"The Subject and Power" ของ Michel Foucault:
หนังสือ The Subject and Power ของ Michel Foucault เป็นงานวิจัยทางปรัชญาและสังคมศาสตร์ที่สำรวจความสัมพันธ์ระหว่าง "อำนาจ" (power) กับ "ปัจเจกบุคคล" (subject) ในสังคม โดย Foucault วิเคราะห์ว่าอำนาจไม่ได้เป็นเพียงสิ่งที่ถูกกดทับหรือบังคับจากภายนอก แต่ยังเป็นสิ่งที่แทรกซึมเข้าสู่ชีวิตประจำวันและกระบวนการสร้างตัวตนของแต่ละบุคคล (subjectivity)
Why Study Power? The Question of the Subject
การใช้รูปแบบของการต่อต้านรูปแบบต่างๆ ของอำนาจเป็นจุดเริ่มต้น
เราไม่ได้กลายเป็นผู้ถูกกระทำโดยอัตโนมัติและโดยอิสระตามความหมายที่อธิบายไว้ข้างต้น เราเป็นผู้ถูกกระทำเพราะเราถูกกระทำ
อำนาจรัฐคือการทำให้เป็นปัจเจกบุคคล ฉันหมายความว่ารัฐใช้อำนาจรูปแบบหนึ่งซึ่งแสวงหาความจริงของปัจเจกบุคคล
Why Study Power?
The Question of the Subject
อำนาจถูกใช้ไปอย่างไร?
การวิเคราะห์คำถามที่ว่าอำนาจนั้น “เกิดขึ้นได้อย่างไร” นั้นโดยทั่วไปมักจำกัดอยู่เพียงการสำรวจการแสดงออกเท่านั้น แต่การแสดงออกหรือผลของอำนาจเหล่านี้ไม่ได้เชื่อมโยงกับต้นกำเนิดและธรรมชาติพื้นฐานของอำนาจหรือไม่
อำนาจถูกใช้ไปอย่างไร?
“อย่างไร” ที่ผมนึกถึงไม่ใช่คำถามว่าอำนาจแสดงตัวออกมาอย่างไร แต่เป็นคำถามเกี่ยวกับวิธีการใช้อำนาจ อำนาจหมายความถึงความสามารถเชิงวัตถุที่จะใช้กำลังบังคับสิ่งต่าง ๆ และความสามารถในการปรับเปลี่ยน ใช้ บริโภค หรือทำลายสิ่งเหล่านั้น อำนาจยังหมายความถึงความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลหรือกลุ่มบุคคลด้วย กล่าวคือ ในการอภิปรายกลไกของอำนาจ เราถือว่าบุคคลบางคนใช้อำนาจเหนือผู้อื่น
ความสัมพันธ์ของการสื่อสารมีอยู่หลายประการ เช่น การถ่ายทอดข้อมูลโดยใช้ภาษา ระบบสัญลักษณ์ หรือสื่อสัญลักษณ์อื่น ๆ ที่บุคคลใช้โต้ตอบกับผู้อื่น อย่างไรก็ตาม หากวัตถุประสงค์หรือผลที่ตามมาของความสัมพันธ์ดังกล่าวส่งผลต่ออำนาจ ก็เป็นเพียงเรื่องบังเอิญเท่านั้น ประเด็นคือ ไม่ควรสับสนระหว่างความสามารถเชิงวัตถุประสงค์ ความสัมพันธ์เชิงอำนาจ และความสัมพันธ์ ขณะเดียวกัน ไม่ควรถือว่าสิ่งเหล่านี้เป็นสามโดเมนที่แยกจากกัน ในความเป็นจริง สิ่งเหล่านี้ “ทับซ้อนกันเสมอ รองรับซึ่งกันและกัน และใช้ซึ่งกันและกันเป็นเครื่องมือในการบรรลุเป้าหมาย”
มนุษย์เปลี่ยนตัวเองเป็นผู้รับสารได้อย่างไร
การต่อสู้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ประเทศใดประเทศหนึ่ง แน่นอนว่าการต่อสู้สามารถพัฒนาได้ง่ายกว่าและมากขึ้นในบางประเทศ แต่การต่อสู้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่รูปแบบการปกครองทางการเมืองหรือเศรษฐกิจใดเศรษฐกิจหนึ่งโดยเฉพาะ
จุดมุ่งหมายของการต่อสู้เหล่านี้คือผลกระทบจากอำนาจในตัวเอง ตัวอย่างเช่น อาชีพทางการแพทย์ไม่ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์เป็นหลักเพราะเป็นอาชีพที่แสวงหากำไร แต่เนื่องจากอาชีพนี้ใช้อำนาจที่ไม่อาจควบคุมได้เหนือร่างกาย สุขภาพ ชีวิต และความตายของผู้คน
สิ่งเหล่านี้คือ การต่อสู้ “ทันที” ด้วยเหตุผลสองประการ ในการต่อสู้ดังกล่าว ผู้คนมักวิพากษ์วิจารณ์กรณีอำนาจที่ใกล้ชิดพวกเขามากที่สุด ซึ่งเป็นกรณีที่ใช้อำนาจกับบุคคลอื่น พวกเขาไม่ได้มองหา “ศัตรูตัวฉกาจ” แต่สำหรับศัตรูโดยตรง พวกเขาไม่ได้คาดหวังที่จะหาทางแก้ไขปัญหาในอนาคต (นั่นคือ การปลดปล่อย การปฏิวัติ การยุติการต่อสู้ของชนชั้น) เมื่อเปรียบเทียบกับมาตราส่วนทางทฤษฎีของคำอธิบายหรือระเบียบการปฏิวัติที่แบ่งฝ่ายนักประวัติศาสตร์แล้ว พวกเขาคือการต่อสู้แบบอนาธิปไตย แต่สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่จุดดั้งเดิมที่สุดของพวกเขา สำหรับฉันแล้ว ต่อไปนี้ดูเหมือนจะเฉพาะเจาะจงกว่า
การต่อสู้ในปัจจุบันทั้งหมดนี้หมุนรอบคำถามที่ว่า
เราคือใคร การต่อสู้เหล่านี้คือการปฏิเสธความคิดนามธรรม
ความรุนแรงจากรัฐทางเศรษฐกิจและอุดมการณ์
ซึ่งละเลยว่าเราเป็นใครในแต่ละบุคคล
และยังเป็นการปฏิเสธการสอบสวนทางวิทยาศาสตร์หรือการบริหารที่กำหนดว่าใครเป็นใครอีกด้วย
มีการเชื่อมโยงกับสิ่งต่างๆ รอบตัวมนุษย์อย่างมากมายโดยมีลักษณะของความสัมพันธ์แบบเชิงอำนาจ หมายถึง "ความสัมพันธ์ในการต้องการจัดการพฤติกรรมของผู้อื่น
อำนาจมิใช่ทรัพย์สมบัติที่สามารถได้มา ฉกฉวยหรือแบ่งปันกันได้ Michel Foucaultอำนาจจึงเป็นสิ่งที่เคลื่อนไหว (Mobile) แต่ไม่อาจจับต้องได้ซึ่งในโครงข่ายของอำนาจมีสิ่งที่แฝงอยู่คือ จุดต่อต้าน ซึ่งมีอยู่มากมาย
อย่างไรก็ตาม Foucault เชื่อว่าไม่มีอำนาจใดถูกนำมาใช้โดยปราศจากจุดมุ่งหมายหรือวัตถุประสงค์ ซึ่งจุดมุ่งหมายและวัตถุประสงค์นั้นก็ไม่ควรถือว่าเป็น "ทางเลือกหรือการตัดสินใจของแต่ละบุคคล" โดยอิสระ แต่มีความสัมพันธ์กับการทำงานของวาทกรรมความจริงที่ไม่เปิดเผยหรือมีกฎเกณฑ์การสร้างที่ถูกกำหนดรูปแบบและบดบังการรับรู้ความเป็นจริงของสังคม
วินัยและการลงโทษมีหน้าที่ในการลดช่องว่างที่ต้องมีการแก้ไขให้เป็นธรรมชาติ
Foucault เห็นว่าอำนาจมีลักษณะเป็นกระบวนการที่ซับซ้อนและกระจายไปในทุกระดับของสังคม รวมถึงวิธีการที่เรารับรู้และสร้างตัวตนของเราเอง
เรามักจัดอันดับจนเกิดระดับของมาตรฐานทำให้คนที่แตกต่างจากมาตรฐานกลางเป็นคนที่ไม่สามารถยอมรับได้ ซึ่ง Foucault เรียกว่า "ชายขอบจากภายนอกของความผิดปกติ
1. อำนาจ: การกระจายและการสร้างตัวตน
Foucault เสนอว่าอำนาจไม่ใช่สิ่งที่รวมศูนย์หรือมีแค่ในระบบรัฐหรือหน่วยงานทางการเท่านั้น แต่เป็นกระบวนการที่กระจายไปทั่วทั้งสังคม ไม่ว่าจะเป็นในโรงเรียน โรงพยาบาล สถานที่ทำงาน หรือแม้แต่ในชีวิตประจำวัน ผ่านการควบคุมและบังคับทางสังคม เช่น การกำหนดวิธีคิด หรือพฤติกรรมที่ "เหมาะสม" ด้วยระบบของมาตรฐานและการจัดระเบียบต่างๆ
อำนาจในมุมมองของ Foucault เป็นเรื่องของการสร้าง "ตัวตน" หรือ "subjectivity" ซึ่งหมายถึงวิธีที่คนถูกทำให้เข้าใจถึงตัวตนของตนเอง ผ่านการควบคุมและการสร้างความหมายในชีวิต เช่น ผ่านกระบวนการทางการแพทย์ การศึกษาที่วางโครงสร้างการคิดและการทำงานของคน
2. การเกิดขึ้นของอำนาจ
Foucault ย้ำว่าอำนาจไม่ได้เกิดจากการมีอำนาจเหนือใคร แต่เป็นกระบวนการที่สร้างตัวตนและความเป็นปัจเจกบุคคลในลักษณะที่สามารถควบคุมตนเองได้ในระดับหนึ่ง เขาเรียกสิ่งนี้ว่า "biopower" หรือ "อำนาจชีวิต" ซึ่งเกี่ยวข้องกับการควบคุมร่างกายและความคิดของผู้คนในระดับที่ละเอียดอ่อนมากขึ้น
ในช่วงปลายศตวรรษที่ 20 อำนาจไม่ได้กระทำผ่านการปกครองโดยตรง แต่เป็นการควบคุมผ่าน “วินัย” และ “ความรู้” ซึ่งรวมถึงการสร้างคำอธิบายเกี่ยวกับสุขภาพ การศึกษา และจิตวิทยา ซึ่งจะทำให้ผู้คนสามารถควบคุมพฤติกรรมของตนเองได้ (เช่น การควบคุมการบริโภคอาหารหรือการทำงานในสังคม)
3. การนำไปใช้และการต่อต้านอำนาจ
การทำความเข้าใจเกี่ยวกับอำนาจจากมุมมองของ Foucault จะช่วยให้เราเห็นภาพรวมของการควบคุมในสังคม และวิธีที่เราสามารถตระหนักถึงการมีอำนาจในชีวิตประจำวันได้ ตัวอย่างเช่น ในสภาพแวดล้อมทางการศึกษา โรงพยาบาล หรือแม้กระทั่งในครอบครัว ผู้ที่มีอำนาจจะกำหนดกรอบของสิ่งที่ "ถูกต้อง" และ "เหมาะสม" ซึ่งบุคคลสามารถนำไปปรับตัวตามมาตรฐานเหล่านั้นได้
จากมุมมองนี้ การต่อต้านอำนาจจึงไม่จำเป็นต้องเป็นการต่อต้านโดยตรงหรือเป็นการต่อสู้ทางกายภาพเสมอไป แต่สามารถเกิดขึ้นได้จากการตั้งคำถามและการเปิดพื้นที่ให้การแสดงออกของความแตกต่างเกิดขึ้น เช่น การไม่ยอมรับความคิดที่ถูกสร้างขึ้นโดยสังคม หรือการพยายามเปลี่ยนแปลงระบบที่มีอำนาจควบคุม
4. แนวคิดที่เกี่ยวข้อง
Power/Knowledge (อำนาจ/ความรู้): Foucault กล่าวว่าความรู้และอำนาจไม่สามารถแยกจากกันได้ การที่เราเข้าใจสิ่งต่างๆ เช่น สุขภาพ การศึกษา หรือจิตวิทยา ก็คือการยอมรับและสนับสนุนอำนาจที่มีอิทธิพลในการกำหนดวิธีคิดเหล่านั้น อำนาจและความรู้ทำงานร่วมกันในการสร้างมาตรฐานและวิธีการที่ "ถูกต้อง"
Disciplinary Power (อำนาจแห่งการฝึกฝน): ในแง่ของการควบคุมพฤติกรรม Foucault พูดถึง “การฝึกฝน” หรือ “การฝึกวินัย” (discipline) ซึ่งช่วยให้ผู้คนปฏิบัติตามมาตรฐานที่สังคมกำหนด เช่น การฝึกเด็กให้ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ การฝึกผู้คนในที่ทำงานให้เป็นไปตามระบบ หรือการฝึกพฤติกรรมในโรงพยาบาล การควบคุมดังกล่าวไม่ได้มาจากการบังคับโดยตรง แต่เกิดจากการแทรกซึมของการควบคุมในทุกๆ ด้าน
Biopower (อำนาจชีวิต): Foucault ยังกล่าวถึง "biopower" หรืออำนาจที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมชีวิตของผู้คนในด้านต่างๆ เช่น การควบคุมสุขภาพ การควบคุมการเจริญพันธุ์ หรือการควบคุมความตาย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการควบคุมโดยรวมที่มีอิทธิพลต่อร่างกายและจิตใจของผู้คนในสังคม
ข้อเสนอแนะเชิงกลยุทธ์ในการนำแนวคิดไปใช้:
การตั้งคำถามเกี่ยวกับความรู้และมาตรฐานในสังคม: ในชีวิตประจำวัน คนรุ่นใหม่ควรเรียนรู้ที่จะตั้งคำถามกับ "ความรู้" และมาตรฐานที่สังคมกำหนดขึ้น เช่น ในการศึกษา การทำงาน หรือการบริโภคข้อมูลในสื่อสังคมออนไลน์ การตระหนักถึงวิธีที่อำนาจทำงานในการสร้างความหมายและข้อมูลจะช่วยให้เราเข้าใจสิ่งต่างๆ ได้ดีขึ้น
การเปิดพื้นที่ให้เกิดการแสดงออกของความแตกต่าง: การสร้างพื้นที่ที่ทุกคนสามารถแสดงความคิดเห็นหรือแสดงออกถึงตัวตนที่แท้จริงได้ จะช่วยลดการควบคุมที่ไม่เป็นธรรม โดยเฉพาะในโลกดิจิทัลและการศึกษา
การใช้เทคโนโลยีในการเปิดเผยและต่อต้านอำนาจ: เทคโนโลยีและสื่อออนไลน์มีบทบาทสำคัญในการท้าทายอำนาจที่กระทำผ่านการสร้างความรู้และข้อมูล การใช้เทคโนโลยีในการเผยแพร่ข้อมูลที่ท้าทายอำนาจ หรือการสร้างชุมชนออนไลน์ที่เปิดโอกาสให้เกิดการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นที่หลากหลาย เป็นการต่อสู้กับอำนาจในรูปแบบที่สร้างสรรค์
บทสรุป:
Foucault ชี้ให้เห็นว่าอำนาจไม่ได้มีแค่ในรูปแบบของการบังคับหรือการควบคุมจากภายนอกเท่านั้น แต่ยังเป็นสิ่งที่ซึมซาบและมีบทบาทในการสร้างตัวตนของเรา ผ่านการควบคุมการคิด การทำงาน และการกระทำในชีวิตประจำวัน แนวคิดนี้ช่วยให้เรามองเห็นวิธีที่อำนาจทำงานในชีวิตของเรา และสามารถใช้เครื่องมือนี้ในการท้าทายและสร้างสรรค์การเปลี่ยนแปลงในสังคมได้
ประเด็นหลักในงานนี้:
อำนาจไม่ใช่สิ่งที่มีแค่จาก "รัฐ" หรือ "การปกครอง" เท่านั้น: Foucault เสนอว่าอำนาจมีอยู่ทุกที่และมีบทบาทในการสร้างความจริง ความรู้ และตัวตนของแต่ละบุคคล เช่น วิธีที่สังคมกำหนดและควบคุมการกระทำและการคิดของคน (เช่น ระบบการศึกษา การแพทย์ การจัดการจิตใจ เป็นต้น)
การสร้าง "ตัวตน" หรือ "subjectivity": เขากล่าวว่าอำนาจไม่เพียงแต่ทำให้คนกลัวหรือเชื่อฟังเท่านั้น แต่ยังมีอำนาจในการสร้างหรือกำหนด "ตัวตน" ของบุคคล ตัวอย่างเช่น การที่สังคมจัดการกับร่างกายหรือความคิดของเราให้เป็นไปตามระเบียบ เช่น การให้ความหมายกับพฤติกรรมของคนหรือการจำแนกกลุ่มคน
การกระจายอำนาจ: Foucault เน้นว่ามีอำนาจหลายรูปแบบที่กระจายไปในทุกส่วนของสังคม เช่น ในครอบครัว สถานศึกษา ที่ทำงาน หรือแม้กระทั่งในสื่อสารมวลชน ทุกๆ สถานที่เหล่านี้มีการควบคุมและการกำหนดความคิดและพฤติกรรมของบุคคลในระดับที่แตกต่างกัน
การต่อสู้กับอำนาจ: Foucault กล่าวว่าความต้านทานอำนาจก็เป็นส่วนหนึ่งของการมีอำนาจเช่นกัน การท้าทายหรือคัดค้านอำนาจอาจเกิดขึ้นในรูปแบบต่างๆ เช่น การไม่ยอมรับบทบาทที่ถูกกำหนดให้ หรือการตั้งคำถามกับความจริงที่ถูกสร้างขึ้น
จิตวิญญาณของการควบคุม: Foucault เชื่อว่าอำนาจไม่ใช่เพียงแค่การใช้กำลัง แต่ยังเป็นการสร้าง "จิตวิญญาณ" ของการยอมรับและเชื่อฟัง ตัวอย่างเช่น ระบบการดูแลสุขภาพและการศึกษา สร้าง "วินัย" ในสังคมและปรับการกระทำของผู้คนให้สอดคล้องกับมาตรฐานที่กำหนด
ข้อเสนอแนะเชิงกลยุทธ์ในการนำไปใช้:
การสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับอำนาจในชีวิตประจำวัน: คนรุ่นใหม่ควรเริ่มตระหนักถึงวิธีที่อำนาจถูกสร้างและกระจายไปในสังคม เพื่อไม่ให้ตนเองเป็นเพียง "ผู้ถูกกำหนด" ตามที่ระบบต่างๆ ต้องการ เช่น การตั้งคำถามกับสื่อที่เราเสพหรือวิธีการศึกษาแบบดั้งเดิม
การฝึกความคิดวิพากษ์: การฝึกฝนให้เกิดความคิดวิพากษ์ในแต่ละสถานการณ์จะช่วยให้เราเข้าใจถึงการสร้างความจริงและอำนาจที่มีอิทธิพลในทุกๆ ด้านของชีวิต เช่น ในการเลือกงาน การเมือง หรือแม้กระทั่งในการตัดสินใจส่วนตัว
การใช้พลังของเทคโนโลยีและสื่อสังคมออนไลน์: คนรุ่นใหม่สามารถใช้เทคโนโลยีและสื่อสังคมออนไลน์เป็นเครื่องมือในการต่อสู้กับอำนาจที่ไม่เป็นธรรม เช่น การเผยแพร่ข้อมูลที่ท้าทายความเชื่อดั้งเดิม การสร้างชุมชนออนไลน์ที่เปิดโอกาสให้เกิดการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอย่างเสรี
การพัฒนาตัวตนที่เป็นอิสระ: การเสริมสร้างตัวตนที่มีความเป็นอิสระและไม่ถูกจำกัดด้วยกรอบความคิดแบบเดิมๆ จะช่วยให้บุคคลสามารถตัดสินใจและดำเนินชีวิตในทิศทางที่ตนเองเลือก โดยไม่ถูกจำกัดโดยอำนาจหรืออิทธิพลภายนอก
การสร้างสภาพแวดล้อมที่เปิดโอกาสให้ทุกคนมีเสียง: การสร้างสังคมที่เปิดโอกาสให้คนทุกคนมีส่วนร่วมในการตัดสินใจและการเปลี่ยนแปลง จะช่วยลดความเหลื่อมล้ำและทำให้คนสามารถแสดงออกถึงตัวตนของตนได้มากขึ้น
การเชื่อมต่อกับคนรุ่นใหม่:
ในยุคที่เทคโนโลยีและข้อมูลมีบทบาทสำคัญในการกำหนดทิศทางของสังคม การทำความเข้าใจเกี่ยวกับ "อำนาจ" และ "การสร้างตัวตน" เป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับคนรุ่นใหม่ เพราะในยุคนี้เรามีเครื่องมือในการเข้าถึงข้อมูลและแสดงความคิดเห็นได้อย่างรวดเร็ว การเข้าใจว่าอำนาจสามารถถูกสร้างและกระจายได้จากทุกๆ ช่องทาง จะช่วยให้เราสามารถใช้เครื่องมือเหล่านี้ในการสร้างความเปลี่ยนแปลงที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม และสามารถแสดงออกถึงตัวตนที่แท้จริงได้มากขึ้น
สุดท้ายนี้ การตระหนักถึงอำนาจที่มีอยู่ในชีวิตประจำวัน และการฝึกคิดเชิงวิพากษ์ จะช่วยให้คนรุ่นใหม่สามารถเลือกใช้พลังที่มีในมืออย่างมีประสิทธิภาพและมีจิตสำนึกที่พัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง.
แนวคิดเกี่ยวกับ "เจตจำนงเสรี" (free will) หรือการที่มนุษย์สามารถตัดสินใจและเลือกทำสิ่งต่างๆ โดยไม่มีอำนาจภายนอกมาบังคับนั้นถือเป็นเรื่องที่ต้องตั้งคำถามในลักษณะหนึ่ง เพราะ Foucault มองว่าการกระทำของมนุษย์และการตัดสินใจต่างๆ ไม่ได้เป็นผลลัพธ์จากเจตจำนงเสรีที่แท้จริง แต่เป็นผลจากอำนาจและการควบคุมที่ซับซ้อนซึ่งกำหนดและรูปแบบพฤติกรรมของเราจากภายนอก
1. อำนาจและการควบคุม (Power and Control)
Foucault เห็นว่า อำนาจ (power) ไม่ได้เป็นสิ่งที่มีอยู่เฉพาะในรูปแบบของการบังคับหรือการควบคุมจากรัฐหรือสถาบันทางการ แต่กระจายไปทั่วสังคมในทุกๆ ระดับ เช่น โรงเรียน โรงพยาบาล ที่ทำงาน หรือแม้แต่ในครอบครัว ซึ่งการกระทำต่างๆ ที่เราทำในชีวิตประจำวันถูกควบคุมและจัดระเบียบผ่าน "วินัย" (discipline) หรือ "การควบคุมพฤติกรรม" จากสังคมโดยไม่รู้ตัว
ในกรอบแนวคิดของ Foucault คนไม่ได้มี "เจตจำนงเสรี" แบบที่เรามักจะเข้าใจ แต่การกระทำของเราถูกกำหนดโดยสภาพแวดล้อมทางสังคม ความรู้ที่เรารับรู้ และวิธีที่สังคมออกแบบการปฏิบัติตัวของบุคคลผ่านระเบียบแบบแผนต่างๆ ซึ่งทั้งหมดนี้มีผลกระทบต่อการตัดสินใจของเราอย่างมาก
2. อำนาจที่ซ่อนอยู่ในความรู้ (Power-Knowledge)
Foucault เชื่อว่า "อำนาจ" และ "ความรู้" (power-knowledge) ไม่สามารถแยกจากกันได้ ความรู้ที่เราเรียนรู้ในสังคม (เช่น ความรู้ในระบบการศึกษา การแพทย์ หรือวิทยาศาสตร์) มักจะมีจุดประสงค์ในการควบคุมพฤติกรรมและกำหนดกรอบการคิดที่สังคมคาดหวัง
ดังนั้น ความรู้และการศึกษาไม่ได้เป็นสิ่งที่ทำให้เรา "รู้จักตัวเอง" อย่างแท้จริง แต่กลับเป็นเครื่องมือในการควบคุมและกำหนดสิ่งที่เราคิดว่า "ถูกต้อง" หรือ "เหมาะสม" จากภายนอก
3. Biopower: การควบคุมชีวิตมนุษย์
Foucault เสนอแนวคิดที่เรียกว่า "biopower" (อำนาจชีวิต) ซึ่งหมายถึงการควบคุมและจัดการชีวิตมนุษย์ในด้านต่างๆ เช่น การจัดการสุขภาพ การควบคุมการเจริญพันธุ์ หรือการควบคุมการใช้ชีวิตประจำวัน โดยไม่ต้องใช้กำลังหรือการบังคับ แต่จะทำผ่านวิธีการที่ละเอียดและแทรกซึมเข้าไปในทุกแง่มุมของชีวิต
ในกรอบของ biopower, เจตจำนงเสรี ของบุคคลสามารถถูกควบคุมและกำหนดได้โดยการสร้างสภาพแวดล้อมที่บุคคลตัดสินใจในทางที่สังคมคาดหวังและสามารถมองว่าเป็น "การเลือก" ของตัวเอง
4. "เจตจำนงเสรี" และความต้านทาน
แม้ว่า Foucault จะไม่มองว่า มนุษย์มีเจตจำนงเสรีในแบบที่เราเข้าใจในสังคมตะวันตก (ซึ่งถือว่ามีการเลือกเสรีภายใต้กรอบทางจริยธรรมและกฎหมาย) แต่เขาก็ไม่ได้มองว่าเราเป็นแค่ผู้ถูกควบคุมโดยสิ่งแวดล้อมและอำนาจในแง่เดียว
Foucault เสนอว่า การต่อต้านอำนาจ ก็เป็นส่วนหนึ่งของการมีอำนาจ เช่น การตั้งคำถามหรือการท้าทายกับสิ่งที่สังคมมองว่าเป็น "ความจริง" หรือ "ความรู้" อาจเป็นวิธีหนึ่งที่แสดงให้เห็นถึงความสามารถของมนุษย์ในการต่อสู้กับอำนาจที่มีอยู่
ถึงแม้ว่าเราอาจจะไม่ได้มี เจตจำนงเสรีที่บริสุทธิ์ แต่ การตระหนักถึงอำนาจ และการต่อต้านมันสามารถเป็นการแสดงออกถึงการมีตัวตนและการเลือกของเราที่ไม่ถูกบังคับอย่างสิ้นเชิง
5. สรุป: เจตจำนงเสรีในมุมมองของ Foucault
ในที่สุด Foucault มองว่า เจตจำนงเสรี ของมนุษย์ไม่ได้เป็นสิ่งที่เป็นอิสระจากอำนาจหรือสังคม แต่เป็นผลลัพธ์จากกระบวนการของการควบคุมและการสร้างความหมายโดยสังคม เขาทำให้เราเห็นว่า ความคิดที่ว่ามนุษย์มีเจตจำนงเสรีนั้นอาจเป็นเพียงการเข้าใจผิด ที่ไม่ได้คำนึงถึงอำนาจที่กระจายไปทั่วทุกมุมมองของชีวิตและวิธีที่เราถูกควบคุมผ่าน "ความรู้" และ "วินัย"
อย่างไรก็ตาม Foucault ไม่ได้ปฏิเสธการมีตัวตนหรือการต่อต้านอำนาจ แต่เขาชี้ให้เห็นว่าเราไม่ได้มี "เจตจำนงเสรี" ในรูปแบบที่คิดกันทั่วไป แต่เรามี อำนาจในการตระหนักถึงสิ่งที่ควบคุมเรา และสามารถต่อต้านมันในบางกรณีได้
อ้างอิง
Michel Foucault, “The Subject and Power,” Critical Inquiry 8, no. 4 (1982): 777–95.
http://www.jstor.org/stable/1343197
ตัดแปะโดย เฉลิมชัย เอื้อวิริยะวิทย์
This essay was written by Michel Foucault in 1982 as an afterword to Michel Foucault: Beyond Structuralism and Hermeneutics by Hubert L. Dreyfus and Paul Rabinow
- “Why Study Power? The Question of the Subject” was written in English by Foucault;
- “How Is Power Exercised?” was translated from the French by Leslie Sawyer.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น