ชีวิตนั้นเจ็บปวด
แต่เราก็ต้องดำเนินชีวิตต่อไป
สำหรับผู้ที่รู้สึกว่าการใช้ชีวิตในแต่ละวันนั้นยากลำบาก
ข้อความทรงพลังจากผู้เขียนหนังสือขายดีเรื่อง "The Courage to be
Disliked"! กล้าที่จะถูกเกลียด
ชีวิตนั้นเจ็บปวด ไม่ใช่ว่าจะมีช่วงเวลาที่เจ็บปวดและสนุกสนาน
แต่เป็นเพราะว่าชีวิตนั้นเจ็บปวดโดยเนื้อแท้
นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมศาสนาพุทธจึงสอนเกี่ยวกับความเจ็บปวดของ "การเกิด
การแก่ การเจ็บป่วย และการตาย"
และพระคัมภีร์ก็เปรียบชีวิตเหมือนหุบเขาแห่งการร้องไห้
แต่ถึงกระนั้น
แทนที่จะตาย เรามายอมรับความจริงข้อนี้และดำเนินชีวิตต่อไปกันเถอะ
ไม่ว่าคุณจะถูกกลั่นแกล้งหรือถูกคุกคามที่ทำงาน อย่าตาย
แต่จงมีชีวิตอยู่ต่อไป ไม่ว่าคุณจะรู้สึกโดดเดี่ยวเพียงใด ก็ยังมี "เพื่อน"
อยู่ที่นั่นเสมอ ดังนั้นอย่าสิ้นหวัง จงมีชีวิตอยู่ด้วยความหวัง เพราะการ
"ใช้ชีวิต" คือภารกิจที่ทุกคนบนโลกนี้ต้องเผชิญ นี่คือ
ปรัชญาการใช้ชีวิตของคิชิมิ อิจิโร
ที่เขาสร้างขึ้นโดยการศึกษาแนวคิดต่างๆ เช่น พุทธศาสนา ศาสนาคริสต์
ปรัชญาของกรีก จิตวิทยาของแอดเลอร์ และ
"บันทึกเกี่ยวกับทฤษฎีชีวิตของคิโยชิ มิกิ"
เหตุใด ความเจ็บป่วยและความแก่ชราจึงถูกมองในแง่ลบว่าเป็นสิ่งเลวร้าย ?
เพราะคุณค่าของมนุษย์
นั้นมองเห็นได้แค่ในแง่ผลผลิตเท่านั้น
คุณค่าของมนุษย์อยู่ที่การมีชีวิตอยู่
การเจ็บป่วยและการแก่ชราไม่ใช่สิ่งดีหรือสิ่งเลวร้าย
ชีวิตที่คุณมีอยู่จนกว่าจะหายป่วยไม่ใช่ชีวิตชั่วคราว
ชีวิตที่คุณมีอยู่ในขณะนี้ขณะที่ได้รับการรักษาคือชีวิตเดียวที่คุณมี
คุณไม่ได้ใช้ชีวิตที่ไม่สมบูรณ์ซึ่งไม่เป็นธรรมชาติสำหรับคุณขณะที่คุณป่วย
เมื่อคุณป่วยและตระหนักว่าคุณไม่สามารถใช้ชีวิตได้ตามที่ต้องการ
คุณจะรู้ว่าไม่จำเป็นต้องเร่งรีบ
และเป็นเรื่องปกติที่จะหลีกเลี่ยงหรือแม้กระทั่งหยุดพัก
มีผู้คนจำนวนมากที่ วางแผนสำหรับ 10 ปีข้างหน้าและ
แม้กระทั่งวางแผนสำหรับการเกษียณอายุ เมื่อยังอายุน้อย
อย่างไรก็ตาม หากพวกเขาเจ็บป่วย แผนเหล่านั้นก็จะผิดพลาดในทันที
แน่นอนว่าการทำงานเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อให้โลกดำเนินต่อไป
อย่างไรก็ตาม การที่คุณจะทำงานได้หรือไม่ได้นั้น ไม่มีผลต่อคุณค่าของคุณในฐานะบุคคล งานจะทำโดยผู้ที่สามารถทำได้เมื่อสามารถทำได้ นั่นคือทั้งหมดที่มี
แค่การมีชีวิตอยู่ ผู้คนก็สามารถมีส่วนช่วยเหลือผู้อื่นได้
สิ่งสำคัญ สำหรับผู้ที่เจ็บป่วยคือ ต้องคิดว่า “ไม่ว่าฉันจะอยู่ในสภาพใด คนอื่นก็จะยอมรับฉัน”
สิ่งที่สำคัญ คือการมี จิตสำนึกในการมีส่วนสนับสนุน
หากคุณรู้สึกว่าตัวเองมีประโยชน์ในบาง ด้าน คุณจะเริ่มมองว่าตัวเองมีคุณค่า
การ "ให้ความช่วยเหลือ" ไม่จำเป็นต้องจำกัดอยู่แค่การกระทำเท่านั้น
เมื่อสมาชิกในครอบครัวหรือเพื่อนสนิทล้มป่วย
เรามักหวังว่าพวกเขาจะหายจากอาการป่วยโดยเร็ว
แต่ฉันคิดว่าคนส่วนใหญ่ก็รู้สึกขอบคุณที่พวกเขายังมีชีวิตอยู่
การที่คนป่วยยังมีชีวิตอยู่ถือเป็นเรื่องน่ายินดีอยู่แล้ว และ การที่คนป่วยยังมีชีวิตอยู่ ก็ได้มีส่วนช่วยเหลือผู้อื่นด้วยเช่นกัน
การใช้ชีวิตอยู่เป็นความท้าทาย ตีความ พึ่งพาและเชื่อมโยงกับตัวเองและผู้อื่น
ผู้คนไม่ได้พัฒนา พวกเขาแค่เปลี่ยนแปลง
ความเจ็บป่วยไม่ใช่ "ความพ่ายแพ้"
ผู้ป่วยไม่ได้พ่ายแพ้หรือถูกโรคเอาชนะ หรือถูกโรคทรมาน เช่นเดียวกัน ผู้ที่หายจากโรคก็ไม่ใช่ผู้ที่ได้รับชัยชนะ
หาก คนๆ หนึ่งที่กำลังเข้ารับการฟื้นฟู ค่อยๆ สามารถเดินได้ระยะทางไกลขึ้น เร็วขึ้น และ
แซงหน้าคนที่เริ่มเข้ารับการฟื้นฟูทีหลัง ได้ จะเรียกว่าดีกว่าคนนั้นได้หรือไม่?
ไม่จริงหรอก แต่ละคนก็ดำเนินชีวิตไปตามจังหวะของตัวเอง
เหตุผลในการเข้ารับการบำบัดหรือฟื้นฟูไม่ใช่เพื่อเปลี่ยนจากภาวะเชิงลบเป็นภาวะเชิงบวก
การฟื้นตัวไม่ได้หมายถึงการกลับไปสู่ภาวะเดิมเหมือนก่อนเกิดโรค
มีโรคบางชนิดที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ตั้งแต่แรก อย่างไรก็ตาม
ไม่ได้หมายความว่าการฟื้นฟูไม่มีความหมาย
ดังที่เราได้เห็นไปแล้วว่าคุณค่าของคนอยู่ที่การมีชีวิตอยู่ ดังนั้นไม่สำคัญว่าคนๆ นั้นจะป่วยหรือมีสุขภาพดี
เมื่อคนที่มีสุขภาพดีเจ็บป่วยหรือไม่สามารถทำบางสิ่งบางอย่างได้เมื่ออายุมากขึ้น ไม่มีความจำเป็นต้องคิดว่าพวกเขามีวิวัฒนาการหรือเสื่อมถอยลงเมื่อเปรียบเทียบสถานะปัจจุบันของพวกเขากับสถานะก่อนหน้านี้
การขอความช่วยเหลือจากคนอื่นถือเป็นเรื่องปกติ
ตราบใดที่เรายังมีชีวิตอยู่ เราก็จะสร้างปัญหาให้ผู้อื่นได้ คุณไม่จำเป็นต้องจัดการกับปัญหาทั้งหมดด้วยตัวเองเสมอไป
คุณไม่จำเป็นต้องกังวล ว่าจะสร้างความรำคาญหากคุณขอความช่วยเหลือ
สิ่งสำคัญคือความเป็นอิสระทางอารมณ์ หากคุณมีทัศนคติต่อชีวิตที่เป็นอิสระและไม่ขึ้นอยู่กับใคร ก็สามารถขอความช่วยเหลือจากผู้อื่น เมื่อจำเป็น ได้
นี่ไม่ใช่การพึ่งพา ไม่เหมือนกับคนทั่วไปที่คิดว่าตัวเองต้องพึ่งพาคนอื่นในการดำรงชีวิต คุณ ควรทำสิ่งที่ทำได้ด้วยตัวเอง
แต่หากมีบางอย่างที่คุณทำไม่ได้ด้วยตัวเอง คุณสามารถขอความช่วยเหลือจากคนอื่นได้
📘 สรุปเนื้อหาโดยรวม
💭 1. ชีวิตเต็มไปด้วยความทุกข์ เป็นเรื่องธรรมดา
ชีวิตคนเราไม่มีใครรอดพ้นจากความทุกข์
แต่ความทุกข์ไม่ได้แปลว่าชีวิต "ไร้ความหมาย"
เราควรเรียนรู้ที่จะ “อยู่กับความทุกข์” แทนที่จะพยายามหนีมัน
🚫 2. ความคิดอยากตาย ไม่ใช่ความล้มเหลว
คนที่คิดอยากตาย ไม่ใช่คนอ่อนแอ
แต่เป็นคนที่ รู้สึกหมดหนทางในการมีอยู่
สิ่งสำคัญคือการกลับมาเชื่อว่า "แม้จะทุกข์ เราก็ยังสามารถมีคุณค่าต่อผู้อื่นและโลกนี้ได้"
🤝 3. การใช้ชีวิตเพื่อผู้อื่น ทำให้เรากลับมามีความหมาย
🧠 4. อย่าตัดสินชีวิตจากอารมณ์ชั่วคราว
🌱 5. เราไม่ได้เกิดมาเพื่อชนะใคร แต่เพื่ออยู่ร่วมกัน
💡 ข้อคิดสำคัญจากหนังสือ
“การใช้ชีวิต” ไม่ใช่เรื่องของความสำเร็จ แต่เป็นเรื่องของ การมีอยู่ร่วมกัน
แม้จะยังไม่รู้ “เหตุผลในการมีชีวิตอยู่” ก็ไม่เป็นไร แค่ “ไม่ตัดสินใจจบมันลง” ก็เพียงพอ
คุณไม่ต้องทำอะไรยิ่งใหญ่ ขอแค่ยัง “อยู่ตรงนี้” ก็มีค่าแล้ว
🎯 เหมาะกับใคร?
คนที่กำลังรู้สึกหมดหวังหรือสับสนในชีวิต
ผู้ที่กำลังเผชิญกับความรู้สึกอยากตาย หรือไม่เห็นคุณค่าของตัวเอง
คนที่อยากเข้าใจปรัชญาชีวิตแนว Alfred Adler อย่างลึกซึ้งและเป็นมนุษย์มากขึ้น
แนวทางนำไปใช้
ยอมรับความเป็นจริงของทุกข์ : เข้าใจว่าชีวิตมีทุกข์เป็นธรรมชาติ แทนที่จะหลีกเลี่ยงมองหาเพื่อนร่วมทาง : แม้จะรู้สึกโดดเดี่ยว แต่ที่ไหนสักแห่งจะมี "เพื่อน" อยู่เสมอ เลือกที่จะมีชีวิตต่อไป : ไม่ว่าจะเผชิญกับการถูกรังแกหรือการคุกคามในที่ทำงาน ให้เลือกที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปอยู่ในปัจจุบัน : มุ่งเน้นการใช้ชีวิตในปัจจุบันขณะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น