วันพฤหัสบดีที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2568

The essence of tathatā

 如一心手| 「成為真實的自己🐘」 這篇要來談談我為什麼要取了#如一心手這個名字,還有LOGO的由來~ #如一TATHATA 梵文Tathata「真如 」,是一個佛教用語

Oh, my God. Google แปลภาษา

tathatā [真如・如如] (, Pali; shinnyo or nyonyo): Thusness, suchness, essential nature, true nature, or truth. Tathatā is a fundamental concept in Mahayana philosophy and is interpreted as the true nature of all phenomena or as the original state of things. A Buddha is regarded as one who observes things exactly as they are and who perceives the true nature of all things. 

suchness - Basic Meaning Suchness itself, absolute reality, or thusness, as in the ultimate state of being of phenomena.

ตถตา ความเป็นอย่างนั้น ความเป็นเช่นนั้น เป็นอีกชื่อหนึ่งของปฏิจจสมุปบาท ซึ่งมีความหมายว่า เป็นไปตามปัจจัย กล่าวคือ สรรพสิ่งในโลกนี้ตกอยู่ลักษณะที่เป็นอนิจจัง ทุกขัง และอนัตตา ตามปัจจัย ตถตา นิยมใช้กับคำต่อไปนี้ คือ อวิตถตา และอนัญญถตา เป็นชื่อเรียกปฏิจจสมุปบาทเหมือนกัน 

อวิตถตา แปลว่า ความไม่เป็นอย่างนั้นหามิได้ หมายถึง เป็นอย่างนั้น ส่วนอนัญญถตา แปลว่า ความไม่เป็นไปโดยประการอื่น หรือความไม่เป็นอย่างอื่น ก็หมายถึง เป็นอย่างนั้น นั่นเอง

          นอกจากคำ ๓ คำนี้แล้ว ปฏิจจสมุปบาทยังมีชื่อเรียกอื่น ๆ อีก คือ ธัมมฐิติ แปลว่า ความตั้งอยู่แห่งธรรม ความตั้งอยู่ตามธรรม และธัมมนิยาม แปลว่า ความแน่นอนแห่งธรรม ความแน่นอนตามธรรม ธรรมในที่นี้ก็หมายถึง องค์ธรรมของปฏิจจสมุปบาท รวมทั้งปัจจัย ๒๔ ในคัมภีร์ปัฏฐาน นั่นเอง

          ตถตา เป็นที่นิยมนำไปใช้มากในพระพุทธศาสนามหายาน และมีการอธิบายว่า หมายถึง สุญญตา แปลว่า ความว่าง หมายถึง ความไม่มีอะไรปรุงแต่ง แต่เป็นไปตามเหตุปัจจัย

          ในประเทศไทย ท่านพุทธทาสภิกขุ ได้นำคำว่า ตถตา มาอธิบายตีความให้เป็นที่เข้าใจง่าย โดยเน้นให้เห็นว่า สรรพสิ่งในโลกไม่ว่าสุขหรือทุกข์ต่างเป็นเช่นนั้นเอง คือ เกิดจากเหตุปัจจัย ฉะนั้น จึงไม่ควรยึดมั่นถือมั่น เพราะทำให้เกิดทุกข์ การอธิบายของพุทธทาสภิกขุเป็นที่นิยมในหมู่ปัญญาชนเพราะเข้าใจง่าย และแสดงให้เห็นถึงความพยายามที่จะให้ถูกต้องตรงตามความเดิมในคัมภีร์.

Understanding Tathata


Post by Mr. G »

Why are there so many definitions of Tathata and how does one know when to use each one when reading a text?

tathata = dependent origination การเกิดตามเหตุปัจจัย

tathata = dharmata

tathata = see the truth of all things, to see the reality of the things. The wisdom arising to the person who practises insight meditation. เห็นความจริงของสรรพสิ่ง เห็นความจริงของสรรพสิ่ง ปัญญาที่เกิดขึ้นกับผู้ที่ปฏิบัติธรรมภาวนาเพื่อความเข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง

"Awakening of Faith in the Mahayana" describes the concept: "In its very origin suchness is of itself endowed with sublime attributes. It manifests the highest wisdom which shines throughout the world, it has true knowledge and a mind resting simply in its own being. It is eternal, blissful, its own self-being and the purest simplicity; it is invigorating, immutable, free... Because it possesses all these attributes and is deprived of nothing, it is designated both as the Womb of Tathagata and the Dharma Body of Tathagata."

 “การตื่นรู้แห่งศรัทธาในมหายาน” อธิบายแนวคิดนี้ว่า “ในต้นกำเนิดของมัน ความเป็นเช่นนี้เองมีคุณลักษณะอันประเสริฐในตัวมันเอง มันแสดงให้เห็นถึงปัญญาอันสูงสุดที่ส่องประกายไปทั่วโลก มันมีความรู้ที่แท้จริงและจิตใจที่สงบนิ่งในตัวตนของมันเอง มันเป็นนิรันดร์ มีความสุข เป็นตัวตนของมันเองและความเรียบง่ายที่บริสุทธิ์ที่สุด มันมีพลัง ไม่เปลี่ยนแปลง เป็นอิสระ... เนื่องจากมันมีคุณสมบัติทั้งหมดเหล่านี้และไม่ถูกพรากไปจากสิ่งใด มันจึงถูกกำหนดให้เป็นทั้งครรภ์ของตถาคตและกายธรรมของตถาคต”

 Mirror awareness is unmoving. Three awarenesses—equality, analytical, and accomplishing—are based on it. Mirror awarene ss is with-out ego, without limit, always occurring, without confusion regarding any object of knowledge, and it never faces them. การตระหนักรู้ในกระจกนั้นไม่เคลื่อนไหว มีพื้นฐานอยู่บนการตระหนักรู้สามประการ คือ ความเท่าเทียม การวิเคราะห์ และการบรรลุผล การตระหนักรู้ในกระจกนั้นไม่มีอัตตา ไม่มีขอบเขต เกิดขึ้นตลอดเวลา ไม่มีความสับสนเกี่ยวกับวัตถุแห่งความรู้ใดๆ และไม่เคยเผชิญหน้ากับวัตถุเหล่านั้นเลย

animitta Without a mysterious cause” ไม่มีอะไรที่ลึกลับเลย 

คำว่า อนิมิตตาในภาษาบาลีของคัมภีร์พระพุทธศาสนายุคแรกมักแปลว่า "signless ไม่มีสัญลักษณ์" หรือ "unconditioned ไม่มีเงื่อนไข" "absence of characteristics," "absence of attributes," "absence of defining characteristics," "without signs," etc. ซึ่งเป็นคำไม่กี่คำที่ใช้เป็นคำพ้องความหมายกับ คำว่า nibbāna นิพพาน ซึ่งหมายถึงการหลุดพ้นจากความทุกข์ทางจิตใจและจิตวิญญาณ เป้าหมายคือเพื่ออธิบายคำสอนของพระโคตมให้เป็นอิสระจากตำนานและอภิปรัชญาของวัฒนธรรมที่คำสอนเหล่านั้นผ่านมา  

เป็นหนึ่งใน vimokṣamukha (T. rnam thar sgo gsum རྣམ་ཐར་སྒོ་གསུམ་ C. jietuo men 解門), or "gateways to liberation," are three features or realities of all phenomena (dharmas), which, when contemplated, lead to liberation.[1][2] They are:

    emptiness (śūnyatā), or "absence of inherent existence (svabhava)"
ความว่างเปล่า (ศูนยตา) หรือ "การไม่มีอยู่โดยธรรมชาติ
    signlessness (ānimitta), or "absence of characteristics (nimitta) "การไม่มีลักษณะเฉพาะ (nimitta)
    wishlessness (apraṇihita), or "absences of wishes" การไม่มีความปรารถนา 

โดยสรุป ความว่างเปล่ามีลักษณะเฉพาะคือ การไม่มีอยู่โดยธรรมชาติ (สวภวะ) การไร้สัญลักษณ์คือ การไม่มีภาพในจิต และความปรารถนาคือ การไม่มีความหวังและความกลัว[3] โดยทั่วไปแล้ว การรู้แจ้งความว่างเปล่าหมายถึงการรับรู้ได้อย่างถูกต้องว่าพื้นฐานของขันธ์ ธาตุ และเขตประสาทสัมผัสนั้นไม่จริงหรือถาวร การรู้แจ้งความไร้สัญลักษณ์หรือการไม่มีลักษณะเฉพาะ หมายถึงไม่มีการระบุการรับรู้ในเชิงแนวคิด[1] การไม่มีความปรารถนาคือการไม่มีความปรารถนา ความปรารถนา หรือความทะเยอทะยานใดๆ แม้แต่ความปรารถนาที่มุ่งไปสู่พระพุทธภาวะ[4] ประตูแห่งการหลุดพ้นทั้งสามนี้ได้รับการสอนทั้งในพระพุทธศาสนานิกายพื้นฐานและมหายาน[1]

The truth which the Buddha taught requires nothing beyond our actual experience, here & now. 

ความจริงที่พระพุทธเจ้าทรงสอนนั้นไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าประสบการณ์จริงของเรา ณ ที่นี้และตอนนี้

ตัดแปะโดย เฉลิมชัย เอื้อวิริยะวิทย์

ไม่มีความคิดเห็น: