ ในประเทศญี่ปุ่นครับ สถานะการณ์ก็คือเกิดน้ำท่วมฉับพลันขึ้นและทรายเป็นวัสดุที่หายากและแพงมากใน ตอนนั้น

เราจะใช้วัสดุอะไรมาใส่กระสอบแทนทรายได้?

ลองนึกดูนะครับว่ามีอะไรแถวๆ นั้นใช้การได้บ้างไม่ว่าจะเป็นกากชาเขียวเอย เมล็ดธัญพืชเอย เสื่อตาตามิเอย ฯลฯ นึกแล้วก็อย่าลืมคำนึงถึงคุณสมบัติของวัสดุที่จะนำมาใช้ด้วยก็แล้วกัน เช่นถ้าคิดว่าจะเอานุ่นหรือสำลีมาใส่กระสอบแทนทราย นุ่นจะดูดซับน้ำจนชุ่มและเหลือเนื้อเพียงนิดเดียว กระสอบคงเ+++่ยวเล็กลงจนรูปทรงไม่สามารถกั้นน้ำได้

ระหว่างที่นึกอยู่ ผมก็จะขออนุญาตเล่าเรื่องอื่นๆ ให้ฟังไปพลางๆ ท่านผู้อ่านที่เป็นรุ่นน้องรุ่นหลานที่เคยเขียนจดหมายมาบอกผมว่า สนใจงานด้านการใช้ความคิดสร้างสรรค์นี่ ยิ่งต้องอ่านตามไปเรื่อยๆ โดยห้ามแอบข้ามไปอ่านเฉลยตอนจบก่อนนะครับ คิดเสียว่าเป็นการฝึกฟังเรื่องหนึ่งกับคิดอีกเรื่องหนึ่งไปพร้อมๆ กัน

เรื่องแรก เป็นเรื่องของคุณพงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง

อยู่ดีๆ ผมก็คิดถึงเขาขึ้นมา ผมกับพงษ์พัฒน์นี่ต้องถือว่าสนิทกัน ถึงวันนี้แล้วพงษ์พัฒน์ได้รับการยอมรับแล้วว่าเขาเป็นนักแสดงที่หาตัวจับยาก คนหนึ่ง งานของเขาไม่ว่าจะอยู่ในรูปของภาพยนตร์หรือละครโทรทัศน์ ไม่ว่าจะบทน้อยหรือบทมาก และไม่ว่าจะเป็นบทพระเอกหรือผู้ร้าย การแสดงของเขาที่เต็มไปด้วยพลังของเขามักสร้างความลึกของตัวละครที่เขาสวม อยู่เสมอ

เราเคยร่วมงานกันในงานชิ้นแรกๆ ของเขา คนที่อายุเลยเบญจเพสไปแล้วน่าจะจำละครเรื่องเทวดาตกสวรรค์ได้ ในปีนั้นเขาเป็นนักแสดงหน้าใหม่คนเดียวที่อาจหาญมีชื่อเข้าชิงรางวัลผู้แสดง นำฝ่ายชายยอดเยี่ยมทั้งสองสถาบัน

จู่ๆ ผมก็นึกไปถึงตอนที่เรากำลังซ้อมบทเพื่อที่จะถ่ายทำละครเรื่องที่ว่า

ตอนที่ซ้อมอยู่นั้น ผู้ช่วยของผมสะกิดให้ผมดูคุณพงษ์พัฒน์ในจอมอนิเตอร์ แล้วก็บอกกับผมว่า ทำไมพงษ์พัฒน์หลุกหลิกเหลือเกิน พระเอกบ้าอะไรแคะขี้มูกอยู่นั่น ฉากที่แล้วที่ถ่ายไปก็เกาหลังไม่หยุด แล้วเขาก็ถามผมว่าผมจะไม่ถ่ายใหม่หรือ

ผมเดินกลับไปดูเขาซ้อมใหม่ แล้วผมก็แอบอมยิ้ม พระเอกของผมมันทำตัวตามสบายไม่เหมือนพระเอกในยุคนั้นจริงๆ นอกจากจะแคะขี้มูกและเกานู่นเกานี่แล้ว พงษ์พัฒน์ยังเดินซุ่มซ่ามเดินเตะเก้าอี้ในฉากอยู่เนืองๆ

ไม่รู้สิครับ ผู้ช่วยผมมองเห็นเป็นปัญหา แต่ผมไม่มองอย่างนั้น ผมว่าไอ้ตัวปัญหานั้นน่าสนใจ

ผมเดินเข้าไปดูเขาซ้อมใกล้ๆ เลย คราวนี้พอเห็นเขาแคะขี้มูกผมก็บอกเขาเลยว่า ถ้าตอนถ่ายอยากแคะก็แคะได้เลยนะ ตัวละครตัวนี้มันเป็นอย่างนี้ ถ้าเดินไปเตะโต๊ะเข้าก็ไม่ต้องกลัวจะเทก ว่าไปตามธรรมชาติเลย

พงษ์พัฒน์เป็นนักแสดงที่ฉลาดครับ เขาฟังแค่นี้เขาก็ยิ้มเข้าใจทันที แล้วเมื่อละครแพร่ภาพออกไป ผู้คนทั้งเมืองก็โจษจันกันถึงนักแสดงหน้าใหม่คนหนึ่งที่แสดงได้อย่างเป็น ธรรมชาติเหลือเกิน

เรื่องที่สองนี่เป็นเรื่องของนักร้องผู้หญิงครับ เธอชื่อนรีกระจ่าง คันธมาส ผมไม่เห็นเธอมาหลายปีแล้ว รวมไปถึงวงโคโคแจ๊ซของเธอด้วย ไม่รู้เธอยังร้องเพลงอยู่หรือเปล่า

ตอนนั้นผมรับหน้าที่ดูแลงานเพลงของบริษัทเทปแห่งหนึ่งอยู่ โปรดิวเซอร์ที่ดูแลงานเพลงของเธอเอาเพลงที่เธอร้องมาให้ฟังกันในที่ประชุม

"ปัญหามันอยู่ที่เสียงของเธอ มันต่ำๆ ไปหน่อย" ใครคนหนึ่งพูดขึ้น

แล้วก็มีคนลงความเห็นกันอีกหลายคนว่า บางทีนักร้องคนนี้อาจจะไม่เหมาะกับการมาร้องเพลงป๊อป เพราะเวลาเธอขึ้นเสียงสูงฟังดูแล้วแปลกๆ

และเป็นอีกครั้งหนึ่งที่ผมมองเห็นว่าตัวปัญหาที่เรามองว่าเป็นปัญหามัน น่าสนใจออก ผมขอร้องให้โปรดิวเซอร์ไปทำเพลงมาอีกรอบ คราวนี้ขอให้เพลงที่บันไดเสียงต่ำกว่านี้อีก ถึงขนาดต่ำสุดที่คุณนรีกระจ่างร้องได้ก็เอา

คนในที่ประชุมหลายคนมองหน้าผมเลยครับ ไม่มองอย่างไรไหว ก็ในเมื่อปัญหามันคือ เสียงเธอต่ำๆ ใหญ่ๆ แล้วยังจะให้ไปทำให้ต่ำกว่านี้อีก แต่โปรดิวเซอร์ที่ทำงานชุดนี้ดูเหมือนจะเข้าใจว่าผมคิดอะไรอยู่ เขายิ้มแล้วก็กลับไปทำงานมาใหม่อีกที

น่าภูมิใจออกนะครับ ที่หลังจากนั้นอีกสี่ห้าเดือนก็มีเพลงจากนักร้องที่มีเสียงเป็นเอกลักษณ์ อย่างเธอกับดนตรีฝีมือชั้นครูของวงโคโคแจ๊ซออกมาอาละวาดตามคลื่นวิทยุและแผง เทป

ฟังเรื่องนอกเรื่องไปสองเรื่องแล้ว ผมว่าท่านผู้อ่านหลายท่านคงใช้เวลาที่ผมโอ้เอ้เล่าเรื่อง หาคำตอบมาแก้โจทย์สนุกๆ ข้างบนเรียบร้อยแล้ว

แต่ไม่ว่าจะแก้ออกหรือไม่ออก ผมยังมีภาพการ์ตูนสองช่องมาให้ดูกันอีก เป็นการ์ตูนฝรั่งที่ผมชอบมากภาพหนึ่ง ครั้งแรกที่เจอผมก็ตัดเก็บไว้เลยครับ เป็นฝีมือของ Peter Liang ลองดูสิครับ เป็นภาพลายเส้นง่ายๆ แต่สื่อสารความคิดออกมากว้างไกลเหลือเกิน

เป็นอย่างไรครับ เมื่อหินมันตกใส่เราดีนัก ก็เอาหินที่คิดว่าเป็นปัญหานั่นแหละมาแก้ปัญหา

กลับมาที่โจทย์ฝึกสมองที่ผมถามไว้บรรทัดแรกๆ นึกออกแล้วใช่ไหมครับว่า คนญี่ปุ่นเขาเอาอะไรมาใส่แทนทรายเพื่อกั้นกระแสน้ำ

เมื่อน้ำมันเป็นปัญหา ก็เอาน้ำนั่นแหละมาแก้ปัญหา ทรายมันหายากนักก็เอาของที่หาง่ายที่สุดในยามน้ำท่วม แล้วอะไรจะหาได้ง่ายที่สุดในยามน้ำท่วมถ้าไม่ใช่ "น้ำ"

ถูกต้องครับ คำเฉลยก็คือ เขาเอาน้ำใส่ถุงใหญ่ๆ แทนกระสอบทรายนั่นเอง

ไม่มีความคิดเห็น: