วันจันทร์ที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

วันที่ไฟฟ้าดับ

นิทานล้านบรรทัด
ประภาส ชลศรานนท์
วันที่ไฟฟ้าดับ
จุ๋มกับจ้อยเป็นสามีภรรยากัน
จ้อยเป็นชายหนุ่มที่ทำงานอยู่กับบ้าน รับจ้างเขียนโปรแกรม ส่วนจุ๋มทำงานเป็นดีไซเนอร์อยู่บริษัทเล็กๆที่รับจ้างออกแบบอาร์ตเวิร์คทั้งสิ่งพิมพ์และเว็บไซท์
เวลาส่วนใหญ่ของทั้งสองจึงอยู่หน้าจอ ถึงแม้กลางวันทั้งสองจะไม่ได้เจอหน้ากัน แต่ทั้งสองก็ยังคงส่งข้อความถึงกัน ถ่ายรูปอาหารการกิน ผู้คนและสิ่งที่เขาพบเจอผ่านสมาร์ทโฟนถึงกัน ใครๆก็รู้ว่าสามีภรรยาคู่นี้หลงใหลในโซเชียลเน็ตเวิร์คเพียงใด
ในยามค่ำคืน เมื่อสาวจุ๋มกลับมาบ้านก็มักนั่งกินข้าวเพียงลำพัง ค่าที่สาวจุ๋มกลับบ้านดึกดื่น หนุ่มจ้อยจึงซื้ออาหารสำเร็จรูปมาเตรียมไว้ แล้วตัวเขาก็กินให้อิ่มแต่หัวค่ำ แล้วก็นั่งทำงานเขียนโปรแกรมต่อในตอนที่สาวจุ๋มกลับถึงบ้าน
“วันนี้แกงไตปลาอร่อยมาก ซื้อร้านไหน” สาวจุ๋มส่งข้อความผ่านไลน์ให้สามี ทั้งๆที่ทั้งสองอยู่ห่างกันแค่ผนังห้องกัน
“ร้านนี้” หนุ่มจ้อยส่งรูปภาพหน้าร้านที่เขาถ่ายมาเมื่อตอนเย็น
“ขอบใจนะที่รัก” สาวจุ๋มส่งรูปตัวเองทำหน้าทะเล้นให้สามี และแน่นอนที่สุดมืออาร์ตเวิร์คอย่างเธอไม่มีทางลืมที่จะตบแต่งรูปตัวเองให้ดูดีก่อนส่ง
“เดี๋ยวอิ่มแล้ว ขออาบน้ำนอนเลยนะ พรุ่งนี้มีประชุมเช้า ฝันดีนะคะ”
เหตุการณ์ซ้ำๆอย่างนี้เกิดขึ้นแทบทุกวัน
จุ๋มกับจ้อยแต่งงานกันมาห้าหกปีแล้ว ทั้งสองใช้ชีวิตแทบทั้งหมดอยู่บนจอมอนิเตอร์ทั้งการงานและงานอดิเรก ทั้งเรื่องความรู้และการพบปะสังคม ไม่น่าเชื่อว่าในบางสัปดาห์ทั้งสองคุยกันผ่านตัวหนังสืออย่างเดียว ทั้งจอเล็กและจอใหญ่
ทั้งสองยังเจอเพื่อนๆผ่านทางจอ พวกเขาไม่รู้สึกเลยว่าพวกเขาไม่ได้เจอกัน เพราะการอัพเดทสเตตัส การอ่านข้อความที่ทวีตบอกข่าว และการเห็นรูปของเพื่อนๆที่ถ่ายมาตามสถานที่ต่างๆในอินสตาแกรม ทำให้พวกเขาคุ้นชินว่าพวกเขาได้เจอเพื่อนอยู่เนืองๆ ทั้งที่บางคนพวกเขาไม่ได้เจอกันเกือบสิบปีแล้ว
แล้ววันนั้นก็มาถึง วันที่ไฟฟ้าดับทั้งเมือง
จ้อยเดินออกมาห้องทำงานเดินมาที่ห้องนอน จุ๋มงัวเงียตื่นขึ้นมาเพราะรู้สึกว่าอากาศอึดอัด เสียงแอร์คอดิชั่นที่คุ้นหูเงียบไป
“คุณเป็นใคร” สาวจุ๋มเพ่งมองหนุ่มจ้อยที่เพิ่งเดินมาถึงปลายเตียง มีแสงจันทร์ส่องเข้ามากระทบหน้าจ้อยรำไร
“คุณนั่นแหละเป็นใคร” หนุ่มจ้อยย้อน “คุณเข้ามาในห้องผมทำไม แล้วเอาชุดนอนของเมียผมมาใส่ทำไม” หนุ่มจ้อยจำภรรยาตัวเองไม่ได้ ทั้งหน้าตาและเสียง
“แกนั่นแหละถอยไป อย่าเข้ามานะ แกทำอะไรสามีฉันแล้วเอาเสื้อผ้าเขามาใส่” สาวจุ๋มขว้างหมอนใส่หนุ่มจ้อย จะว่าไปทั้งสองไม่ได้คุยกันแบบคนปรกติมาเป็นปีแล้ว
หนุ่มจ้อยเดินเข้าไปใกล้ๆเตียง สาวจุ๋มเห็นท่าไม่ได้การจึงวิ่งออกไปที่นอกบ้าน ถนนข้างนอกมืดมิดเพราะไฟถนนดับหมด มีแต่แสงจันทร์ที่ช่วยส่องสว่าง ก่อนออกมาสาวจุ๋มไม่ลืมที่จะหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองออกมาด้วย
สาวจุ๋มรีบส่งข้อความหาสามีของตัวเองทันที
“ช่วยด้วย” เธอพิมพ์เสร็จแล้วก็หาสติกเกอร์การ์ตูนรูปคนตกใจแถมส่งไป
สาวจุ๋มคงไม่รู้ว่าไฟฟ้าดับครั้งนี้ มันเป็นการขัดข้องเรื่องไฟฟ้าครั้งใหญ่ นั่นคือมันดับทั้งเมือง ดับแม้กระทั่งเครือข่ายผู้ให้บริการทางโทรศัพท์ก็ไม่มีพลังงานไฟฟ้าที่จะรับส่งสัญญาณให้
หนุ่มจ้อยวิ่งตามมาถึงที่ตรงสาวจุ๋มยืนหอบอยู่ มือขวาเขาหยิบท่อแป๊บส่วนมือซ้ายเขาถือโทรศัพท์มือถือ “แกเป็นใคร” หนุ่มจ้อยจ้องเขม็ง
“ฉันชื่อจุ๋ม” สาวจุ๋มพูดตะกุกตะกัก เธอถอยหลังช้าๆด้วยความกลัว
คราวนี้แสงจันทร์ที่ส่องมาทำให้เขาเห็นหน้าผู้หญิงที่อยู่ยืนตัวสั่นอยู่ข้างหน้าได้ชัดเจนขึ้น
“อย่ามาเล่นลูกไม้นี้ ฉันรู้จักจุ๋มเมียฉันดี” หนุ่มจ้อยมองโทรศัพท์ เขาเปิดไปที่รูปภรรยาตัวเอง แล้วก็เงยหน้าตวาด“หน้าเธอไม่เหมือนจุ๋มเลย ไม่เหมือนเลยสักนิด จุ๋มของฉันสวยกว่านี้ตั้งเยอะ”
ใครจะไปคาดคิดว่า วันหนึ่งในอนาคตเราจะเห็นแต่หน้าคนรู้จักผ่านทางจอ และก็จำแต่ใบหน้านั้นไว้ในความทรงจำ ใครจะไปคิดว่าเราจะจำหน้าจริงๆของคนที่เรารู้จักไม่ได้ในวันหนึ่ง เพราะฤทธิ์ของแอพพลิเคชั่นในสมาร์ทโฟนได้ช่วยแต่งหน้าให้ผู้คนเปลี่ยนไป
หนุ่มจ้อยกระชับท่อแป๊บในมือแน่น แล้วก็เดินย่างสามขุมเข้าหาภรรยาตัวเอง
.........................................................

ไม่มีความคิดเห็น: