วันจันทร์ที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2563

ทักษะแห่งความสุข

Happiness Skills 

ทักษะแห่งความสุข


ศึกษาหลักการทางมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์เชิงบวก โดยบูรณาการเพื่อการฝึกปฏิบัติทักษะแห่งความสุขในทุกบริบท เช่น การยอมรับความจริง การรู้จักการให้อภัย การมองโลกในแง่บวก และการรู้คิดเพื่อการดำเนินชีวิตอย่างมีความสุขทั้งในส่วนตน สังคม การงาน

ความสุขที่เริ่มจากตัวเอง, ความสุขที่เกี่ยวพันกับความสัมพันธ์ และ ความสุขที่เกี่ยวโยงกับโลก

คำแนะนำของ Shawn Achor ที่ได้จากงานวิจัยมาเล่าให้เราฟังว่าหากทำ 5 สิ่งนี้วันละ 2 นาที ติดต่อกันเป็นเวลา 21 วัน จะทำให้เรามีความเครียด ความกังวลลดลง และมีแนวโน้มว่าเราจะมีความสุขขึ้น โดยหลักใหญ่ใจความของการมีความสุข คือการดูแลพื้นที่ของชีวิต ร่างกายและจิตใจให้ดี 

อย่างแรกเลยคือการแบ่งเวลา 15 นาทีในการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ เคลื่อนไหวร่างกายให้มันซู่ซ่า ระบายเหงื่อให้ออกอาจจะใช้วิธีการเล่นกีฬา การเต้น อะไรก็ได้ที่ทำให้เราสนุกและอยากจะทำในทุกวัน

ถัดมาคือการพัฒนาความสัมพันธ์ให้ดีด้วยการพูดขอบคุณสิ่งดีๆ ของผู้อื่น ทั้งพูดต่อหน้า ส่งจดหมาย แชทไปหา ฯลฯ การกระชับความสัมพันธ์แบบนี้เป็นเครื่องมือที่ทรงพลัง และสร้างความสุขในระยะยาว เพราะความโดดเดี่ยวเป็นความเจ็บปวดที่รุนแรงอย่างหนึ่งของมนุษย์

ข้อสามและข้อสี่นั้นคล้ายคลึงกัน ก่อนจะหลับตานอนในทุกวัน เขียนขอบคุณอะไรก็ได้ 3 สิ่ง โดยห้ามเขียนซ้ำกัน สิ่งนี้จะเป็นแหล่งพลังงานชีวิต ทำให้เรามีความสุขง่ายขึ้นกับสิ่งเล็กน้อย ช่วยให้เราเปลี่ยนมายเซ็ทและวิธีการมองโลกได้ และการคิดถึงสิ่งที่มีความสุข วันละ 3 สิ่ง จะช่วยให้เราแสกนหาความสุข และสิ่งที่มีความหมาย

ข้อสุดท้าย คือ การทำสมาธิ 2 นาทีต่อวัน ด้วยวิธีการสังเกตลมหายใจเข้าออกตามธรรมชาติ พี่มะขวัญเล่าว่าการนั่งสมาธิช่วยสร้างพื้นที่ในใจเราให้มั่นคง “ตอนที่เจอปัญหาหนักๆ พี่ไม่รู้เลยว่าการฝึกสติ สมาธิมันใช้อะไรได้จนเจอปัญหา บางวันตื่นมามันรู้สึกเหมือนเราเป็นเรือแล้วอยู่ท่ามกลางพายุ ปั่นป่วนแล้วเราจะยืนยังไง การอยู่กับลมหายใจมันทำให้เรายืนได้ ทำให้เรามั่นคงในตัวเอง เราเจอสภาวะเดียวกันทั้งโลก โลกมันแย่ลง จิตใจเราต้องรับอารมณ์ทุกวัน”

การวิจัยได้พิสูจน์แล้วว่าระดับความสุขของผู้คนสามารถเปลี่ยนแปลงได้อย่างมีนัยสำคัญตลอดช่วงอายุของพวกเขาบอกว่าลักษณะไม่ได้กำหนดไว้โดยยีนหรือบุคลิกภาพ แต่แท้จริงแล้วเป็นทักษะที่สามารถเรียนรู้ได้

บางคนดูเหมือนจะมีความสุขตามธรรมชาติและบางคนก็ต้องทำงานให้หนักขึ้นทุกคนสามารถใช้วิธีปฏิบัติในชีวิตของพวกเขาเพื่อเพิ่มความพึงพอใจและความสุข โชคดีที่การมุ่งเน้นไปที่ความสุขในทศวรรษที่ผ่านมาเรามีการค้นพบทางวิทยาศาสตร์เพื่อดึงความรู้เกี่ยวกับวิธีการเรียนรู้ทักษะความสุขเพื่อยกระดับชุดความสุขของเราอย่างถาวร คุณสามารถเพิ่มความรู้สึกในเชิงบวกของคุณโดยการรวมการปฏิบัติที่พิสูจน์แล้วไม่กี่ลงในชีวิตประจำวันของคุณเป็นประจำ

การฝึกสติ, สภาพจิตใจของการรับรู้ที่ผ่อนคลายในช่วงเวลาปัจจุบัน, การเปิดกว้างและความอยากรู้อยากเห็นต่อความรู้สึกของคุณมากกว่าการตัดสินของพวกเขาเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสำหรับการเพิ่มความสุข การเห็นแก่ผู้อื่นความเห็นอกเห็นใจและความกตัญญูซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสติได้รับการแสดงไม่เพียง แต่จะมีความสัมพันธ์กับความสุข

การเห็นคุณค่าและขอบคุณผู้อื่นสำหรับความดีงามที่พวกเขามีส่วนร่วมในชีวิตของเราช่วยเสริมสร้างความสุข

ส่งเสริมมุมมองที่เป็นบวกมากขึ้นโดยการเปิดกว้างซาบซึ้งอยากรู้อยากเห็นใจดีมองโลกในแง่ดีและจริงใจ

ความเอื้ออาทร

การช่วยเหลือและการมีน้ำใจต่อผู้อื่นนั้นเป็นรางวัลที่สำคัญอย่างยิ่ง ความรู้สึกหลังจากแสดงออกถึงความมีน้ำใจต่อใครบางคน ร่างกายจะหลั่งสารแห่งความสุข endorphins ออกมา 

ดังนั้นสิ่งนี้มีลักษณะอย่างไรในชีวิตประจำวันของคุณ?

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความสุขคือทักษะที่สามารถเรียนรู้ได้ ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีต่อวันในการฝึกฝนเพื่อเพิ่มความสุขและความเป็นอยู่ที่ดีเมื่อดำเนินการเป็นประจำสามารถปลุกสมองของคุณอีกครั้งและช่วยให้คุณยกระดับความสุขอย่างถาวร เช่นเดียวกับการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ สิ่งนี้ใช้เวลาทุ่มเท แต่อาจเป็นงานที่คุ้มค่าที่สุดที่คุณเคยทำ


บางส่วนจาก https://thepotential.org/creative-learning/happiness-skills/

https://thebestbrainpossible.com/happiness-is-a-skill/


ไม่มีความคิดเห็น: