ผมไปคุยกับ https://www.petersinger.ai/ มาเกี่ยวกับหนังสือ How Are We to Live? Ethics in an Age of Self-Interest ของ Peter Singer พูดถึงความท้าทายของการใช้ชีวิตอย่างมีจริยธรรมในยุคที่หลายคนมุ่งเน้นที่ประโยชน์ส่วนตน
- การตั้งคำถามถึงชีวิตที่มีความหมาย : Singer ถามว่าชีวิตที่ดีควรมีลักษณะอย่างไร และเสนอว่าชีวิตที่มีความหมายควรคำนึงถึงผลกระทบที่มีต่อผู้อื่นและสิ่งแวดล้อม
- การให้ความสำคัญกับประโยชน์ส่วนรวม : เขาพูดถึงความจำเป็นในการก้าวข้ามความเห็นแก่ตัว และพิจารณาว่าเราสามารถช่วยเหลือผู้อื่นได้อย่างไร
- การตัดสินใจทางจริยธรรม : Singer สนับสนุนให้เราตัดสินใจโดยคำนึงถึงผลกระทบที่มีต่อคนอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลดความทุกข์ของผู้ที่เดือดร้อน
- การใช้ชีวิตอย่างมีจริยธรรมในสังคมปัจจุบัน : เขาเสนอแนวทางในการมีส่วนร่วมในสังคมและการเมือง เพื่อให้มั่นใจว่านโยบายและการกระทำของเราส่งผลดีต่อส่วนรวม
การนำไปประยุกต์ใช้:
- การตัดสินใจในการใช้ทรัพยากร : พิจารณาการใช้จ่ายและการบริโภคที่ส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม
- การมีส่วนร่วมในชุมชน : มีส่วนร่วมในกิจกรรมที่ช่วยเหลือผู้อื่นหรือปกป้องสิ่งแวดล้อม
- การให้การสนับสนุนองค์กรการกุศล : สนับสนุนองค์กรที่มุ่งมั่นในการลดความทุกข์และเพิ่มคุณภาพชีวิตให้กับผู้ด้อยโอกาส
ชีวิตที่ดีในมุมมองของ Peter Singer ควรมีองค์ประกอบเหล่านี้:
- การพัฒนาตนเอง : การมีสุขภาพที่ดีและการพัฒนาทักษะหรือความสามารถส่วนบุคคล
- ความสัมพันธ์ที่ดี : การมีความสัมพันธ์ที่อบอุ่นและจริงใจกับผู้อื่น
- การทำประโยชน์ต่อผู้อื่น : การใช้ความสามารถของเราเพื่อช่วยเหลือและทำประโยชน์ให้ผู้อื่นหรือชีวิตของสิ่งมีชีวิตอื่นๆ
- การมีจุดมุ่งหมายที่ใหญ่กว่า : การทำสิ่งที่มีความหมายและสร้างสรรค์ ที่ส่งผลดีต่อโลกและผู้อื่น
- ความพึงพอใจในชีวิต : การหาความสุขและความพอใจจากการดำเนินชีวิตที่มีจริยธรรม
Self-interest หมายถึงการคำนึงถึงผลประโยชน์หรือความต้องการของตนเองเป็นหลัก ซึ่งอาจมีหลายแง่มุม ดังนี้:
- การดูแลตนเอง : การใส่ใจสุขภาพและความเป็นอยู่ของตนเอง เช่น การออกกำลังกายและการรับประทานอาหารที่ดี
- การพัฒนาตนเอง : การเรียนรู้และพัฒนาทักษะที่สามารถเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จในชีวิต
- การจัดการทรัพยากรส่วนตัว : การจัดการการเงินและทรัพยากรอื่นๆ เพื่อให้เกิดความมั่นคงและความสะดวกสบายในชีวิต
- การแสวงหาความสุข : การทำสิ่งที่ทำให้เกิดความสุขและความพึงพอใจ
วิธีนำไปประยุกต์ใช้:
- การตั้งเป้าหมายส่วนตัว : ตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนเพื่อพัฒนาตนเองและบรรลุความต้องการส่วนตัว
- การจัดการเวลา : บริหารเวลาของตนเองเพื่อทำสิ่งที่สำคัญต่อการบรรลุเป้าหมายส่วนตัว
- การดูแลสุขภาพ : ใส่ใจสุขภาพกายและใจ เช่น การออกกำลังกายและการทำสมาธิ
- การสร้างสมดุล : การหาสมดุลระหว่างการแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัวและการให้ความสำคัญกับผู้อื่น
That means no privileging yourself. ในบริบทของจริยธรรมและการใช้ชีวิตที่ดี อาจหมายถึง:
- การพิจารณาความเท่าเทียม : การให้ความสำคัญกับความต้องการและความสนใจของผู้อื่นเช่นเดียวกับของตนเอง
- การตัดสินใจที่เป็นธรรม : การตัดสินใจโดยไม่ยึดติดกับความเห็นแก่ตัว และพิจารณาผลกระทบต่อผู้อื่น
- การมีเมตตาและความเห็นอกเห็นใจ : การใส่ใจและเคารพความรู้สึกและสิทธิของผู้อื่น
- การรับผิดชอบต่อสังคม : การมีส่วนร่วมในการสร้างประโยชน์แก่สังคมโดยไม่คิดถึงประโยชน์ส่วนตนเป็นหลัก
การนำไปประยุกต์ใช้:
- การฟังและใส่ใจ : เปิดใจรับฟังความคิดเห็นและความต้องการของผู้อื่น
- การแบ่งปันทรัพยากร : แบ่งปันสิ่งที่ตนเองมีเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น
- การทำงานร่วมกัน : ทำงานร่วมกับผู้อื่นโดยคำนึงถึงเป้าหมายร่วมกัน
- การส่งเสริมความเท่าเทียม : สนับสนุนความเสมอภาคในสังคมและต่อต้านการเลือกปฏิบัติ
### Peter Singer กับมุมมองเกี่ยวกับ "ชีวิตที่ดี"
Peter Singer เป็นนักปรัชญาด้านจริยธรรม (ethics) ชาวออสเตรเลียที่โด่งดังระดับโลก ปัจจุบันเป็นศาสตราจารย์ด้านชีวจริยศาสตร์ (bioethics) ที่มหาวิทยาลัย Princeton เขาเป็นผู้สนับสนุนแนวคิด utilitarianism (ประโยชน์นิยม) ซึ่งเชื่อว่าการกระทำที่ถูกต้องคือการกระทำที่นำมาซึ่งประโยชน์หรือลดความทุกข์ทรมานสูงสุดให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด Singer มักถูกเรียกว่า "นักปรัชญาที่มีอิทธิพลมากที่สุดในโลกที่ยังมีชีวิตอยู่" โดยผลงานของเขาได้จุดประกายขบวนการ effective altruism (การทำความดีอย่างมีประสิทธิภาพ) และสิทธิสัตว์ (animal rights) สำหรับ Singer "ชีวิตที่ดี" (a good life) ไม่ใช่การแสวงหาความสุขส่วนตัวหรือความสำเร็จทางวัตถุเท่านั้น แต่คือการใช้ชีวิตที่คำนึงถึงผู้อื่น จักรวาลทั้งหมด และการลดความทุกข์ทรมานให้มากที่สุด โดยอาศัยเหตุผล (reason) มากกว่าอารมณ์ (emotion) เพื่อเลือกการกระทำที่มี impact สูงสุด.
ในที่นี้ ผมจะอธิบายโดยละเอียดตามมุมมองของ Singer จากผลงานหลักๆ ของเขา เช่น หนังสือ *How Are We to Live?* (1995), *The Life You Can Save* (2009), และ *The Most Good You Can Do* (2015) รวมถึงบทสัมภาษณ์และการบรรยายต่างๆ โดยแบ่งเป็นส่วนๆ เพื่อความชัดเจน.
### 1. พื้นฐานปรัชญาของ Singer: ท้าทาย "ความเห็นแก่ตัว" และเสนอ "มุมมองของจักรวาล"
Singer เชื่อว่าสังคมสมัยใหม่ โดยเฉพาะทุนนิยม ถูกครอบงำด้วยหลักการ "self-interest" (ความเห็นแก่ตัว) ซึ่งมีรากฐานจากนักปรัชญาอย่าง Thomas Hobbes ที่มองว่ามนุษย์ทุกคนกระทำเพื่อประโยชน์ส่วนตัว แม้แต่การช่วยเหลือผู้อื่นก็อาจเป็นเพียงเพื่อความสุขใจของตัวเอง Singer ท้าทายแนวคิดนี้ โดยชี้ว่ามันนำไปสู่สังคมที่โลภ (greed) และทำลายสิ่งแวดล้อม เช่น ยุค Thatcher-Reagan ที่เน้นทุนนิยมสุดโต่ง ซึ่งคุกคามมนุษยชาติและโลกใบนี้.
แทนที่จะเป็นเช่นนั้น Singer เสนอว่า "ชีวิตที่ดี" ต้องอยู่บนพื้นฐานของ "universalisability" (หลักการสากล) จากนักปรัชญา R.M. Hare ซึ่งหมายถึงการกระทำที่เรายอมรับได้หากทุกคนทำแบบเดียวกัน และต้องคำนึงถึง "Golden Rule" (กฎทองคำ) ที่พบในหลายศาสนาและปรัชญา เช่น "จงทำต่อผู้อื่นอย่างที่อยากให้เขาทำต่อเรา" (จากพระเยซู, Rabbi Hillel, ขงจื๊อ หรือมหาภารตะ) Singer ขยายหลักนี้ให้กว้างขึ้น ไม่ใช่แค่เพื่อนบ้าน แต่รวมถึงศัตรู สัตว์ พืช สิ่งแวดล้อม และคนยากจนทั่วโลก เขาเรียกสิ่งนี้ว่า "การใช้ชีวิตโดยมองจากมุมมองของจักรวาล" (taking the point of view of the universe) ซึ่งหมายถึงการไม่มองแค่ตัวเอง แต่คำนึงถึงความต้องการของผู้อื่นและจักรวาลทั้งหมด เพื่อสร้างความกลมกลืนระหว่างการช่วยเหลือผู้อื่นกับการช่วยเหลือตัวเอง.
ตัวอย่างจากชีวิตจริงที่ Singer ยกคือ ผู้ที่เสี่ยงชีวิตช่วยเหลือชาวยิวในสมัยนาซี ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามนุษย์สามารถทำดีโดยไม่เห็นแก่ตัวได้จริงๆ ทำให้ชีวิตของพวกเขามีความหมายมากขึ้น.
### 2. Thought Experiment ดัง: "เด็กจมน้ำ" และความรับผิดชอบทางศีลธรรม
หนึ่งในเครื่องมือที่ Singer ใช้เพื่ออธิบาย "ชีวิตที่ดี" คือ thought experiment (การทดลองทางความคิด) เรื่อง "เด็กจมน้ำ" (drowning child) จากหนังสือ *The Life You Can Save* ลองนึกภาพ: คุณกำลังเดินผ่านบ่อน้ำและเห็นเด็กเล็กกำลังจมน้ำ คุณสามารถช่วยได้ง่ายๆ โดยลงไปอุ้มขึ้นมา แต่รองเท้าและเสื้อผ้าที่แพงของคุณจะเสียหาย และคุณอาจสายสำหรับงาน Singer ถามว่า คุณควรช่วยไหม? คำตอบของคนส่วนใหญ่คือ "ใช่" เพราะการไม่ช่วยคือสิ่งผิดศีลธรรม แม้จะเสียหายส่วนตัวเพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับชีวิตเด็ก.
Singer ขยายสิ่งนี้ไปยังโลกจริง: ทุกวันมีเด็กตายจากสาเหตุที่ป้องกันได้ เช่น โรคภัยจากความยากจน ในประเทศกำลังพัฒนา คนในประเทศร่ำรวยอย่างเรา (แม้รายได้ปานกลาง) มีเงินเหลือที่สามารถบริจาคเพื่อช่วยชีวิตพวกเขาได้ เช่น ซื้อวัคซีนหรือยาราคาถูกผ่านองค์กรการกุศลที่มีประสิทธิภาพ Singer ชี้ว่าการใช้เงินซื้อของฟุ่มเฟือย (เช่น กาแฟราคาแพงหรือเสื้อผ้าใหม่) แทนที่จะบริจาค คือการเลือกความสุขส่วนตัวเหนือชีวิตเด็ก ซึ่งเทียบเท่ากับการปล่อยให้เด็กจมน้ำตาย.
ข้อโต้แย้งทั่วไปที่ Singer ตอบโต้:
- **ระยะทางไม่สำคัญ**: เด็กจมน้ำใกล้ตัวหรือไกลตัว (เช่น ในแอฟริกา) ก็มีคุณค่าชีวิตเท่ากัน ศีลธรรมไม่ขึ้นกับ geography.
- **คนอื่นก็ช่วยได้**: แม้มีคนอื่นที่ช่วยได้ แต่ความรับผิดชอบส่วนตัวยังคงอยู่ ถ้าทุกคนคิดแบบนี้ เด็กก็ตายอยู่ดี.
- **การกุศลไม่มีประสิทธิภาพ**: Singer แนะนำให้เลือกองค์กรที่พิสูจน์ได้ว่ามี impact สูง เช่น ผ่านเว็บไซต์ https://www.thelifeyoucansave.org ที่เขาก่อตั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าเงินบริจาคช่วยชีวิตจริงๆ.
นัยยะสำหรับชีวิตที่ดี: เราต้องขยาย "วงศีลธรรม" (moral circle) ให้กว้างขึ้น รวมถึงคนแปลกหน้าและสัตว์ เพื่อลดความทุกข์ทรมานสูงสุด.
### 3. Effective Altruism: การทำความดีอย่างมีประสิทธิภาพ
จากหนังสือ *The Most Good You Can Do* Singer อธิบายว่า "ชีวิตที่ดี" คือการ "ทำประโยชน์สูงสุดที่ทำได้" (doing the most good you can do) โดยใช้ effective altruism ซึ่งเป็นขบวนการที่เขาเป็นแรงบันดาลใจ หลักการคือ: ใช้เหตุผลและข้อมูลในการเลือกการกระทำที่สร้าง impact สูงสุด ไม่ใช่แค่ตามอารมณ์ เช่น แทนที่จะบริจาคให้พิพิธภัณฑ์ศิลปะในเมืองร่ำรวย ให้บริจาคให้องค์กรที่ช่วยคนยากจนหรือสัตว์ในฟาร์มโรงงาน เพราะที่นั่นเงิน 1 ดอลลาร์ช่วยได้มากกว่า.
Singer ยกตัวอย่างคนที่ปรับชีวิตตามแนวนี้ เช่น คนที่เลือกอาชีพเงินเดือนสูงเพื่อบริจาคมากขึ้น หรือคนที่ใช้เวลาเป็นอาสาสมัครในโครงการที่มีข้อมูลยืนยัน impact เขาเชื่อว่าการทำเช่นนี้ไม่ใช่การเสียสละ แต่ทำให้ชีวิต fulfilling (สมบูรณ์) มากขึ้น เพราะเรารู้สึกมี purpose (จุดมุ่งหมาย) ที่ใหญ่กว่าตัวเอง เช่น การช่วยเหลือผู้อื่นนำมาซึ่งความสุขที่ยั่งยืนกว่าการบริโภค.
Singer ยังขยายไปถึงสิทธิสัตว์ จากหนังสือ *Animal Liberation* (1975) เขาเปรียบ "speciesism" (การเหยียดเผ่าพันธุ์สัตว์) กับ racism หรือ sexism โดยชี้ว่าสัตว์ก็รู้สึกทุกข์ได้ ดังนั้นเราต้องให้ความสำคัญกับความสนใจ (interests) ของพวกมันเท่ากัน เช่น ลดการกินเนื้อสัตว์จากฟาร์มโรงงานที่ทรมานสัตว์ปีละ 74 พันล้านตัว หรือหันไปกิน vegan เพื่อลดความทุกข์และปัญหาสิ่งแวดล้อม.
Effective Altruism (EA) เป็นการเคลื่อนไหวที่เน้นการใช้เหตุผลและหลักฐานในการทำความดีให้ได้มากที่สุด โดยมีหลายวิธีที่สามารถนำไปปฏิบัติได้:
- การบริจาคอย่างมีประสิทธิภาพ : การเลือกบริจาคให้กับองค์กรที่มีผลกระทบสูงและมีประสิทธิภาพ เช่น องค์กรที่ได้รับการประเมินโดย GiveWell .
- การเลือกอาชีพที่มีผลกระทบ : การเลือกทำงานในสายอาชีพที่สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ดี เช่น งานวิจัยหรือการทำงานในองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร
- การสนับสนุนความคิดริเริ่มที่สำคัญ : การเข้าร่วมและสนับสนุนโครงการหรือการเคลื่อนไหวที่มีเป้าหมายในการลดความทุกข์ของมนุษย์หรือสัตว์
- การพัฒนาตนเองเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น : การเรียนรู้และพัฒนาทักษะที่สามารถนำมาใช้ในการช่วยเหลือผู้อื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- การสร้างแรงบันดาลใจและเผยแพร่ความรู้ : การแบ่งปันแนวคิดและความรู้เกี่ยวกับ EA ให้กับผู้อื่นเพื่อขยายเครือข่ายของคนที่สนใจและมีส่วนร่วม
### 4. วิธีปฏิบัติเพื่อ "ชีวิตที่ดี" ตาม Singer
Singer ไม่ได้เรียกร้องให้ทุกคนเป็นนักบุญ แต่ให้เริ่มจากสิ่งที่ทำได้ โดยมีแนวทางปฏิบัติดังนี้:
- **บริจาคเงินอย่างมีประสิทธิภาพ**: แนะนำให้บริจาค 1-10% ของรายได้สำหรับคนรายได้ปานกลาง หรือมากถึง 33-50% สำหรับคนร่ำรวย โดยไม่ทำให้ชีวิตยากลำบากเกินไป เช่น Singer เองบริจาค 1/3 ถึง 1/2 ของรายได้ เลือกองค์กรอย่าง Against Malaria Foundation หรือ GiveWell ที่ช่วยชีวิตเด็กได้จริง.
- **เลือกอาชีพและกิจกรรมที่สร้าง impact**: ทำงานเพื่อ larger purposes เช่น ใน NGO หรือธุรกิจที่แก้ปัญหาโลก แทนอาชีพที่เน้นเงินอย่างเดียว.
- **ลดการบริโภคไม่จำเป็น**: หลีกเลี่ยงของฟุ่มเฟือย เพื่อนำเงินไปช่วยผู้อื่น และพิจารณาผลกระทบต่อสัตว์และสิ่งแวดล้อม เช่น เลือกเนื้อสัตว์จากฟาร์มที่มนุษย์ธรรม หรือหันไป plant-based.
- **ใช้เหตุผลมากกว่าอารมณ์**: ประเมินการกระทำด้วยข้อมูล เช่น บริจาคให้ปัญหาที่เร่งด่วนอย่างความยากจนหรือ factory farming แทนปัญหาที่ "น่ารัก" แต่ impact น้อย.
- **สร้างชุมชน**: Singer เชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงเกิดจากสังคม เช่น ครอบครัวหรือเพื่อนที่สนับสนุน veganism ทำให้ง่ายขึ้น.
- **พิจารณาปัญหาใหญ่**: เช่น climate change โดยสนับสนุนพลังงานสะอาด หรือ AI risk แต่เน้นปัญหาที่แก้ได้ทันทีมากกว่า.
Singer ยอมรับว่าการเป็น "คนดีจริงๆ" ยาก เพราะชีวิตประจำวันเต็มไปด้วยการเลือกที่เห็นแก่ตัว แต่การพยายามทำดีแม้เพียงส่วนหนึ่ง (เช่น บริจาค 10%) ก็ทำให้เราดีกว่าคนส่วนใหญ่ และนำมาซึ่งความสุขที่แท้จริง.
### 5. ข้อวิจารณ์และ takeaways
ข้อวิจารณ์: บางคนมองว่าแนวคิดของ Singer extreme เกินไป เพราะไม่คำนึงถึง partiality (ความลำเอียงต่อคนใกล้ตัว) หรือมุมมองจากนักปรัชญายุโรปแผ่นดินใหญ่ เช่น Kierkegaard (ที่แบ่งชีวิตเป็น aesthetic, ethical, religious) หรือ Levinas (ที่เน้น "Other" ที่อ่อนแอ) นอกจากนี้ utilitarianism อาจลดปัญหาชีวิตและความตายให้เป็นแค่การคำนวณ (calculus) ซึ่งขาดมิติทางจิตวิญญาณ.
Takeaways: ตาม Singer ชีวิตที่ดีคือการมีชีวิตที่ "ไม่เห็นแก่ตัว" โดยทำประโยชน์สูงสุด ลดทุกข์ให้ผู้อื่น ซึ่งไม่เพียงทำให้โลกดีขึ้น แต่ยังทำให้ชีวิตเราสมบูรณ์และ rewarding มากขึ้น หากสนใจลองเริ่มจากอ่านหนังสือของเขา หรือทดลองบริจาคผ่านองค์กรที่เขาแนะนำเพื่อเห็นผลกระทบจริงๆ.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น