วันพุธที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2567

Situated Cognition

 


ความรู้ทางสังคมที่ถูกกำหนดโดยบริบท (Situated Cognition)

ในหนังสือ "Social Psychology: A Very Short Introduction" ของ Richard J. Crisp ได้กล่าวถึงแนวคิดเรื่อง "ความรู้ทางสังคมที่ถูกกำหนดโดยบริบท" (

Situated cognition

))
ซึ่งเป็นแนวคิดที่สำคัญในสาขาจิตวิทยาสังคม ความรู้ทางสังคมที่ถูกกำหนดโดยบริบท หมายถึง การที่การรับรู้ การคิด และการตัดสินใจของบุคคลในสังคมนั้นขึ้นอยู่กับสถานการณ์หรือบริบทแวดล้อมที่บุคคลอยู่ในขณะนั้น กล่าวคือ ความคิดและพฤติกรรมของมนุษย์ไม่ได้เกิดขึ้นในสุญญากาศ แต่จะถูกกำหนดและขัดเกลาโดยสภาพแวดล้อมทางสังคมที่บุคคลนั้นอยู่ ตัวอย่างเช่น ในสถานการณ์ที่มีความเครียด บุคคลอาจจะมีการรับรู้และการตัดสินใจที่แตกต่างไปจากสถานการณ์ปกติ หรือในสังคมที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม บุคคลจะมีมุมมองและทัศนคติที่แตกต่างกันออกไป เป็นต้น ดังนั้น การทำความเข้าใจพฤติกรรมของมนุษย์จึงต้องคำนึงถึงบริบททางสังคมและวัฒนธรรมที่บุคคลนั้นอยู่ด้วย มิใช่มองแค่ในระดับบุคคลเพียงอย่างเดียว ซึ่งแนวคิดนี้ช่วยให้เราเข้าใจพฤติกรรมของมนุษย์ได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น

“Situated cognition” หรือ "การรู้คิดที่อยู่ในบริบท" เป็นแนวคิดที่เน้นว่า การเรียนรู้และการรู้คิดของเราขึ้นอยู่กับบริบทและสถานการณ์ที่เราอยู่ ไม่ได้เกิดขึ้นในความว่างเปล่าหรือในทฤษฎีที่แยกออกจากประสบการณ์จริงของเรา

Humans are socially curious beings and learn mostly through social interaction with others. This social interaction involves context, culture, activity, discourse, people, and so on. Situated cognition is the study of human learning that takes place when someone is doing something in both the real and virtual world, and therefore learning occurs in a situated activity that has social, cultural, and physical contexts.

มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีความอยากรู้อยากเห็นทางสังคมและเรียนรู้ส่วนใหญ่ผ่านการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคมกับผู้อื่น การโต้ตอบทางสังคมนี้เกี่ยวข้องกับบริบท วัฒนธรรม กิจกรรม การสนทนา ผู้คน และอื่นๆ การรับรู้ตามสถานการณ์คือการศึกษาการเรียนรู้ของมนุษย์ที่เกิดขึ้นเมื่อมีคนกำลังทำบางอย่างในทั้งโลกแห่งความจริงและโลกเสมือน ดังนั้นการเรียนรู้จึงเกิดขึ้นในกิจกรรมตามสถานการณ์ที่มีบริบททางสังคม วัฒนธรรม และกายภาพ

Theoretical Background

Situated cognition is a theoretical approach to human learning that supports the idea that learning takes place when an individual is doing something. Situated cognition has been positioned as an alternative to information processing theory. Situated cognition theory promises to complete the symbolic-computation approach to cognition, as information processing theory neglects conscious reasoning and thought (Wilson and Myers 2000). Researchers...

การรับรู้ตามสถานการณ์เป็นแนวทางเชิงทฤษฎีต่อการเรียนรู้ของมนุษย์ที่สนับสนุนแนวคิดที่ว่าการเรียนรู้เกิดขึ้นเมื่อบุคคลกำลังทำบางอย่าง การรับรู้ตามสถานการณ์ได้รับการวางตำแหน่งเป็นทางเลือกแทนทฤษฎีการประมวลผลข้อมูล ทฤษฎีการรับรู้ตามสถานการณ์มีแนวโน้มที่จะทำให้แนวทางการคำนวณเชิงสัญลักษณ์สำหรับการรับรู้สมบูรณ์ เนื่องจากทฤษฎีการประมวลผลข้อมูลละเลยการใช้เหตุผลและการคิดอย่างมีสติ (Wilson and Myers 2000)

การศึกษาและการวิเคราะห์พฤติกรรมมนุษย์ควรพิจารณาถึงสิ่งแวดล้อมและบริบทที่คนอยู่ ซึ่งรวมถึงปัจจัยต่างๆ เช่น สถานการณ์ที่เฉพาะเจาะจง สภาพแวดล้อมทางสังคม และวัฒนธรรมที่มีอิทธิพลต่อการคิดและพฤติกรรมของบุคคล

วิธีคิดของผู้คนในบริบททางสังคมไม่ใช่ผลผลิตของการจัดเก็บ การนำเสนอแบบคงที่หรือกฎที่เรียนรู้ แต่สามารถเปลี่ยนแปลงโดยพื้นฐานขึ้นอยู่กับบริบทและกรอบอ้างอิง

'Situated cognition' หรือ "การรู้คิดเชิงสถานการณ์" เป็นแนวคิดที่เสนอว่าการคิดและการเรียนรู้ของมนุษย์นั้นไม่ได้เกิดขึ้นแยกขาดจากบริบทแวดล้อม แต่เกิดขึ้นภายใต้สถานการณ์และสภาพแวดล้อมทางสังคมและวัฒนธรรมที่เฉพาะเจาะจง

แนวคิดนี้เน้นว่า:

  1. การเรียนรู้และความเข้าใจของเราเกี่ยวกับโลกนั้นขึ้นอยู่กับสถานการณ์จริงที่เราประสบ
  2. ความรู้ไม่ได้เป็นเพียงข้อมูลในสมอง แต่เป็นผลจากปฏิสัมพันธ์ระหว่างบุคคลกับสิ่งแวดล้อม
  3. การคิดและการกระทำของเราได้รับอิทธิพลอย่างมากจากบริบททางสังคมและวัฒนธรรม
  4. การเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพมักเกิดขึ้นในสถานการณ์จริงหรือสถานการณ์จำลองที่ใกล้เคียงกับชีวิตจริง

ในบริบทของจิตวิทยาสังคม แนวคิดนี้ช่วยอธิบายว่าพฤติกรรมทางสังคมของเราไม่ได้เกิดจากกระบวนการคิดภายในเท่านั้น แต่ยังขึ้นอยู่กับสถานการณ์ทางสังคมที่เราอยู่ด้วย

โดยสรุป “situated cognition” ช่วยให้เราเข้าใจว่าความรู้และการคิดของเราไม่ใช่สิ่งที่แยกจากชีวิตจริง แต่เป็นสิ่งที่เชื่อมโยงและถูกกำหนดโดยบริบทที่เราต้องเผชิญในชีวิตประจำวัน.

Social cognition หรือ “การรู้คิดทางสังคม” เป็นกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับการรับรู้และการเข้าใจความคิด ความรู้สึก และพฤติกรรมของผู้อื่น รวมถึงการตีความและประเมินสถานการณ์ทางสังคมที่เราเผชิญอยู่ ในทางปฏิบัติ การศึกษาและใช้หลักการของ social cognition สามารถแบ่งออกเป็นขั้นตอนหลักๆ ดังนี้:

  1. การรับรู้ทางสังคม (Social Perception):

    • การสังเกต: การสังเกตพฤติกรรมและสัญญาณทางกายภาพ เช่น การแสดงออกทางสีหน้า การท่าทาง และการใช้ภาษากาย
    • การตีความ: การตีความและทำความเข้าใจสิ่งที่เราเห็นและได้ยิน เช่น การประเมินความตั้งใจหรืออารมณ์ของผู้อื่นจากพฤติกรรมที่สังเกตได้
  2. การจัดหมวดหมู่และการสร้างภาพลักษณ์ (Categorization and Impression Formation):

    • การจัดหมวดหมู่: การจัดกลุ่มหรือจัดหมวดหมู่บุคคลตามคุณลักษณะหรือประเภท เช่น การแยกแยะตามเพศ เชื้อชาติ หรือสถานะทางสังคม
    • การสร้างภาพลักษณ์: การสร้างภาพลักษณ์หรือความประทับใจแรกเริ่มเกี่ยวกับบุคคลจากข้อมูลที่เรามี เช่น การสร้างภาพลักษณ์ตามประสบการณ์ที่เราเคยมีหรือข้อมูลที่ได้รับ
  3. การคาดการณ์และการตัดสินใจ (Attribution and Judgment):

    • การอธิบายพฤติกรรม (Attribution): การวิเคราะห์และอธิบายสาเหตุที่ทำให้เกิดพฤติกรรม เช่น การตัดสินใจว่าพฤติกรรมของคนอื่นเกิดจากปัจจัยภายใน (เช่น บุคลิกภาพ) หรือปัจจัยภายนอก (เช่น สถานการณ์)
    • การตัดสินใจ: การตัดสินใจตามการประเมินและการคาดการณ์ที่เราทำ เช่น การตัดสินใจในการตอบสนองต่อพฤติกรรมของผู้อื่น
  4. การจัดการกับความรู้สึกและพฤติกรรม (Emotion and Behavior Regulation):

    • การจัดการอารมณ์: การควบคุมและจัดการความรู้สึกของตัวเองเพื่อให้สามารถปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นได้อย่างเหมาะสม
    • การปรับพฤติกรรม: การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของเราเพื่อให้เข้ากับสถานการณ์หรือความต้องการของกลุ่ม เช่น การปรับตัวให้เข้ากับบรรยากาศของกลุ่ม
  5. การทบทวนและการเรียนรู้ (Reflection and Learning):

    • การทบทวน: การประเมินผลลัพธ์จากการตัดสินใจและการปฏิสัมพันธ์ที่ผ่านมา เพื่อทำความเข้าใจสิ่งที่ได้ผลดีหรือไม่ดี
    • การเรียนรู้: การเรียนรู้จากประสบการณ์ที่ได้เพื่อปรับปรุงและพัฒนาการทำความเข้าใจและการปฏิสัมพันธ์ในอนาคต

ตัวอย่างการใช้ Social Cognition ในทางปฏิบัติ:

  • ในที่ทำงาน: การเข้าใจความรู้สึกและความต้องการของเพื่อนร่วมงานเพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดี และการจัดการกับความขัดแย้งอย่างมีประสิทธิภาพ
  • ในการสื่อสาร: การตีความความหมายที่ซ่อนอยู่ในข้อความและการใช้การรับรู้ทางสังคมเพื่อทำความเข้าใจและตอบสนองให้เหมาะสม
  • ในชีวิตส่วนตัว: การสร้างและรักษาความสัมพันธ์ที่ดีโดยการเข้าใจและตอบสนองต่ออารมณ์และความต้องการของคนรอบข้าง

การใช้หลักการของ social cognition ช่วยให้เราสามารถปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ทางสังคมต่างๆ ได้ดีขึ้น และสร้างปฏิสัมพันธ์ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นในชีวิตประจำวัน.

การรับรู้ทางสังคมในทางปฏิบัติคืออะไร? เราทำแบบนั้นตลอดแต่เราไม่รู้ตัว ตัวอย่างเช่น ลองนึกถึงกระบวนการทางจิตที่จะเริ่มเมื่อคุณตื่นขึ้นมาในเช้าวันพรุ่งนี้ บางทีคุณอาจเริ่มคิดถึงการนำเสนอที่คุณต้องเตรียมตัวสำหรับภายหลังในวันนั้น ทำไมคุณถึงต้องการเตรียมตัวสำหรับมัน? มีกฎที่ชัดเจนอยู่ นั่นคือสิ่งที่เจ้านายของคุณบอกให้คุณทำ แต่ก็มีกฎโดยนัยเช่นกันกฎที่เราไม่เห็นแต่มีผลอย่างมากต่อพฤติกรรมของเรา คุณจะไม่อยากดูโง่ต่อหน้าเพื่อนร่วมงาน (และนั่นเป็นอิทธิพลทางสังคม) ภาพใหญ่กว่านั้นคือคุณต้องการทำงานให้ดีเพื่อความก้าวหน้าในอาชีพการงาน ทำไมคุณถึงต้องการทำเช่นนี้? มันเป็นกุญแจสำคัญในแรงบันดาลใจของคุณ และคุณต้องการทำให้เพื่อนและครอบครัวของคุณภูมิใจ (การเห็นคุณค่าในตนเอง การเปรียบเทียบทางสังคม ซึ่งเป็นกระบวนการทางสังคม)

การรับรู้ทางสังคมมีผลแทบทุกจุดในสมัยของเรา ถึงแม้เราจะอยู่คนเดียวแต่เราก็คิดถึงคนอื่น 


ไม่มีความคิดเห็น: