วันศุกร์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2568

Good vibes Good life ใช้คลื่นพลังบวกดึงดูดพลังสุข

 ใช้คลื่นพลังบวกดึงดูดพลังสุขBooks | ร้านหนังสือนายอินทร์

Good Vibes Good Life - ใช้คลื่นพลังบวกดึงดูดพลังสุข


ภาพรวมหลัก: เอกสารนี้สรุปแนวคิดหลักจากหนังสือ "Good Vibes Good Life" โดย Vex King ซึ่งเน้นย้ำถึงพลังของการคิดเชิงบวก การรักตนเอง และกฎแห่งการสั่นสะเทือน เพื่อดึงดูดความสุขและความสำเร็จในชีวิต สารสำคัญคือการปรับความคิด อารมณ์ คำพูด และการกระทำให้สอดคล้องกับสิ่งที่ปรารถนา และการสร้างนิสัยเชิงบวกเพื่อยกระดับการสั่นสะเทือนส่วนบุคคล

ธีมหลักและแนวคิดสำคัญ

1. กฎแห่งการสั่นสะเทือน (The Law of Vibration) และกฎแห่งแรงดึงดูด (The Law of Attraction)

  • แก่นแท้ของจักรวาล: แหล่งที่มาระบุว่า "จักรวาลตอบสนองต่อการสั่นสะเทือนของคุณ มันจะคืนพลังงานที่คุณจ่ายออกไป" (The Universe responds to your vibration. It will return whatever energy you put out.) นี่คือกฎที่อยู่เหนือกฎแห่งแรงดึงดูด
  • พลังของความคิด: "หลักการของกฎแรงดึงดูดคือสิ่งที่คุณคิด" (The principle of the Law of Attraction is that what you think.) สิ่งที่คุณให้ความสำคัญจะกลับมาหาคุณ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่ต้องการหรือไม่ต้องการ
  • การจับคู่ความถี่: ในการดึงดูดสิ่งที่เราต้องการ เราต้อง "จับคู่ความถี่การสั่นของความคิดนั้นให้ตรงกัน" (match the vibrational frequency of that thought.) ความคิด อารมณ์ คำพูด และการกระทำต้องสอดคล้องกัน
  • อารมณ์คือตัวบ่งชี้: "วิธีที่ดีที่สุดในการระบุความถี่ของคุณคือการใช้อารมณ์ของคุณ อารมณ์ของคุณสะท้อนถึงพลังที่แท้จริงของคุณ" หากเรารู้สึกดี เราก็จะคิดดีและนำไปสู่การกระทำเชิงบวก

2. การรักตนเอง (Self-Love)

  • ความหมายที่แท้จริง: การรักตนเองคือ "ความสมดุลระหว่าง การยอมรับสิ่งที่ตัวเองเป็น ในขณะที่ก็รู้ว่าคุณสมควรได้รับสิ่งที่ดีกว่า และพยายามไปให้ถึงจุดนั้น" (a balance between accepting yourself as you are, while also knowing you deserve better, and working towards that.)
  • คุณค่าส่วนบุคคล: "การรักตัวเองที่แท้จริงจะเป็นอะไรก็ได้ที่เพิ่มคุณค่าให้ตัวคุณ" (True self-love can be anything that adds value to you.) ซึ่งรวมถึงการพัฒนาตนเองและการตระหนักว่าเราสมควรได้รับสิ่งที่ดีกว่า
  • ความรักที่ไม่มีเงื่อนไข: เปรียบเทียบกับการรักผู้อื่นโดยไม่มีเงื่อนไข การรักตนเองคือการมีความสนใจในตัวเองมากที่สุด ยอมรับตนเองแต่ก็ต้องการสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับตนเอง
  • ผลลัพธ์ของการรักตนเอง: "เมื่อคุณรักตัวเอง ชีวิตจะเริ่มรักคุณตอบ" (When you love yourself, life starts loving you back.) การรักตนเองยังช่วยยกระดับการสั่นสะเทือนและดึงดูดสิ่งดีๆ

3. นิสัยการใช้ชีวิตเชิงบวก (Positive Lifestyle Habits)

  • สร้างสภาพแวดล้อมเชิงบวก: "ห้อมล้อมตัวเองด้วยผู้คนที่มีชีวิตชีวามากกว่าคุณ อยู่เคียงข้างคนที่กำลังมีความรู้สึกดีกว่าคุณ พลังงานติดต่อได้" (Surround yourself with people who are vibin’ higher than you. Be around people who are feeling better than you are. Energy is contagious.) การใช้เวลากับคนคิดบวกจะช่วยยกระดับความคิดและการสั่นสะเทือนของเรา
  • เปลี่ยนภาษากาย: การแกล้งยิ้มหรือใช้ "ท่าอำนาจ" (power poses) สามารถหลอกสมองให้ปล่อยฮอร์โมนแห่งความสุข (เอนดอร์ฟินและเทสโทสเตอโรน) และลดฮอร์โมนความเครียด (คอร์ติซอล) ซึ่งส่งผลต่อความรู้สึกและระดับการสั่นสะเทือนภายใน
  • หยุดพักและรีเซ็ต: "บางครั้งคุณต้องถอดปลั๊กตัวเองจากโลกไปชั่วขณะ ดังนั้น คุณสามารถรีเซ็ตตัวเองได้" (Sometimes you have to unplug yourself from the world for a moment, so you can reset yourself.) การพักผ่อนช่วยลดความเครียดและเพิ่มระดับเซโรโทนิน
  • หลีกเลี่ยงการนินทาและดราม่า: "เรื่องดราม่าในละครมีไว้เพื่อทีวี ไม่ใช่ชีวิตจริง อย่าเล่นบทของคนอื่นที่ทำให้พวกเขาเป็นดาวดวงเดียว" (Drama is for TV, not for real life. Don’t play a part in someone else’s episode in which they are the only star.) การนินทาจะลดการสั่นสะเทือนและเสียเวลาอันมีค่า
  • แสดงความขอบคุณ: การนับพรและการสำนึกในสิ่งที่มีอยู่เป็นนิสัยที่ทรงพลังที่สุดอย่างหนึ่ง "ยิ่งคุณคิดถึงสิ่งที่มีความสุขของคุณมากเท่าไหร่ คุณก็ยิ่งมีสิ่งดีๆ มากขึ้นเท่านั้น" (The more you count your blessings, the more blessings you’ll have to count.)
  • ศึกษาอารมณ์: การไม่สนใจอารมณ์ด้านลบเปรียบเสมือนการเก็บยาพิษไว้ในร่างกาย "เป้าหมายไม่ใช่เพื่อบังคับความคิดเชิงบวก แต่เพื่อเปลี่ยนความคิดเชิงลบเป็นสิ่งที่ดีต่อสุขภาพ เพื่อให้คุณรู้สึกดีขึ้น" (The goal isn’t to force positive thoughts, but to transform negative ones into healthy ones, so you feel better.)
  • ตระหนักรู้ในปัจจุบัน: "ทุกวินาทีที่คุณใช้คิดถึงช่วงเวลาถัดไป คุณหลีกเลี่ยงการโอบรับปัจจุบัน" (Every second you spend thinking about the next moment you avoid embracing the present.) การมุ่งเน้นกับปัจจุบันเป็นสิ่งสำคัญ
  • ให้ความสำคัญกับตัวเอง: "ไม่ใช่เรื่องเห็นแก่ตัวหรือเป็นสัญญาณของความอ่อนแอที่จะทำให้ตัวเองออกห่างจากคนที่ทำให้คุณรู้สึกแย่อยู่เสมอ" (It’s not selfish or a sign of weakness to distance yourself or walk away from those who constantly bring down your vibe.) การดูแลความสัมพันธ์กับตนเองเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
  • ตรวจสอบพฤติกรรมตนเอง: "ทบทวนพฤติกรรมของคุณและพยายามเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เป็นเป็นพิษต่อตนเองหรือผู้อื่น นี่ไม่ใช่แค่วิธีที่คุณเติบโต แต่ยังเป็นการกระทำของการรักตนเอง" (Always review your behaviours and make an effort to change any that are toxic — towards yourself or others. This isn’t only how you grow, it’s also an act of self-love.)
  • เลือกมิตรภาพที่แท้จริง: รักษาผู้ที่เพิ่มคุณค่าให้กับชีวิตของคุณ และไม่เป็นไรหากบางคนเลือกเส้นทางที่แตกต่างออกไป

4. การยอมรับตนเองและคุณค่าภายใน

  • คุณค่าที่แท้จริง: "คุณจะไม่มีความสำคัญสำหรับคนอื่นตลอดเวลา และนั่นคือเหตุผลที่คุณต้องมีความสำคัญต่อตัวเอง" (You won’t be important to other people all the time, and that’s why you have to be important to yourself.)
  • ยอมรับความงามทางกายภาพ: "อย่าให้แนวคิดเกี่ยวกับความงามที่สร้างโดยสังคมมาทำให้ความนับถือตนเองลดลง ไม่มีกฎเกณฑ์สำหรับความงาม ยอมรับและรักตัวเองอย่างที่คุณเป็น" (Don’t let socially constructed ideas about beauty lower your self-esteem. There are no rules to beauty. Accept and love yourself as you are.) ขนาดเสื้อผ้า สีผิว หรือรูปลักษณ์ภายนอกไม่ได้กำหนดตัวตนที่แท้จริงของคุณ
  • เปรียบเทียบกับตนเองเท่านั้น: "การเปรียบเทียบเป็นหนึ่งในสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดที่ทำให้เรารู้สึกเศร้า การเปรียบเทียบได้ขโมยความสุขของเราไปหลายครั้ง" (Comparing is one of the most common causes of us feeling sad. Comparison has stolen our joy so many times.) ให้เปรียบเทียบกับตัวเราเมื่อวานนี้
  • ความงามภายในสำคัญกว่า: "ความงามทางกายภาพไม่ได้ช่วยอะไรนอกจากสนองความต้องการทางกายภาพ เฉพาะผู้ที่มีแก่นสารเท่านั้นที่จะสนองหัวใจ จิตใจ และจิตวิญญาณของผู้อื่นได้" (Physical beauty does nothing but satisfy physical wants. Only those with substance will satisfy others’ heart, mind and soul.)

5. การบรรลุเป้าหมายและการเปลี่ยนแปลง

  • พลังแห่งความเชื่อ: "ความเชื่อของคุณเป็นพื้นฐานสำคัญในการแสดงออกอย่างไม่ต้องสงสัย ถ้าคุณไม่เชื่อในบางสิ่ง คุณจะไม่ค่อยเห็นมันในชีวิตของคุณ" (Your belief is undoubtedly a fundamental basis for manifestation. If you don’t believe in something, you rarely see it in your life.)
  • เปลี่ยนการตอบสนองต่อความคิดลบ: "เป้าหมายของคุณไม่ใช่การกำจัดความคิดเชิงลบ มันคือการเปลี่ยนการตอบสนองของคุณต่อพวกเขา" (Your goal isn’t to get rid of negative thoughts; it’s to change your response to them.)
  • ตั้งปณิธานให้ชัดเจน: คุณต้องรู้ว่าคุณต้องการอะไรอย่างแท้จริง เป้าหมายควรสะท้อนถึงตัวตนและสิ่งที่จะปรับปรุงคุณภาพชีวิตของคุณ "เมื่อคุณแสดงเจตจำนงชัดเจน จักรวาลจะทำงานอย่างน่าอัศจรรย์" (When you make your intention clear, the Universe works its magic.)
  • เขียนเป้าหมาย: "คุณคือผู้กำหนดอนาคตของคุณ เขียนเกี่ยวกับสิ่งที่คุณต้องการและดำเนินเรื่องราวของคุณ" (You are the author of your future. Write about what you desire and live your story.)
  • จินตนาการถึงการใช้ชีวิต: "สิ่งที่เป็นจริงในใจคุณ จะกลายเป็นจริงในชีวิตของคุณ" (What becomes real in your mind will become real in your life.) สมองไม่สามารถแยกความแตกต่างระหว่างสิ่งที่จินตนาการกับสิ่งที่เป็นจริงได้
  • จักรวาลสนับสนุนคุณ: "อย่ากังวลว่าจะเกิดอะไรขึ้น มิฉะนั้น คุณจะเริ่มสร้างข้อจำกัด แค่แน่ใจว่าคุณต้องการอะไร แล้วจักรวาลทั้งหมดจะจัดเรียงตัวเองใหม่ให้คุณ" (Don’t worry about how it’s going to happen, otherwise you’ll begin to create limitations. Just be certain about what you want and the entire Universe will rearrange itself for you.)
  • การเปลี่ยนแปลงต้องอาศัยการกระทำ: "ความตั้งใจที่ปราศจากการกระทำเป็นเพียงความปรารถนา เป้าหมายจะเกิดขึ้นเมื่อคุณตัดสินใจที่จะไล่ตามเท่านั้น" (Intention without action is merely a wish. Goals only happen when you decide to pursue them.) ก้าวออกจากเขตสบายและเผชิญหน้ากับความกลัว
  • ความสม่ำเสมอนำไปสู่ผลลัพธ์: "เราต้องสม่ำเสมอในขณะที่เรามุ่งมั่นเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของเรา" (We must be consistent as we strive to achieve our goals.)
  • ศรัทธา vs ความกลัว: "ศรัทธาเป็นทางเลือกที่กระตือรือร้นที่เราทำเพื่อมองโลกในแง่ดี" (Faith is an active choice we make to be optimistic.) ความกลัวทำให้ชีวิตธรรมดาและขัดขวางความก้าวหน้า

6. จุดประสงค์ที่สูงขึ้น (Higher Purpose) และความสุขที่แท้จริง

  • ความหมายของการมีอยู่: "คุณมาที่นี่เต็มไปด้วยศักยภาพ ความสามารถ ของขวัญ ภูมิปัญญา ความรัก และความเฉลียวฉลาดที่จะแบ่งปันกับโลก คุณอยู่ที่นี่เพื่อทำให้โลกนี้น่าอยู่ขึ้น" (You came here loaded with potential, ability, gifts, wisdom, love and intelligence to share with the world. You are here to make the world a better place.)
  • ค้นหาความหลงใหล: การทำในสิ่งที่รักด้วยสุดใจเป็นสิ่งสำคัญในการใช้ชีวิตที่ยอดเยี่ยม และการติดตาม "ความตื่นเต้น" (excitement) ของคุณคือเส้นทางที่สั้นที่สุด
  • เงินคือพลังงาน: "เงินเป็นเพียงพลังงาน ไม่ว่าดีหรือไม่ดี และไม่จำกัดในอนันต์ของเรา จักรวาลอันอุดมสมบูรณ์ ทำเงินเพื่อช่วยคุณไม่ทำให้คุณสมบูรณ์" (Money is merely energy — neither good nor bad, and unlimited in our infinitely abundant Universe. Make money to assist you, not to complete you.)
  • ความสุขมาจากภายใน: "ความสุขไม่ได้มาจากคนอื่น จากสถานที่หรือสิ่งของ มันมาจากภายใน" (Happiness doesn’t come from other people, from places or things. It comes from within.) การควบคุมตนเอง การคิดเชิงบวก การปล่อยวางอดีต และการชื่นชมปัจจุบันคือกุญแจสำคัญ

7. ข้อคิดสรุป

  • ทุกความท้าทายและความล้มเหลวมีบทเรียนอยู่เสมอ ซึ่งเป็นเส้นทางสู่ความยิ่งใหญ่
  • จงเชื่อในสัญชาตญาณ เคารพขอบเขตส่วนบุคคล และหากสิ่งใดรู้สึกมหัศจรรย์ก็จงทำตามนั้น
  • "คุณมีทุกสิ่งที่จำเป็นเพื่อสร้างชีวิตที่น่าตื่นเต้นและสวยงาม และทุกอย่างเริ่มต้นจากการรักตัวเอง" (You have everything you need to create an exciting and beautiful life, and it all starts with self-love.)

แหล่งที่มา: อ่านเพิ่มเติม "Good vibes Good life ใช้คลื่นพลังบวกดึงดูดพลังสุข จาก Vex King| by Chalermchai Aueviriyavit | Medium" ตัดแปะโดย เฉลิมชัย เอื้อวิริยะวิทย์ 

ไม่มีความคิดเห็น: