วันพุธที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2568

14 Life-Changing Quotes You've Never Heard Before - Mark Manson

 


Mark Manson ได้แบ่งปัน 14 คำคมที่เขาเชื่อว่าเปลี่ยนแปลงชีวิตและแตกต่างจากคำแนะนำ "self-help" ทั่วไป ซึ่งเขาเรียกว่าเป็น "brutal obscure truths" หรือความจริงที่โหดร้ายและไม่ชัดเจน

นี่คือคำคมทั้ง 14 ที่กล่าวถึงในวิดีโอ "14 Life-Changing Quotes You've Never Heard Before" พร้อมคำแปล:

  1. "He who fears he shall suffer already suffers from what he fears." – Michel de Montaigne

    • แปล: "ผู้ที่กลัวว่าตนจะต้องทนทุกข์ ก็กำลังทนทุกข์อยู่แล้วจากสิ่งที่เขากลัว"
    • Montaigne ผู้คิดค้นเรียงความส่วนตัว เข้าใจว่าความทุกข์ส่วนใหญ่มาจากความคาดหวังมากกว่าความเป็นจริง Mark Manson เสริมว่าการกังวลเกี่ยวกับความเจ็บปวดในอนาคตมักจะเลวร้ายพอๆ กับการได้สัมผัสมันจริงๆ และมีการศึกษาพบว่า 85% ของสิ่งที่เรากังวลไม่เคยเกิดขึ้นจริง
  2. "You'll worry less about what people think about you when you realize how seldom they do." – David Foster Wallace

    • แปล: "คุณจะกังวลน้อยลงว่าคนอื่นคิดอะไรเกี่ยวกับคุณ เมื่อคุณตระหนักว่าพวกเขาไม่ค่อยคิดถึงคุณเลย"
    • คำคมนี้อ้างถึงปรากฏการณ์ทางจิตวิทยาที่เรียกว่า "spotlight effect" หรือผลกระทบจากสปอตไลท์ ซึ่งเป็นแนวโน้มตามธรรมชาติของมนุษย์ที่จะคิดว่าคนอื่นให้ความสนใจเรามากกว่าที่พวกเขาทำจริงๆ การเข้าใจเรื่องนี้สามารถปลดปล่อยคุณจากการกังวลมากเกินไปเกี่ยวกับสิ่งที่คนอื่นคิด
  3. "Life shrinks or expands in proportion to one's courage." – Anais Nin

    • แปล: "ชีวิตจะหดตัวหรือขยายออกตามสัดส่วนของความกล้าหาญของคนเรา"
    • ช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดในชีวิตมักเป็นช่วงเวลาที่น่ากลัวที่สุด และช่วงเวลาที่น่ากลัวที่สุดต้องการความกล้าหาญมากที่สุด ดังนั้นความกล้าหาญของคุณจึงเป็นสัดส่วนกับความสำคัญและผลกระทบที่จะมีต่อชีวิตคุณ ยิ่งคุณกล้าหาญมากเท่าไหร่ ขอบเขตของความเป็นไปได้ในการกระทำของคุณก็จะกว้างขึ้นเท่านั้น
  4. "One must choose in life between boredom and suffering." – Madame de Staël

    • แปล: "ในชีวิตคนเราต้องเลือกระหว่างความเบื่อหน่ายและความทุกข์ทรมาน"
    • Madame de Staël นักปรัชญาชาวฝรั่งเศสในศตวรรษที่ 18 ได้นำเสนอแนวคิดที่คล้ายคลึงกับหลักการทางพุทธศาสนาที่ลึกซึ้งโดยไม่รู้ตัว เราหนีความเบื่อหน่ายด้วยการแสวงหาการกระตุ้นและความอยาก แต่การกระตุ้นและความอยากทั้งหมดนำไปสู่การตกต่ำ ซึ่งก่อให้เกิดความทุกข์ทรมาน
  5. "All sins are attempts to fill voids; true virtue lies in the recognition and acceptance of one's own emptiness without desperately trying to fill it." – Simone Weil

    • แปล: "บาปทั้งหมดคือความพยายามที่จะเติมเต็มความว่างเปล่า; คุณธรรมที่แท้จริงอยู่ในการตระหนักรู้และยอมรับความว่างเปล่าของตนเองโดยไม่ต้องพยายามเติมเต็มอย่างสิ้นหวัง"
    • เรามีความต้องการอย่างแรงกล้าภายในตนเองที่จะรู้สึกว่ากำลังทำอะไรบางอย่าง บรรลุอะไรบางอย่าง หรือได้รับอะไรบางอย่าง ถ้าไม่มีสิ่งเหล่านี้เราจะรู้สึกว่างเปล่า ขั้นตอนแรกในการจัดการกับความว่างเปล่าภายในนี้คือการยอมรับว่ามันมีอยู่ และไม่จำเป็นต้องเติมเต็มเสมอไป
  6. "The curious paradox is that when I accept myself as I am, I can change." – Carl Rogers

    • แปล: "ความย้อนแย้งที่น่าสนใจคือ เมื่อฉันยอมรับตัวเองในแบบที่เป็นอยู่ ฉันก็สามารถเปลี่ยนแปลงได้"
    • Carl Rogers นักจิตวิทยาผู้มีอิทธิพลอย่างมาก ได้เสนอว่าการเติบโตที่แท้จริงเริ่มต้นด้วยการมองตัวเองอย่างไม่ตัดสิน เรามักคิดว่าต้องลงโทษ ตำหนิ หรือรู้สึกผิดเพื่อกระตุ้นการปรับปรุง แต่ Rogers กลับมองตรงกันข้ามว่ายิ่งเราต่อสู้กับตัวตนของเรามากเท่าไหร่ เราก็จะยิ่งติดอยู่มากขึ้นเท่านั้น
  7. "Genius is nothing more or less than childhood recovered at will." – Charles Baudelaire

    • แปล: "อัจฉริยะไม่ใช่สิ่งอื่นใดเลยนอกจากวัยเด็กที่กลับคืนมาได้ตามปรารถนา"
    • การที่จะมองเห็นเป้าหมายที่ไม่มีใครเห็นได้ คุณต้องมีอิสระและความอยากรู้อยากเห็นที่บริสุทธิ์ไม่แปดเปื้อนจากโลกภายนอก เช่นเดียวกับเด็กๆ ที่ฝันถึงสิ่งต่างๆ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการจำนองหรือกำหนดส่งงาน อิสระจากแรงกดดันทางสังคมและความเต็มใจที่จะมองในสิ่งที่ไม่มีใครมองนี้เองที่ทำให้อัจฉริยภาพทางความคิดสร้างสรรค์ไหลออกมา
  8. "I have forced myself to contradict myself in order to avoid conforming to myself." – Marcel Duchamp

    • แปล: "ฉันบังคับตัวเองให้ขัดแย้งกับตัวเอง เพื่อหลีกเลี่ยงการทำตามแบบแผนของตัวเอง"
    • Duchamp ตระหนักว่าแนวโน้มที่จะแสวงหาสิ่งที่น่าพึงพอใจและสอดคล้องกับความเชื่อของตนเองนั้นคือจุดจบของความคิดสร้างสรรค์ ความคิดสร้างสรรค์ต้องการความเต็มใจที่จะก้าวออกจากขอบเขตความสบายของตนเอง และยอมให้ตัวเองถูกท้าทาย
  9. "The highest reward for a person's toil is not what they get for it, but what they become for it." – John Ruskin

    • แปล: "รางวัลสูงสุดสำหรับความเพียรพยายามของคนเรา ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาได้รับจากมัน แต่เป็นสิ่งที่พวกเขากลายเป็นเพราะมัน"
    • ในยุคที่วัฒนธรรมการทำงานหนักยกย่องเงินเดือนจำนวนมากหรือการเลื่อนตำแหน่ง คำพูดของ Ruskin ยังคงเป็นจริง เพราะบางทีผลตอบแทนที่แท้จริงของการทำงานหนักอาจไม่ใช่ถ้วยรางวัลที่เปล่งประกาย แต่เป็นทักษะและอุปนิสัยที่คุณพัฒนาขึ้นมาต่างหาก
  10. "Break a vase, and the love that reassembles the fragments is stronger than the love which took its symmetry for granted." – Derek Walcott

    • แปล: "ทำแจกันแตก และความรักที่ประกอบเศษชิ้นส่วนเข้าด้วยกันนั้นแข็งแกร่งกว่าความรักที่เคยชื่นชมความสมบูรณ์ของมันโดยไม่เห็นคุณค่า"
    • คำคมนี้เป็นอุปมาอุปไมยที่สวยงามสำหรับความสัมพันธ์และสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต ซึ่งมีแนวโน้มที่จะมีคุณค่ามากขึ้นเมื่อได้รับความเสียหาย ร่างกายของเราฟื้นตัวและแข็งแกร่งขึ้นหลังจากความยากลำบาก เช่นเดียวกับความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นขึ้นหลังจากผ่านพ้นพายุด้วยกัน
  11. "Excellence is not an aspiration. Excellence is the next 5 minutes." – Tom Peters

    • แปล: "ความเป็นเลิศไม่ใช่ความปรารถนาอันยิ่งใหญ่ ความเป็นเลิศคือ 5 นาทีข้างหน้า"
    • เรามักจินตนาการว่าความเป็นเลิศเป็นผลลัพธ์ที่อยู่ไกลออกไป ซึ่งเราปรารถนาและพยายามมานานหลายปี คำคมนี้พลิกความคาดหวังนี้กลับกัน เพราะความเป็นเลิศที่ถูกนำไปปฏิบัติจริงเกิดขึ้นในทุกช่วงเวลาในทุกสิ่งที่เราทำ
  12. "It's not the notes you play, it's the notes you don't play." – Miles Davis

    • แปล: "ไม่ใช่ตัวโน้ตที่คุณเล่น แต่เป็นตัวโน้ตที่คุณไม่ได้เล่น"
    • ใครที่คุณเป็นนั้นอาจถูกกำหนดไม่ได้ด้วยสิ่งที่คุณทำ แต่เป็นสิ่งที่คุณเลือกที่จะไม่ทำ การพยายามทำทุกสิ่งทุกอย่างเพียงแต่ทำให้ "เพลง" ของชีวิตคุณคลุมเครือและซับซ้อน แต่การถอยกลับและทำเฉพาะสิ่งที่สำคัญต่อคุณอย่างแท้จริงเท่านั้น จะทำให้การกระทำทั้งหมดของคุณมีน้ำหนัก ความสำคัญ และผลกระทบ
  13. "Freedom is not the absence of commitments, but the ability to choose and commit oneself to what is most deeply meaningful." – Nicolas Berdyaev

    • แปล: "เสรีภาพไม่ใช่การปราศจากพันธะสัญญา แต่คือความสามารถในการเลือกและผูกมัดตนเองกับสิ่งที่มีความหมายลึกซึ้งที่สุด"
    • ในวัฒนธรรมตะวันตก มีมุมมองที่ผิดพลาดเกี่ยวกับเสรีภาพว่าเป็นเหมือนการมีทางเลือกมากขึ้น แต่การปลดปล่อยที่แท้จริงเกิดขึ้นเมื่อคุณตัดสินใจว่าอะไรคือสิ่งสำคัญสำหรับคุณอย่างแท้จริง และทุ่มเทให้กับมันอย่างเต็มที่
  14. "The most common way people give up their power is by thinking that they don't have any." – Alice Walker

    • แปล: "วิธีที่คนส่วนใหญ่ยอมแพ้อำนาจของตัวเองคือการคิดว่าตนเองไม่มีอำนาจใดๆ เลย"
    • การไร้อำนาจเป็นทัศนคติมากกว่าข้อเท็จจริง จิตวิทยาสมัยใหม่แสดงให้เห็นว่ามีความเป็นไปได้ที่จะเกิดการเติมเต็มคำทำนายด้วยตนเองจากความเชื่อที่เรามีเกี่ยวกับตัวเอง คุณมีอำนาจที่จะตัดสินใจว่าจะมองเห็นสิ่งนี้อย่างไร และจะตอบสนองต่อสิ่งนี้อย่างไรเสมอ

ตัดแปะโดย เฉลิมชัย เอื้อวิริยะวิทย์

ไม่มีความคิดเห็น: