วันอาทิตย์ที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568

ความตาย Komkrit Tul Uitekkeng #คิดถึงอาจารย์ตุล

 


บทความบทสุดท้าย : ความตายเป็นเรื่องลึกลับ ที่เราไม่สามารถมีประสบการณ์เรื่องนี้ได้เลย เพราะเรายังไม่เคยตาย

 
ทุกคนคงหนีไม่พ้นความตาย ความพลัดพราก ความไม่แน่นอนในชีวิต

 อนิจจลักษณะหรือความไม่เที่ยงนั้นเป็นเช่นนี้เอง เราอยากให้เขาอยู่นานกว่านี้ แต่จะทำอย่างไรได้ เมื่อถึงวาระแล้วก็ต้องจากไป 

"ถ้าเราขอบคุณสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตได้ แม้เป็นสิ่งที่เราไม่ชอบใจ แปลว่าเราเติบโตทางจิตวิญญาณ แปลว่าเรายอมรับความจริง และมองเห็นสิ่งต่างๆ ตามที่มันเป็น" 

เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้พบกันในชาตินี้ หวังว่าเราจะได้พบกัน ณ ที่ใดที่หนึ่ง และ ณ เวลาใดเวลาหนึ่งในห้วงของกาลเวลาอันแสนยาวนานนี้นะ

คนเราจะตายได้ ​ 2​ ครั้ง​ ครั้งแรกคือเมื่อหมดลมหายใจ​ เป็นการตายทางกายภาพ​ ครั้งที่สองคือตายเมื่อไม่มีใครพูดถึงเราอีกแล้ว​ เป็นการตายในเชิงเทคนิค

มึงร้องไห้ได้นะเอ๋ มึงเสียใจได้

คิดว่าเค้าจะเดินอยู่รอบตัวเราแล้วยิ้มให้พวกเราอยู่มั้ย" กูเชื่อว่าถ้ามึงอยู่ตรงนั้น มึงพร้อมอ้าแขนออกแล้วกอดปลอบทุกคนที่เสียใจกับการจากไปของมึง
มึงไปก่อนได้ไงวะ แม่งเร็วเกินไปมาก
 
กูไม่อยากอยู่นานขนาดนั้นหรอก มึงรีบฝึกภาวนา กูไม่อยู่รอมึงหรอกนะ" แล้วมึงก็บอกว่า "มึงอยากอยู่จนแก่เล่นขี้เล่นเยี่ยวตัวเองเหรอ" กูก็หัวเราะแล้วบอกมึงว่า "ห่ า แค่บอกว่าดูแลสุขภาพด้วย อยู่ด้วยกันไปนานๆ" แล้วมึงก็ส่ายหัว
 
มึงบอกกูประจำว่า "มึงอย่าประมาท มีเวลาให้ฝึกภาวนา" มึงสอนกู แนะนำบทสวดมนต์ "คนชอบคิดอย่างมึงต้องใช้วิธีสวดมนต์" มึงย้ำกูตลอด มึงบอกให้หมั่นสวด "โอม มณี ปัทเม หุม" บทสวดพระอวโลกิเตศวร (เจ้าแม่กวนอิม) มึงปลอบกูตอนแม่เสียว่า "แม่มึงก็เหมือนกวนอิมของมึง ใครที่รักมึงกรุณามึงเสมอ คนนั้นแหละพระโพธิสัตว์ของมึง"   
อาจเป็นรูปภาพของ 1 คน, ลิงลม และ ข้อความพูดว่า "เงิน ün สุดท้ายิ " สุดท้ายเาตัดสินใจพาคุณแม่กลับบ เม่ก ผมมักจะพูดกับใครเสมอ ว่าบางทีการตาย ทีกา ของคนที่เรกบันเนรนลดล " ผศ. คมกฤช อุ่ยเต็กเค่ง"
บางทีการตายของคนที่เรารักมันเป็นบทเรียนสุดท้ายที่เขาให้เรา คมกฤช อุ่ยเต็กเค่ง
  แล้ววันนึงเราจะได้พบกันอีก

การระลึกถึงความตายก็เป็นสิ่งสำคัญ ความตายนั้นเป็นความจริงของชีวิต แค่คิดว่าเราต้องตาย ชีวิตแม่งง่ายขึ้นเยอะเลยนะ

ในเมื่อสิ่งทั้งหลายไม่เที่ยงแท้แน่นอน ไม่ว่าชีวิตของเราเองก็ตาม สิ่งที่เราเกี่ยวข้องก็ตาม ล้วนไม่เที่ยงแท้แน่นอน เป็นอนิจจัง ไม่คงอยู่ยั่งยืนตลอดไป จึงจะนอนใจอยู่ไม่ได้ เวลาที่ผ่านไปนั้นมันผ่านไปพร้อมกับความเปลี่ยนแปลงด้วย และความเปลี่ยนแปลงนั้นก็ไม่แน่นอนว่าจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร เราจึงจะต้องเร่งรีบทำกิจหน้าที่และทำความดี สิ่งที่ควรทำก็รีบทำ สิ่งที่ควรละเว้นก็รีบละเว้น สิ่งที่ควรป้องกันกำจัดแก้ไขก็รีบป้องกันกำจัดแก้ไขเสีย อันนี้เรียกว่าความไม่ประมาท การระลึกถึงความตายในทางที่ถูกต้องจะทำให้เกิดผลคือความไม่ประมาท และในการที่จะเพียรพยายามทำความดี ทำกิจหน้าที่ และทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อไป

เราไม่มีทางรู้เลยว่าวันไหนจะเป็นวันสุดท้าย คำพูดไหน การกระทำไหนจะเป็นครั้งสุดท้าย มึงพูดในงานศพจำลองของกูว่า "เราจะรู้ซึ้งถึงความตาย เมื่อเห็นคนที่เรารักตาย" เมื่อวานนี้กูแทบจะเป็นเหมือนสถานการณ์ที่มึงเล่าตอนแม่จะตายทุกอย่างเลย กูพยายามควบคุม พยายามยกมือไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้พามึงกลับมา หลอกตัวเองว่าเดี๋ยวมึงจะลืมตาขึ้นมา แล้วเราจะไปทำอะไรอีกหลายอย่างที่เคยคุยกันไว้ว่าจะทำ แต่แล้วก็ต้องปล่อย และพาตัวเองไปสู่สภาวะที่ควบคุมอะไรไม่ได้เลย

มึงสอนกูครั้งสุดท้าย เป็นคำสอนที่แรงและล้ำค่ามาก เหมือนมึงบอกกูว่า "เอ๋ มึงอย่าประมาท" เหมือนที่มึงชอบเตือนกู แต่กูไม่เสียดายเลยนะ ในมิตรภาพของเรา เราใช้เวลาร่วมกันทุกครั้งด้วยรักและเมตตาที่มีให้กัน กูกอดมึงทุกครั้งที่เจอ ให้ความปรารถนาดี ได้รับส่งความรักให้กันตลอด ทุกเวลานาทีที่เรามีด้วยกันแม่งดีที่สุดแล้ว

จริงเหรอวะ มึงไม่อยู่ตรงนี้แล้วจริงเหรอวะ 

มีแต่ความเงียบ เป็นความเงียบที่เป็นคำสอนสุดท้ายที่มึงมอบให้กู

"จงทำปัจจุบันให้ดี"
รักได้ จงรัก
เมตตาได้ จงเมตตา
เกื้อกูลได้ จงเกื้อกูล
กอด เมื่ออยากกอด
ขอโทษ เมื่อผิดใจ
บอกรัก เมื่ออยากบอก
ให้อภัย เมื่อหมางใจกัน
ใช้ "ปัจจุบัน" นั้น
แบบที่ไม่ต้องเสียดายในอนาคต
ทำสิ่งที่ "น่าจะ" ทำ
ใน "ปัจจุบัน" เลย
อย่าประมาท
เพราะเราไม่รู้เลยว่า
การเจอกันครั้งนี้
อาจเป็นครั้งสุดท้าย
ด้วยรักและอาลัยเพื่อนรัก
ตุล-คมกฤช อุ่ยเต็กเค่ง- Sarawut Hengsawat
ในหลายๆคลาส อาจารย์ชอบพูดว่า

" เมื่อพวกคุณโตขึ้น คุณได้เห็นคนรอบข้างทยอยตายไป พวกคุณจะเข้าใจสัจธรรมอะไรหลายๆอย่างชัดเจนขึ้น "

หลายข้อความจาก 

Sarawut Hengsawad


 

 ความรับผิดชอบต่อตัวเอง ในเส้นทางจิตวิญญาณ คนเราจะเติบโตต่อเมื่อเรารับผิดชอบชีวิตตัวเอง ด้วยการฝึกให้ตัวเองมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นตามจริง

 ช่วงเวลาแบบนี้คือช่วงเวลาสำคัญนะมึง" กูว่ามึงพูดแบบนี้กับกูแน่ๆ "มึงต้องให้เวลาตัวเอง ซื่อสัตย์กับความรู้สึก เปิดกว้างกับสิ่งที่เกิดขึ้น แล้วอยู่กับมัน" #รับผิดชอบชีวิตตัวเองสิวะ

ทางแม่งคือ unknown จริงๆ ว่ะ แม่งเต็มไปด้วยสิ่งที่กูไม่รู้จัก มึงคงบอกกูให้ "วางใจในสิ่งที่มึงไม่รู้" แล้วเดินทางต่อไป ฝึกฝนจิตใจ แล้วเติบโตทางจิตวิญญาณ

แต่ยังไงก็ขอบคุณ กูอยากบอกมึงว่า การจากไปของมึง ความตายของมึงแม่งเขย่ากูให้หลุดจาก "ความคาดหวังปลอมๆ" ที่ประมาทว่าทุกอย่างจะคงอยู่ไปเรื่อยๆ กลับมาอยู่กับ "อนิจจัง" แบบสตั๊นท์เชี่ยๆ เลย
มึงบอกกูประจำ "เอ๋ มึงประมาทอนิจจังเกินไป อนิจจังแม่งเกิดตลอด" 
 
ครูบาอาจารย์สอนว่า ถ้าเราขอบคุณสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตได้ แม้เป็นสิ่งที่เราไม่ชอบใจ แปลว่าเราเติบโตทางจิตวิญญาณ แปลว่าเรายอมรับความจริง และมองเห็นสิ่งต่างๆ ตามที่มันเป็น
ยากที่จะขอบคุณสิ่งที่เกิดขึ้น แต่เวลาที่มีสติ กูรู้สึกขอบคุณได้นะมึง ขอบคุณที่มึงแสดงธรรมครั้งสุดท้าย ซึ่งกูเชื่อว่ามันสั่นสะเทือนกูลึกและเปลี่ยนแปลงคุณภาพจิตใจกูไปไม่น้อย กูจะฝึกฝนใจให้มั่นคงและอยู่กับความจริงให้ได้ดีขึ้นจากเหตุการณ์นี้
กูจำได้ว่าตั้มกับมึงชอบสะกิดให้สังเกตความรู้สึกเวลาเราคุยกันในเรื่องสำคัญลึกซึ้งว่า "ครูบาอาจารย์มาแล้ว" มึงชอบบอกว่า "ครูมาๆ" ช่วงนี้กูคิดอยู่เรื่อยๆ เลยว่า พอฝุ่นควันจางลง คงได้นั่งลงคุยกับตั้ม คุยกับพี่ณัฐ คุยกับจารย์ดอน กับผู้คนในสังฆะวัชรสิทธา และคุยกับแพร คุยกันถึงมึง และกูเชื่อว่าทุกครั้งที่พูดถึงมึงอย่างลึกซึ้ง เราจะสัมผัสได้ว่า "ตุลมาแล้ว" "เฮ้ย ไอ้ตุลมาแล้ว"

#คิดถึงอาจารย์ตุล

คนเราจะมีวันพรุ่งนี้ได้อีกกี่วัน? 

ชีวิตคนเราเป็นสิ่งไม่แน่ไม่นอน เราทุกคนที่เกิดมา ล้วนต้องประสบพบเจอ ความเจ็บป่วย ความทุกข์ ความ
ไม่พึงประสงค์ และที่หลีกเลี่ยงไม่ได้คือปลายทางสุดท้ายของทางเดินชีวิต นั่นคือ “ความตาย”

 

ไม่มีความคิดเห็น: