"คุยกับประภาส" หนังสือพิมพ์มติชน หน้า๑๔ ฉบับวันอาทิตย์ที่ ๑๙ มีนาคม พ.ศ.๒๕๔๓
สวัสดีค่ะคุณประภาส
เมื่อวานมีคนบอกอีกแล้วว่าผู้ชายไม่ชอบผู้หญิงเก่ง อยากรู้ค่ะว่าพี่คิดยังไงเพราะก็มีเพื่อนที่เป็นหญิงเก่งนะคะ เคยคุยกันเหมือนกัน แล้วก็คิดตรงกันว่าให้เราแกล้งโง่เพื่อให้มีคนมาชอบก็คงไม่ไหว ไม่รู้ว่าเพื่ออะไร แต่เพื่อนหญิงที่เก่งๆเค้าบอกว่าไม่ค่อยชอบผู้ชายที่ไม่ฉลาดเท่าไหร่ เพราะตามเค้าไม่ค่อยทันอยู่ด้วยแล้วไม่สนุก แบบนี้หรือเปล่าคะถึงชอบพูดกันว่าผู้ชายกลัวผู้หญิงเก่งๆไม่อยากได้เป็นแฟน แล้วมันจริงเหรอคะ
Thapawee
ใครจะว่าอย่างไรไม่รู้ แต่ผมชอบผู้หญิงเก่งและชอบผู้หญิงฉลาด แล้วผมก็เชื่อว่าผู้ชายเกือบทุกคนในโลกน่าจะชอบผู้หญิงเก่งและผู้หญิงฉลาด กันเป็นส่วนใหญ่
ถ้าคุณ Thapawee หมายความเพียงแค่นั้นก็คงไม่ตรงกับของผมเสียทีเดียว อาจจะตรงอยู่บ้างบางส่วนแต่ไม่ทั้งหมด
"ผู้หญิงเก่งหรือผู้หญิงฉลาด" ของผมนั้นไม่จำเป็นต้องเรียนสูงอะไรหรอกครับ เพราะไม่ว่าจะมีปริญญาเป็นถึงศาสตราจารย์หรือมีแค่ประกาศนียบัตรประถมหก ผู้หญิงทุกคนก็เป็นผู้หญิงเก่งผู้หญิงฉลาดได้ทั้งนั้น และถึงไม่ได้ใส่สูทออกคำสั่งในสำนักงานก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะเป็นผู้หญิง ไม่เก่ง
ไม่ว่าจะยกมือในสภาหรือยกกระทะในครัว ทุกนางและนางสาวย่อมเป็นผู้หญิงเก่งผู้หญิงฉลาดได้เท่ากัน
"แม่" ผมคนหนึ่งล่ะที่ผมนับเป็นผู้หญิงเก่ง
ท่านไม่ได้เรียนหนังสือชั้นไหนเลย ทั้งชีวิตเขียนชื่อตัวเองว่า "พร" เป็นตัวเดียว แต่งงานกับพ่อของผมแล้วให้กำเนิดบุตรชายสิบคนรวดไม่มีผู้หญิงเลย เป็นผู้หญิงตัวคนเดียวในบ้านที่ต้องทำอาหารเลี้ยงผู้ชายที่มีจำนวนเท่ากับ นักฟุตบอลหนึ่งทีมทุกมื้อทุกวัน
ไม่ต้องพูดถึงความรักหรอกครับ ท่านมีให้กับลูกทุกคนอย่างเสมอหน้าเสมอตามาตลอด ความรักของท่านยิ่งใหญ่และอ่อนโยนอย่างมากในสายตาของผม แม้ว่าผมจะไม่เคยได้ยินคำว่าจ๋าจ๊ะจากปากท่านเลย
ถามว่าท่านเป็นผู้หญิงที่ฉลาดไหม ไม่รู้สิครับก็ไม่เคยเห็นสิบแปดมงกุฏที่ไหนมาหลอกลวงท่านสำเร็จเท่าที่จำ ความได้ และแม้ว่าท่านจะอ่านหนังสือไม่ออกเลยแต่ท่านก็ขอดเงินทุกเบี้ยทุกบาทที่มี อยู่ในไหในลิ้นชักส่งลูกทุกคนเรียนจนถึงที่สุด ผมว่านี่แหละครับความฉลาดของคนเป็นแม่
กลับมาที่จดหมายของคุณ Thapawee ที่ว่าผู้หญิงเก่งๆไม่ชอบผู้ชายที่ไม่ฉลาด
น่าจะเป็นความจริงนะครับ ที่ผู้หญิงฉลาดไม่ชอบผู้ชายโง่ และน่าจะเป็นธรรมชาติปกติของคนทั่วไป คนสองคนรักกันความรักมันอยู่บนเตียงอย่างเดียวเสียเมื่อไหร่ การพูดคุยการแลกเปลี่ยนความคิดหรือแม้กระทั่งการหยอกล้อมันก็ต้องมีเรื่อง สมองมาเกี่ยวข้องทั้งนั้นแหละครับ ผู้ชายผู้หญิงจึงมักจะหาคนที่เฉลียวคล้ายๆกันเป็นคู่ใจ แล้วอย่างไรถึงเรียกว่าฉลาดอย่างไรถึงเรียกไม่ฉลาด แต่ละคนแต่ละที่ย่อมบอกแตกต่างกันไป ผมลองสมมุติเล่นๆ สมมุตินะครับว่าคุณอภิสิทธิ์คนหนุ่มรูปหล่อเรียนจบนอกดูอย่างไรก็ดูออกว่า เป็นคนที่มีความคิด เป็นคนฉลาดว่าอย่างงั้นเถอะ แล้วก็ให้เผอิญต้องพลัดหลงไปเจอสาวเผ่าตองก้าในการท่องป่าเข้า สาวเจ้าจะคิดอย่างไรกับคุณอภิสิทธิ์
ก็คงจะคิดว่าหนุ่มคนนี้ทำไมบ้องตื้นอย่างนี้ ปีนต้นไม้ก็ปีนไม่เป็น จับหมูป่าก็จับไม่ได้ ความพึงใจในความฉลาดของเพศตรงข้ามจึงน่าจะเป็นเรื่องของความเชื่อในสังคม ด้วย
กลับมาที่ประโยคสุดท้ายอันเป็นสาระของจดหมายของคุณ Thapawee ก็คือ ผู้ชายส่วนใหญ่กลัวผู้หญิงเก่งๆไม่อยากได้เป็นแฟนหรือพูดให้สั้นว่า "ผู้ชายไม่ชอบผู้หญิงเก่ง"นั่นเอง
ประโยคนี้ผมไม่เห็นด้วยครับ
ผมจะขอลองเสนอประโยคใหม่เป็นว่า "ผู้ชายไม่ชอบผู้หญิงอวดเก่ง" เก่ง กับ อวดเก่ง ไม่เหมือนกันนะครับ
ผมว่ามนุษย์ทุกคนชอบคนเก่ง ชอบคนฉลาด เด็กน้อยที่ฉายแววฉลาดหรือเก่งเกินวัยจะดูน่ารักน่าชังในสายตาผู้ใหญ่ ความฉลาดเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของมนุษย์โดยเฉพาะผู้หญิง หลายครั้งผมมองผู้หญิงสวยขึ้นเพราะคำพูดฉลาดๆของเธอและแน่นอนมันไม่เกี่ยว กับการศึกษาของเธอเลย
แต่ขณะเดียวกันมนุษย์ทุกคนไม่ชอบคนอวดเก่ง ยิ่งในสังคมบ้านเราด้วยแล้วค่อนข้างเอียงไปทางเกลียดคนขี้อวดขี้โอ่ด้วยซ้ำ
ผมจึงว่าไม่ว่าผู้หญิงหรือผู้ชายน่าจะไม่ชอบคนอวดเก่งอวดฉลาด ด้วยกันทั้งนั้น
มีอีกประโยคหนึ่งในจดหมายของคุณ Thapawee คือคำว่า "แกล้งโง่" ฟังดูแล้วน่ากลัวพิลึกครับ
ผมว่า "ไม่อวดเก่ง" กับ "แกล้งโง่" น่าจะไม่เหมือนกัน เราคงไม่ต้องถึงกับทำเป็นแกล้งโง่เพื่อหาคู่หรอกครับมันดูไม่จริงใจอย่างไร ไม่รู้ ความฉลาดที่ดีที่สุดของคนเราอยู่ตรงไหน การที่รู้ว่าควรจะแสดงความฉลาดออกมาตอนไหนน่าจะคือความฉลาดที่ฉลาดที่สุด
อย่างนี้ไม่เรียกว่า "แกล้งโง่" นะครับ เราไม่จำเป็นต้องพูดทุกเรื่องที่เรารู้ หรือต้องแสดงออกทุกอย่างที่เรารู้สึกนี่ครับ
นักปราชญ์บางคนเรียกอาการตรงนี้ว่า ศิลปะของความเป็นผู้รู้
ความอ่อนโยนน่าจะเป็นคุณสมบัติข้อแรกของธาตุที่มีชื่อว่า
"ผู้หญิง" นะครับ และคำว่า "อ่อนโยน"นี่แหละครับใกล้เคียงกับคำว่า
"ไม่อวดเก่งไม่อวดฉลาด" มากที่สุดในความคิดของผม
เมื่อเราข้ามการมองที่ "รูปทรัพย์"ซึ่งผู้ชายแต่ละคนเห็นไม่เหมือนกันไปแล้ว "ความอ่อนโยนและความฉลาด" จะเป็นแท่งแม่เหล็กอันใหญ่ที่ทำให้เข็มทิศของผู้ชายหมุนชี้มาหา แล้วพวกผู้ชายจะไม่มีการหลงทางเลย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น