ในหนังสือ ( by Brett A. Murphy "7 กุญแจสู่ความสัมพันธ์ที่ประสบความสำเร็จ" MD Watts ไขความลับของความรักและความสมหวังที่ยั่งยืน โดยใช้ประสบการณ์หลายปีในฐานะโค้ชความสัมพันธ์ Watts นำเสนอแนวทางปฏิบัติและเชิงลึกสำหรับคู่รักที่ต้องการสร้างและรักษาความสัมพันธ์ที่มั่นคง แข็งแรง และกลมกลืน
หนังสือเล่มนี้จะเจาะลึกถึงหลักการพื้นฐานที่เป็นรากฐานของความสัมพันธ์ที่ประสบความสำเร็จ โดยนำเสนอขั้นตอนที่สามารถนำไปปฏิบัติได้จริงแก่ผู้อ่านเพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ปรับปรุงการสื่อสาร และส่งเสริมความเคารพซึ่งกันและกัน โดยจะเจาะลึกถึงหลักการทั้ง 7 ประการอย่างละเอียดถี่ถ้วน ซึ่งจะช่วยให้ได้เครื่องมือและกลยุทธ์อันมีค่าในการเอาชนะความท้าทายทั่วไปและรักษาสายสัมพันธ์ที่ยืนหยัดผ่านการทดสอบของเวลา
ภายในคุณจะค้นพบวิธีการ:
- Cultivate transparency with your partner ปลูกฝังความโปร่งใสกับคู่ของคุณ
- Learn new concepts on maintaining relationships เรียนรู้แนวคิดใหม่เกี่ยวกับการรักษาความสัมพันธ์
- Master effective communication and active listening เชี่ยวชาญการสื่อสารที่มีประสิทธิผลและการฟังอย่างมีส่วนร่วม
- Balance individuality and togetherness สร้างสมดุลระหว่างความเป็นปัจเจกและความสามัคคี
- Resolve conflicts with empathy and understanding แก้ไขข้อขัดแย้งด้วยความเห็นอกเห็นใจและความเข้าใจ
- Strengthen emotional and physical intimacy เสริมสร้างความใกล้ชิดทางอารมณ์และร่างกาย
- Align your goals and values as a couple จัดแนวเป้าหมายและค่านิยมของคุณเป็นคู่กัน
- Create a supportive and loving environment สร้างสภาพแวดล้อมที่สนับสนุนและเปี่ยมด้วยความรัก
- Challenge and debunk the overused advice from specialists ท้าทายและหักล้างคำแนะนำที่ถูกใช้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าจากผู้เชี่ยวชาญ
ไม่ว่าคุณจะอยู่ในความสัมพันธ์ใหม่ กำลังวางแผนอนาคตร่วมกัน หรือกำลังหาทางจุดประกายความรักในระยะยาว "7 กุญแจสู่ความสัมพันธ์ที่ประสบความสำเร็จ" จะเป็นเพื่อนร่วมทางที่สำคัญในการเดินทางสู่ความรักที่น่าพึงพอใจและยั่งยืน ด้วยคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญของ MD Watts คุณจะได้เรียนรู้ที่จะรับมือกับความซับซ้อนของความสัมพันธ์ในยุคใหม่และปลดล็อกศักยภาพที่แท้จริงของความสัมพันธ์ของคุณ
การถามคำถามที่ลึกซึ้งและเปิดกว้างในช่วงเริ่มต้นของการเดทสามารถช่วยให้คุณและคู่เดทเข้าใจกันมากขึ้น และสร้างความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งได้ โดยเฉพาะเมื่อคำถามเหล่านั้นสัมพันธ์กับเสาหลักสำคัญของความสัมพันธ์ 7 ประการ ซึ่งประกอบด้วย:
1. การสื่อสาร (Communication)
คำถาม: "เวลาที่คุณรู้สึกไม่สบายใจหรือมีปัญหา คุณมักจะแสดงออกหรือพูดคุยเกี่ยวกับมันอย่างไร?"
คำอธิบาย: การสื่อสารเป็นพื้นฐานสำคัญของความสัมพันธ์ การถามคำถามนี้ช่วยให้คุณเข้าใจว่าคู่เดทจัดการกับความขัดแย้งหรือความรู้สึกไม่สบายใจอย่างไร และพวกเขาเปิดกว้างในการพูดคุยหรือไม่
2. ความไว้วางใจ (Trust)
คำถาม: "อะไรที่ทำให้คุณรู้สึกว่าเชื่อใจใครสักคนได้เต็มที่?"
คำอธิบาย: ความไว้วางใจเป็นสิ่งสำคัญในความสัมพันธ์ การถามคำถามนี้ช่วยให้คุณเข้าใจว่าคู่เดทให้ความสำคัญกับอะไรในการสร้างความไว้วางใจ และคุณสามารถปรับตัวให้สอดคล้องกับความคาดหวังของพวกเขาได้
3. ความเคารพ (Respect)
คำถาม: "คุณคิดว่าความเคารพในความสัมพันธ์ควรแสดงออกอย่างไร?"
คำอธิบาย: ความเคารพเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ความสัมพันธ์ยืนยาว การถามคำถามนี้ช่วยให้คุณเข้าใจว่าคู่เดทมองความเคารพอย่างไร และคุณสามารถแสดงความเคารพต่อกันได้อย่างเหมาะสม
4. ความสนใจร่วมกัน (Shared Interests)
คำถาม: "มีกิจกรรมหรือความสนใจอะไรที่คุณอยากลองทำกับคู่รักในอนาคตไหม?"
คำอธิบาย: การมีกิจกรรมหรือความสนใจร่วมกันช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่สนุกสนานและแข็งแกร่ง การถามคำถามนี้ช่วยให้คุณเห็นว่าคุณและคู่เดทมีจุดร่วมอะไรบ้าง และสามารถวางแผนทำกิจกรรมร่วมกันได้
5. เป้าหมายและค่านิยม (Goals and Values)
คำถาม: "คุณคิดว่าอะไรคือสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต และคุณอยากให้ชีวิตของคุณเป็นอย่างไรในอีก 5 ปีข้างหน้า?"
คำอธิบาย: การมีเป้าหมายและค่านิยมที่สอดคล้องกันช่วยให้ความสัมพันธ์มั่นคง การถามคำถามนี้ช่วยให้คุณเข้าใจว่าคู่เดทให้ความสำคัญกับอะไร และคุณสามารถประเมินได้ว่าคุณทั้งคู่มีแนวทางชีวิตที่ไปในทิศทางเดียวกันหรือไม่
6. การสนับสนุนซึ่งกันและกัน (Support)
คำถาม: "เวลาที่คุณรู้สึกท้อแท้หรือเครียด คุณอยากให้คนรอบข้างสนับสนุนคุณอย่างไร?"
คำอธิบาย: การสนับสนุนซึ่งกันและกันเป็นสิ่งสำคัญในความสัมพันธ์ การถามคำถามนี้ช่วยให้คุณเข้าใจว่าคู่เดทต้องการการสนับสนุนแบบไหน และคุณสามารถเป็นกำลังใจให้พวกเขาได้อย่างเหมาะสม
7. ความใกล้ชิดและความรัก (Intimacy and Love)
คำถาม: "คุณคิดว่าความรักที่แท้จริงควรเป็นอย่างไร และอะไรที่ทำให้คุณรู้สึกใกล้ชิดกับใครสักคน?"
คำอธิบาย: ความใกล้ชิดและความรักเป็นส่วนสำคัญของความสัมพันธ์ การถามคำถามนี้ช่วยให้คุณเข้าใจว่าคู่เดทมองความรักและความใกล้ชิดอย่างไร และคุณสามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งได้
สรุป
การถามคำถามเหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้คุณเข้าใจคู่เดทมากขึ้น แต่ยังช่วยให้คุณทั้งคู่สามารถประเมินความเข้ากันได้ในระยะยาวได้อีกด้วย การสื่อสารอย่างเปิดเผยและซื่อสัตย์ตั้งแต่เริ่มต้นจะช่วยสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งสำหรับความสัมพันธ์ในอนาคต
บทที่ 1: การสื่อสาร (Communication)
หลักการสำคัญ:
การสื่อสารที่ดีเป็นรากฐานของความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่ง
ฝึกฟังอย่างตั้งใจและแสดงออกอย่างชัดเจน
เนื้อหาที่คาดการณ์:
เทคนิคการสื่อสารที่สร้างความเข้าใจ
การจัดการความขัดแย้งอย่างมีประสิทธิภาพ
บทที่ 2: ความไว้วางใจ (Trust)
หลักการสำคัญ:
ความไว้วางใจสร้างได้ผ่านความสม่ำเสมอและความซื่อสัตย์
การรักษาสัญญาและการเปิดใจเป็นสิ่งสำคัญ
เนื้อหาที่คาดการณ์:
วิธีสร้างและฟื้นฟูความไว้วางใจ
การจัดการกับความไม่ไว้วางใจ
บทที่ 3: ความเคารพ (Respect)
หลักการสำคัญ:
ความเคารพคือการยอมรับและให้คุณค่ากับความเป็นตัวตนของอีกฝ่าย
การแสดงความเคารพผ่านคำพูดและการกระทำ
เนื้อหาที่คาดการณ์:
วิธีแสดงความเคารพในชีวิตประจำวัน
การจัดการกับสถานการณ์ที่ขาดความเคารพ
บทที่ 4: ความสนใจร่วมกัน (Shared Interests)
หลักการสำคัญ:
การมีกิจกรรมหรือความสนใจร่วมกันช่วยสร้างความใกล้ชิด
การสนับสนุนความสนใจส่วนตัวของกันและกัน
เนื้อหาที่คาดการณ์:
วิธีค้นหาและสร้างความสนใจร่วมกัน
การสร้างความสมดุลระหว่างเวลาร่วมกันและเวลาส่วนตัว
บทที่ 5: เป้าหมายและค่านิยม (Goals and Values)
หลักการสำคัญ:
การมีเป้าหมายและค่านิยมที่สอดคล้องกันช่วยให้ความสัมพันธ์เดินไปในทิศทางเดียวกัน
การสนับสนุนเป้าหมายของกันและกัน
เนื้อหาที่คาดการณ์:
วิธีหารือและกำหนดเป้าหมายร่วมกัน
การจัดการกับความแตกต่างทางค่านิยม
บทที่ 6: การสนับสนุนซึ่งกันและกัน (Support)
หลักการสำคัญ:
การเป็นกำลังใจและสนับสนุนกันในทุกสถานการณ์ช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่ง
การแสดงความห่วงใยและใส่ใจ
เนื้อหาที่คาดการณ์:
วิธีสนับสนุนกันในยามยาก
การสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเติบโตของกันและกัน
บทที่ 7: ความใกล้ชิดและความรัก (Intimacy and Love)
หลักการสำคัญ:
ความใกล้ชิดไม่ใช่แค่เรื่องทางกายภาพ แต่รวมถึงการเชื่อมโยงทางอารมณ์และจิตใจ
การแสดงความรักอย่างสม่ำเสมอ
เนื้อหาที่คาดการณ์:
วิธีสร้างและรักษาความใกล้ชิด
การแสดงความรักผ่านคำพูดและการกระทำ
บทที่ 8: การเติบโตและพัฒนาร่วมกัน (Growth and Development)
หลักการสำคัญ:
ความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนต้องการการเติบโตและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
การเรียนรู้และปรับตัวร่วมกัน
เนื้อหาที่คาดการณ์:
วิธีสร้างความสัมพันธ์ที่เติบโตไปพร้อมกัน
การจัดการกับการเปลี่ยนแปลงในชีวิต
บทที่ 9: การจัดการกับความท้าทาย (Handling Challenges)
หลักการสำคัญ:
ความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งสามารถผ่านพ้นความท้าทายได้ด้วยการทำงานร่วมกัน
การมองปัญหาเป็นโอกาสในการเรียนรู้
เนื้อหาที่คาดการณ์:
วิธีรับมือกับความขัดแย้งและวิกฤต
การสร้างความยืดหยุ่นในความสัมพันธ์
บทที่ 10: การสร้างความสัมพันธ์ที่ยั่งยืน (Building a Lasting Relationship)
หลักการสำคัญ:
ความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนต้องการความมุ่งมั่นและการลงมือทำอย่างต่อเนื่อง
การสร้างความทรงจำและประเพณีร่วมกัน
เนื้อหาที่คาดการณ์:
วิธีรักษาความสัมพันธ์ให้แข็งแกร่งในระยะยาว
การสร้างความสุขและความพึงพอใจร่วมกัน
สรุป:
หนังสือ "The 7 Keys to a Successful Relationship" น่าจะครอบคลุมหัวข้อสำคัญเกี่ยวกับการสร้างและรักษาความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งและยั่งยืน โดยเน้นที่หลักการ 7 ประการ ได้แก่ การสื่อสาร ความไว้วางใจ ความเคารพ ความสนใจร่วมกัน เป้าหมายและค่านิยม การสนับสนุนซึ่งกันและกัน และความใกล้ชิดและความรัก แต่ละบทน่าจะให้ทั้งแนวคิดเชิงทฤษฎีและคำแนะนำเชิงปฏิบัติที่สามารถนำไปใช้ในชีวิตจริงได้
Mutual respect ความเคารพซึ่งกันและกัน
• What does mutual respect mean to you in a relationship? ความเคารพซึ่งกันและกันในความสัมพันธ์หมายถึงอะไรสำหรับคุณ?
• Can you share an experience where you felt truly respected in a past relationship? คุณสามารถแบ่งปันประสบการณ์ที่คุณรู้สึกได้รับการเคารพอย่างแท้จริงในความสัมพันธ์ที่ผ่านมาได้หรือไม่?
Aligned values and morals ค่านิยมและศีลธรรมอันสอดคล้องกัน
• What are your top two or three values that you want to nurture in your life? คุณค่าสองหรือสามประการสูงสุดที่คุณอยากปลูกฝังในชีวิตของคุณคืออะไร?
• How do you define what is morally right or wrong, and what influences your moral compass? คุณกำหนดว่าอะไรถูกหรือผิดทางศีลธรรมอย่างไร และอะไรที่มีอิทธิพลต่อเข็มทิศทางศีลธรรมของคุณ?
Good communication การสื่อสารที่ดี
• How do you tend to handle disagreements or conflicts with others? คุณมีแนวโน้มที่จะจัดการกับความไม่เห็นด้วยหรือความขัดแย้งกับผู้อื่นอย่างไร?
• What does good communication in a relationship look like for you?การสื่อสารที่ดีในความสัมพันธ์สำหรับคุณเป็นอย่างไร?
Physical attraction แรงดึงดูดทางกายภาพ
• How important is physical attraction to you in a relationship?ความดึงดูดทางกายสำคัญกับคุณมากเพียงใดในความสัมพันธ์?
• Can you describe what you find attractive in a person beyond physical appearance?คุณสามารถบรรยายสิ่งที่คุณพบว่าน่าดึงดูดในตัวบุคคลอื่นนอกเหนือจากรูปลักษณ์ภายนอกได้หรือไม่?
Empathy ความเข้าอกเข้าใจ
• How do you typically show empathy to your partner during challenging times? โดยทั่วไปคุณแสดงความเห็นอกเห็นใจต่อคู่ของคุณอย่างไรในช่วงเวลาที่ท้าทาย?
• What has empathy looked like for you in past relationships?ความเห็นอกเห็นใจมีลักษณะอย่างไรสำหรับคุณในความสัมพันธ์ที่ผ่านมา?
Shared relationship goals เป้าหมายความสัมพันธ์ร่วมกัน
• What are some of the ways we could support each other in being our best and healthiest selves? เราสามารถสนับสนุนซึ่งกันและกันเพื่อให้เราเป็นคนที่ดีที่สุดและมีสุขภาพดีที่สุดได้อย่างไรบ้าง?
• How do you envision your ideal partnership in terms of financial, emotional and spiritual goals? คุณมองเห็นภาพความสัมพันธ์ในอุดมคติของคุณในแง่เป้าหมายทางการเงิน อารมณ์ และจิตวิญญาณอย่างไร
Honesty and integrity ความซื่อสัตย์และความมีคุณธรรม
• How do you handle situations where honesty is difficult but necessary? คุณจัดการกับสถานการณ์ที่ความซื่อสัตย์เป็นเรื่องยากแต่จำเป็นอย่างไร?
• Have you ever been in a situation where you felt your integrity was being tested? How did you handle it? คุณเคยอยู่ในสถานการณ์ที่รู้สึกว่าความซื่อสัตย์ของคุณกำลังถูกทดสอบหรือไม่? คุณรับมือกับมันอย่างไร?
Remember, the key is not just asking the questions but actively listening to their responses and sharing your own thoughts and experiences. This will help build a foundation of trust and understanding between you.
จำไว้ว่าสิ่งสำคัญไม่ได้อยู่ที่การถามคำถามเพียงอย่างเดียว แต่คือการตั้งใจฟังคำตอบของผู้อื่นและแบ่งปันความคิดและประสบการณ์ของตนเอง ซึ่งจะช่วยสร้างรากฐานของความไว้วางใจและความเข้าใจระหว่างคุณและผู้อื่น
จาก
ตัดแปะโดย เฉลิมชัย เอื้อวิริยะวิทย์
การใช้ความรู้ทางปรัชญา (Philosophy) มาปรับปรุงความสัมพันธ์สามารถช่วยให้เราเข้าใจตัวเองและผู้อื่นลึกซึ้งขึ้น รวมถึงสร้างความสัมพันธ์ที่มีความหมายและยั่งยืนมากขึ้นได้ ต่อไปนี้คือแนวทางในการนำปรัชญามาปรับใช้ในความสัมพันธ์:
1. ปรัชญาสโตอิก (Stoicism)
แนวคิดหลัก: การควบคุมสิ่งที่ควบคุมได้ และยอมรับสิ่งที่ควบคุมไม่ได้
การนำไปใช้:
จัดการอารมณ์: เมื่อเกิดความขัดแย้ง ให้โฟกัสที่การแก้ปัญหาแทนการโทษผู้อื่นหรือตัวเอง
ยอมรับความไม่สมบูรณ์: เข้าใจว่าความสัมพันธ์ไม่สมบูรณ์แบบ และเรียนรู้ที่จะอยู่กับความไม่แน่นอน
ฝึกความอดทน: ใช้สติและเหตุผลในการรับมือกับสถานการณ์ที่ยากลำบาก
2. ปรัชญาอัตถิภาวนิยม (Existentialism)
แนวคิดหลัก: ชีวิตมีความหมายผ่านการเลือกและการกระทำของเรา
การนำไปใช้:
สร้างความหมายร่วมกัน: คุยกับคู่รักเกี่ยวกับเป้าหมายและความหมายของความสัมพันธ์
รับผิดชอบต่อการเลือก: ตระหนักว่าความสัมพันธ์เป็นผลจากการเลือกของเรา และเราต้องรับผิดชอบต่อการกระทำนั้น
อยู่กับปัจจุบัน: ใช้เวลาร่วมกันอย่างมีคุณภาพ แทนการกังวลเกี่ยวกับอดีตหรืออนาคต
3. ปรัชญาประโยชน์นิยม (Utilitarianism)
แนวคิดหลัก: การกระทำที่ดีที่สุดคือการกระทำที่สร้างความสุขสูงสุดให้กับทุกคน
การนำไปใช้:
คิดถึงผลกระทบ: ก่อนตัดสินใจใดๆ ในความสัมพันธ์ ให้คิดถึงผลกระทบต่อคู่รักและตัวเอง
สร้างสมดุล: หาจุดสมดุลระหว่างความต้องการของตัวเองและคู่รัก
ลดความทุกข์: พยายามหลีกเลี่ยงการกระทำที่สร้างความเจ็บปวดหรือความไม่สบายใจให้กัน
4. ปรัชญาจริยธรรมของอริสโตเติล (Aristotelian Ethics)
แนวคิดหลัก: การแสวงหาความดีสูงสุด (Eudaimonia) ผ่านการพัฒนาตนเองและความสัมพันธ์
การนำไปใช้:
พัฒนาตนเอง: พยายามเป็นคนที่ดีขึ้นเพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีขึ้น
สร้างความสมดุล: ฝึกความพอดี (Golden Mean) เช่น ไม่เอาแต่ใจตัวเองเกินไป แต่ก็ไม่ยอมจนเสียตัวตน
สร้างมิตรภาพที่ลึกซึ้ง: มองความสัมพันธ์เป็นความสัมพันธ์ที่สร้างความสุขและความดีร่วมกัน
5. ปรัชญารักของเพลโต (Platonic Love)
แนวคิดหลัก: รักที่แท้จริงคือการมองเห็นคุณค่าที่ลึกซึ้งของอีกฝ่าย
การนำไปใช้:
มองเห็นคุณค่า: มองคู่รักในแง่มุมที่ลึกซึ้งกว่าแค่รูปลักษณ์หรือความสะดวกสบาย
สร้างการเชื่อมโยงทางจิตวิญญาณ: พัฒนาความสัมพันธ์ที่เน้นการเติบโตทางจิตใจและปัญญาร่วมกัน
ไม่ยึดติด: เรียนรู้ที่จะรักโดยไม่ครอบครองหรือควบคุม
6. ปรัชญาพุทธศาสนา (Buddhist Philosophy)
แนวคิดหลัก: การลดความยึดติดและความทุกข์ผ่านการเข้าใจธรรมชาติของชีวิต
การนำไปใช้:
ฝึกสติ: ใช้สติในการสื่อสารและรับมือกับความขัดแย้ง
ลดอัตตา: เรียนรู้ที่จะไม่ยึดติดกับความคิดหรือความคาดหวังของตัวเอง
แสดงเมตตา: ฝึกความรักและความเห็นอกเห็นใจต่อคู่รัก
7. ปรัชญาฟิโลโซฟีแห่งความรัก (Philosophy of Love)
แนวคิดหลัก: ความรักมีหลายรูปแบบและหลายระดับ
การนำไปใช้:
เข้าใจประเภทของความรัก: เช่น ความรักแบบเพื่อน (Philia) ความรักแบบครอบครัว (Storge) และความรักแบบโรแมนติก (Eros)
สร้างความสมดุล: พัฒนาความรักในรูปแบบต่างๆ ให้สมดุลกัน
ยอมรับการเปลี่ยนแปลง: เข้าใจว่าความรักอาจเปลี่ยนรูปแบบไปตามเวลา
8. ปรัชญาของคานท์ (Kantian Ethics)
แนวคิดหลัก: การปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยความเคารพในศักดิ์ศรีของมนุษย์
การนำไปใช้:
เคารพในความเป็นมนุษย์: มองคู่รักเป็นบุคคลที่มีคุณค่าในตัวเอง ไม่ใช่แค่เป็นเครื่องมือเพื่อความสุขของเรา
ปฏิบัติด้วยความซื่อสัตย์: ซื่อสัตย์ต่อคู่รักและตัวเอง
สร้างกฎเกณฑ์ร่วมกัน: ตกลงกติกาในความสัมพันธ์ที่ทั้งสองฝ่ายยอมรับ
สรุป:
การใช้ความรู้ทางปรัชญาในการปรับปรุงความสัมพันธ์ช่วยให้เราเข้าใจตัวเองและผู้อื่นลึกซึ้งขึ้น รวมถึงสร้างความสัมพันธ์ที่มีความหมายและยั่งยืนมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการฝึกสติ การยอมรับความไม่สมบูรณ์แบบ การสร้างความสมดุล หรือการแสดงความรักและความเคารพ ปรัชญาแต่ละสำนักมีเครื่องมือและแนวคิดที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้ตามบริบทของความสัมพันธ์ที่เราเผชิญอยู่
According to behavioural psychologist Dr Ali Fenwick, the answer is often no. He argues that our determination to dodge bad relationships means we risk losing vital social skills that can help us form successful ones.
ตามที่นักจิตวิทยาพฤติกรรม ดร. อาลี เฟนวิก กล่าวไว้ คำตอบมักจะเป็นไม่ เขาโต้แย้งว่าการมุ่งมั่นที่จะหลีกเลี่ยงความสัมพันธ์ที่ไม่ดีทำให้เราเสี่ยงต่อการสูญเสียทักษะทางสังคมที่สำคัญซึ่งสามารถช่วยให้เราสร้างความสัมพันธ์ที่ประสบความสำเร็จได้
“ทุกวันนี้ ผู้คนสามารถละทิ้งผู้คนได้ง่ายมาก บางคนก็หายไปอย่างรวดเร็ว” เขากล่าว “และความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ถือเป็นรากฐานของสุขภาพของเรา ของสุขภาพจิตของเรา และของความสำเร็จในชีวิตของเรา” จากหนังสือ Red Flags, Green Flags: Modern Psychology for Everyday Drama https://www.mamamia.com.au/what-are-red-flags/
หากคุณไตร่ตรองและสำรวจตนเองมากขึ้น คุณอาจพบว่าสิ่งเหล่านั้นอาจเกี่ยวข้องกับบางสิ่งบางอย่างในอดีตของคุณ หรืออาจเป็นสิ่งที่อยู่ภายในตัวคุณ ไม่ได้อยู่ในตัวผู้อื่น
"I often like to say that when we fall in love, we should be mindful of not [only] falling in love with the good things about people, but we also need to fall in love with people's developmental spaces as well," he said. "Part of being in a long-term relationship is also helping each other to heal in that perspective, to build trust and to learn again."
“ผมมักจะพูดอยู่เสมอว่าเมื่อเราตกหลุมรักกัน
เราควรตระหนักไว้ว่าไม่เพียงแต่การตกหลุมรักสิ่งดีๆ ในตัวผู้อื่นเท่านั้น
แต่เรายังต้องตกหลุมรักพื้นที่พัฒนาของผู้อื่นด้วย” เขากล่าว
“ส่วนหนึ่งของการมีความสัมพันธ์ระยะยาวก็คือการช่วยเหลือซึ่งกันและกันในการรักษาความสัมพันธ์
สร้างความไว้วางใจ และเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ”
แฟรงเคิลกล่าวไว้ในหนังสือ Inquiry into Life ว่า “เราไม่ควรลืมว่าแม้ทุกคนจะไม่สมบูรณ์แบบ แต่ทุกคนก็ไม่สมบูรณ์แบบในแบบของตัวเอง และทุกคนก็ไม่สมบูรณ์แบบในแบบของตัวเอง แม้ว่าทุกคนจะไม่สมบูรณ์แบบ แต่พวกเขาก็มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว” ค้นหาจังหวะของโลกของคุณเอง อย่าไล่ตาม เพียงแค่ไปให้ถึง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น