วันพฤหัสบดีที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2567

how shortcuts are also used in forming impressions of others.


 การใช้ shortcuts หรือกลยุทธ์ที่ง่ายในการสร้างความประทับใจหรือการประเมินบุคคลอื่นเป็นกระบวนการที่ใช้ประโยชน์จาก heuristics หรือกฎเกณฑ์ที่ง่ายในการประมวลผลข้อมูลและตัดสินใจอย่างรวดเร็ว ต่อไปนี้คือวิธีที่พบบ่อยในการใช้ shortcuts ในการสร้างความประทับใจของผู้อื่น:

1. Halo Effect

  • คำอธิบาย: เมื่อเราประทับใจกับลักษณะหรือคุณสมบัติหนึ่งของบุคคล (เช่น ความสวยงาม หรือความสามารถ) เรามักจะให้คุณค่าที่สูงขึ้นกับลักษณะอื่นๆ ของบุคคลนั้นด้วย
  • ตัวอย่าง: ถ้าคุณพบว่าคนหนึ่งดูดีและเป็นมิตร คุณอาจจะคิดว่าคนคนนั้นมีความสามารถในการทำงานที่ดีและมีความสามารถในด้านอื่นๆ ด้วย

2. Stereotyping

  • คำอธิบาย: การใช้ความเชื่อหรือความคิดที่มีอยู่ล่วงหน้าเกี่ยวกับกลุ่มคนเพื่อประเมินหรือสร้างความประทับใจต่อบุคคล
  • ตัวอย่าง: การคิดว่าคนที่มาจากประเทศหรือวัฒนธรรมเฉพาะจะมีลักษณะหรือพฤติกรรมบางอย่างตามที่เราคาดหวัง

3. First Impressions

  • คำอธิบาย: การสร้างความประทับใจแรกเป็นสิ่งที่มีผลต่อการประเมินบุคคลในอนาคต เรามักจะให้ความสำคัญกับความประทับใจแรกที่เราได้รับ
  • ตัวอย่าง: หากการพบปะครั้งแรกของคุณกับคนหนึ่งเป็นไปในทางที่ดี คุณอาจจะมีแนวโน้มที่จะมองคนคนนั้นในแง่ดีต่อไป

4. Availability Heuristic

  • คำอธิบาย: การประเมินความน่าเชื่อถือหรือคุณสมบัติของบุคคลตามประสบการณ์หรือข้อมูลที่เรามีอยู่ในปัจจุบัน
  • ตัวอย่าง: ถ้าคุณมีประสบการณ์ที่ดีหรือได้ยินเกี่ยวกับคนคนนั้นจากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ คุณอาจจะประเมินคนคนนั้นในแง่ดี

5. Representativeness Heuristic

  • คำอธิบาย: การตัดสินบุคคลตามความคล้ายคลึงกับกลุ่มหรือประเภทที่เราคิดว่าคนคนนั้นเป็นสมาชิก
  • ตัวอย่าง: ถ้าคุณเจอคนที่มีลักษณะหรือพฤติกรรมที่ตรงกับที่คุณคิดว่าเป็นลักษณะของนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ คุณอาจจะคิดว่าคนคนนั้นเป็นนักธุรกิจที่ดีโดยไม่ต้องมีข้อมูลเพิ่มเติม

6. Self-fulfilling Prophecy

  • คำอธิบาย: ความคาดหวังหรือความเชื่อที่เรามีต่อบุคคลอาจส่งผลต่อพฤติกรรมของเราที่ทำให้คาดหวังนั้นเป็นจริง
  • ตัวอย่าง: ถ้าคุณเชื่อว่าคนหนึ่งจะทำงานได้ดี คุณอาจจะให้การสนับสนุนและทรัพยากรมากขึ้น ซึ่งอาจทำให้เขาหรือเธอทำงานได้ดีขึ้นจริงๆ

7. Affect Heuristic

  • คำอธิบาย: การตัดสินใจหรือการสร้างความประทับใจที่เกิดจากอารมณ์หรือความรู้สึกที่เรามีต่อบุคคล
  • ตัวอย่าง: หากคุณรู้สึกดีและมีความรู้สึกบวกต่อบุคคลนั้น คุณอาจจะประเมินเขาหรือเธอในแง่ดีมากขึ้น

การใช้ shortcuts เหล่านี้ช่วยให้เราสามารถประเมินและสร้างความประทับใจของผู้อื่นได้อย่างรวดเร็ว แต่ก็อาจทำให้เราพลาดข้อมูลที่สำคัญหรือทำให้เกิดความผิดพลาดในกระบวนการประเมิน ดังนั้นการตระหนักถึงการใช้ shortcuts เหล่านี้สามารถช่วยให้เรามีความเข้าใจที่ดีขึ้นและลดความผิดพลาดในการตัดสินใจ

การศึกษาและนำหลักการการสร้างความประทับใจหรือ "forming impressions of others" ไปใช้ในทางปฏิบัติ สามารถทำได้โดยการใช้หลักการและขั้นตอนที่ได้มาจากทฤษฎีทางจิตวิทยาสังคม ต่อไปนี้เป็นแนวทางและขั้นตอนที่สามารถนำไปใช้ได้:

1. การรับรู้และสังเกตข้อมูล การรับรู้บุคคลหมายถึงกระบวนการทางจิตที่เราใช้ในการตัดสินและสรุปเกี่ยวกับลักษณะของบุคคลอื่น การรับรู้บุคคลเป็นกระบวนการเชิงรุกและเชิงอัตวิสัยที่เกิดขึ้นเสมอในบริบทระหว่างบุคคลนั่นคือ สถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับปฏิสัมพันธ์ระหว่างบุคคลสองคนขึ้นไป (Macrae & Quadflieg, 2010; Smith & Collins, 2009)

หลักการ:

  • การสังเกต (Observation): การรับรู้ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลจากการแสดงออกทางกายภาพ ท่าทาง การพูด และพฤติกรรม
  • ความสำคัญของสัญญาณทางกาย (Non-verbal Cues): การตีความสัญญาณทางกายเช่น การแสดงออกทางสีหน้าและภาษากายมีผลต่อการสร้างความประทับใจ

ขั้นตอน:

  • สังเกตลักษณะของบุคคล: สังเกตการแสดงออกทางสีหน้า ท่าทาง และการเคลื่อนไหว
  • ตรวจสอบความสอดคล้อง: ตรวจสอบว่าความรู้สึกและพฤติกรรมที่สังเกตได้สอดคล้องกับข้อมูลที่ได้ยินหรือไม่

Person Perception

FORMING IMPRESSIONS OF OTHER PEOPLE หลักการสำคัญสี่ประการเป็นแนวทางในการรับรู้ของบุคคลและมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของคุณ (ดู Ambady & Skowronski, 2008; Zebrowitz & Montepare, 2006) ให้เราอธิบายหลักการเหล่านั้นโดยใช้สถานการณ์รถไฟใต้ดิน

หลักการที่ 1 ปฏิกิริยาของคุณต่อผู้อื่นนั้นถูกกำหนดโดยการรับรู้ของคุณที่มีต่อพวกเขา ไม่ใช่ว่าพวกเขาเป็นใครกันแน่ บนรถไฟใต้ดิน คุณเลือกที่จะไม่นั่งข้างผู้ชายร่างใหญ่ที่หน้าบูดบึ้งทันที เพราะอะไรน่ะเหรอ ก็เพราะคุณมองว่าเขาเป็นภัยคุกคาม แน่นอนว่าเขาอาจเป็นคนขายดอกไม้ที่บูดบึ้งเพราะกลับบ้านดึกก็ได้

หลักการที่ 2 การรับรู้ตนเองยังส่งผลต่อการรับรู้ผู้อื่นและการกระทำต่อการรับรู้ของตนเองอีกด้วยการตัดสินใจเลือกที่นั่งยังได้รับอิทธิพลจากการรับรู้ตนเองด้วย (Macrae & Quadflieg, 2010) ตัวอย่างเช่น หากคุณคิดว่าตัวเองดูน่าเกรงขาม คุณอาจไม่รังเกียจที่จะนั่งข้างๆ คนตัวใหญ่ที่มีสีหน้าบูดบึ้ง

หลักการที่ 3 เป้าหมายของคุณในสถานการณ์ใดสถานการณ์หนึ่งจะกำหนดปริมาณและประเภทของข้อมูลที่คุณรวบรวมเกี่ยวกับผู้อื่นหากเป้าหมายของคุณคือการนั่งรถไฟใต้ดินร่วมกับคนที่ไม่ยุ่งกับคุณ คุณจะต้องมองหาลักษณะเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับเป้าหมายนั้น เช่น อาจเป็นใครสักคนที่สวมหูฟังสีขาวที่บ่งบอกว่ากำลังฟังเพลงอยู่ (Goodwin & others, 2002; Hilton, 1998)

หลักการที่ 4 ในทุกสถานการณ์ คุณจะประเมินผู้คนบางส่วนในแง่ของการที่คุณคาดหวังให้พวกเขาปฏิบัติตัวอย่างไรในบริบทนั้นๆไม่ว่าคุณจะอยู่ในห้องเรียน ร้านอาหาร หรือห้องน้ำสาธารณะ พฤติกรรมของคุณจะถูกควบคุมโดยบรรทัดฐานทางสังคมซึ่งก็คือ “กฎ” ที่ไม่ได้เขียนไว้ หรือความคาดหวังสำหรับพฤติกรรมที่เหมาะสมในสถานการณ์ทางสังคมนั้นๆ (Milgram, 1992) ตัวอย่างเช่น ในรถไฟใต้ดิน คุณจะไม่นั่งข้างใครก็ตามเมื่อมีที่นั่งว่าง และคุณจะไม่อ่านข้อความของเพื่อนร่วมที่นั่ง การฝ่าฝืนบรรทัดฐานทางสังคมเหล่านี้จะดึงดูดความสนใจจากผู้อื่น ดังเช่นในภาพการ์ตูนทางด้านขวา!

หลักเกณฑ์ทั้งสี่ข้อนี้แสดงให้เห็นก็คือ การรับรู้บุคคลนั้นมีพื้นฐานอยู่บนปฏิสัมพันธ์ระหว่างองค์ประกอบทั้งสี่ประการ ได้แก่ การรับรู้ที่เรามีต่อผู้อื่น การรับรู้ตนเอง เป้าหมายของเรา และบรรทัดฐานทางสังคมในบริบทนั้น

2. การตีความและการจัดหมวดหมู่

หลักการ:

  • การตีความ (Interpretation): การตีความหมายจากข้อมูลที่ได้รับเพื่อสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับบุคคล
  • การจัดหมวดหมู่ (Categorization): การจัดกลุ่มบุคคลตามคุณลักษณะหรือประเภทที่รู้จัก เช่น การแบ่งตามเพศ เชื้อชาติ หรือสัญชาติ

ขั้นตอน:

  • สร้างความเข้าใจ: ใช้ข้อมูลที่สังเกตได้เพื่อประเมินความรู้สึก ความตั้งใจ หรือทัศนคติของบุคคล
  • จัดกลุ่มและประเมิน: จัดกลุ่มบุคคลตามลักษณะทั่วไปและประเมินว่าข้อมูลใดที่ใช้ในการตัดสินใจ

3. การประเมินและการตัดสินใจ

หลักการ:

  • การอธิบายพฤติกรรม (Attribution Theory): การตัดสินใจว่าพฤติกรรมของบุคคลเกิดจากปัจจัยภายในหรือภายนอก
  • การตัดสินใจ (Judgment): การตัดสินใจเกี่ยวกับบุคคลจากข้อมูลและการตีความ

ขั้นตอน:

  • วิเคราะห์พฤติกรรม: พิจารณาว่าพฤติกรรมของบุคคลเป็นผลมาจากปัจจัยภายในหรือสถานการณ์ภายนอก
  • ทำการตัดสินใจ: ตัดสินใจเกี่ยวกับความคิดเห็นหรือท่าทีที่เหมาะสมต่อบุคคล

4. การปรับพฤติกรรมและการสื่อสาร

หลักการ:

  • การปรับพฤติกรรม (Behavioral Adjustment): การปรับตัวให้เข้ากับความรู้สึกและการตอบสนองที่ได้รับ
  • การสื่อสาร (Communication): การใช้การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพเพื่อแสดงออกถึงความเข้าใจและการตอบสนองที่เหมาะสม

ขั้นตอน:

  • ปรับพฤติกรรมของตน: ปรับพฤติกรรมของตนเองเพื่อให้สอดคล้องกับความเข้าใจที่มีต่อบุคคล
  • ใช้เทคนิคการสื่อสาร: ใช้การสื่อสารที่ชัดเจนและตรงไปตรงมาเพื่อหลีกเลี่ยงความเข้าใจผิดและสร้างความสัมพันธ์ที่ดี

5. การทบทวนและเรียนรู้

หลักการ:

  • การทบทวน (Reflection): การประเมินผลลัพธ์จากการสร้างความประทับใจและการปฏิสัมพันธ์
  • การเรียนรู้ (Learning): การเรียนรู้จากประสบการณ์เพื่อปรับปรุงและพัฒนาการสร้างความประทับใจในอนาคต

ขั้นตอน:

  • ทบทวนผลลัพธ์: ประเมินความสำเร็จหรือความล้มเหลวในการสร้างความประทับใจและการปฏิสัมพันธ์
  • เรียนรู้จากประสบการณ์: ใช้ข้อมูลที่ได้รับเพื่อปรับปรุงการสร้างความประทับใจและทักษะทางสังคมในอนาคต

Solomon Asch แสดงให้เห็นว่าผู้คนมีอคติอย่างไม่น่าเชื่อในข้อมูลที่พวกเขาจำเกี่ยวกับใครบางคนในการพบกันครั้งแรกได้อย่างไร

การทดลองพบว่าแม้การเปลี่ยนแปลงของข้อมูลเพียงเล็กน้อยก็สามารถมีผลกระทบที่สำคัญต่อการสร้างความประทับใจและการตัดสินใจของผู้เข้าร่วม

การรับรู้และความประทับใจของบุคคลอาจถูกเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญเพียงแค่การเปลี่ยนแปลงในลักษณะของข้อมูลที่มีการให้

การทดลองของ Asch แสดงให้เห็นถึง “primacy effect” ซึ่งหมายถึงอิทธิพลของข้อมูลแรกที่เราพบเจอที่มีต่อการประเมินและความประทับใจที่เราสร้างขึ้น

ข้อมูลแรกที่ได้รับจะมีอิทธิพลอย่างมากต่อการประเมินและการตัดสินใจเกี่ยวกับบุคคล แม้ว่าข้อมูลใหม่จะขัดแย้งกับข้อมูลเดิมก็ตาม

ความปรารถนาของเราที่จะสร้างโครงสร้างและความหมายนั้นแพร่หลายมากจนเราเริ่มทำมันทันทีเมื่อเราเริ่มได้รับข้อมูล สิ่งที่เกิดขึ้นคือข้อมูลที่ได้รับในตอนแรกจะสร้างโครงสร้างที่กรองข้อมูลที่เหลือ ซึ่งนำไปสู่สิ่งที่เรียกว่าอคติในการยืนยัน ตัวอย่างเช่น หากคุณสร้างความประทับใจให้ใครบางคนว่า 'ขยัน' แล้วพวกเขาแสดงพฤติกรรมดื้อรั้น คุณก็อาจจะตีความสิ่งนี้ว่า 'มั่นคงและเด็ดเดี่ยว' ได้มากกว่า ในทางตรงกันข้าม หากความประทับใจแรกของคุณคือ 'อิจฉา' พฤติกรรมดื้อรั้นก็มีแนวโน้มที่จะถูกตีความว่าเป็น 'ใจแคบ' และ 'เข้มงวด' การวิจัยครั้งนี้ “Asch’s Impression Formation Studies”ชี้ให้เห็นว่าการแสดงครั้งแรกมีความสำคัญจริงๆ!

การสร้างความประทับใจหรือ "forming impressions of others" เป็นหัวข้อที่สำคัญในจิตวิทยาสังคมและมีการศึกษาอย่างกว้างขวางในวงการวิจัย มีหนังสือและบทความทางวิชาการหลายเล่มที่สำรวจและอธิบายกระบวนการนี้อย่างละเอียด นี่คือบางเล่มและบทความที่เป็นที่รู้จักและอ้างอิงได้:

หนังสือ:

  1. "Social Psychology" (11th Edition) by David Myers and Jean Twenge

    • รายละเอียด: หนังสือเล่มนี้มีบทที่ครอบคลุมเกี่ยวกับการสร้างความประทับใจและการรับรู้ของคนอื่น รวมถึงกระบวนการที่เกี่ยวข้องและทฤษฎีต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง
    • ลิงก์: Social Psychology by David Myers
  2. "The Social Animal" by Elliot Aronson

    • รายละเอียด: หนังสือคลาสสิกในจิตวิทยาสังคมที่ครอบคลุมหลากหลายแง่มุมของการรับรู้และการตีความพฤติกรรมของคนอื่น รวมถึงวิธีการที่เราสร้างความประทับใจและการสร้างความคิดเห็น
    • ลิงก์: The Social Animal by Elliot Aronson
  3. "Social Cognition: Understanding Self and Others" by David M. Mackie and John M. Claypool

    • รายละเอียด: หนังสือที่เน้นการศึกษากระบวนการทางจิตวิทยาที่เกี่ยวข้องกับการรับรู้ตนเองและผู้อื่น การสร้างความประทับใจเป็นหัวข้อหลักในหนังสือ
    • ลิงก์: Social Cognition by Mackie & Claypool

บทความทางวิชาการ:

  1. "The Role of Impressions in Social Judgment: A Review of Research" by John H. R. Ziegler and Patricia G. Devine

    • รายละเอียด: บทความนี้ทบทวนการวิจัยเกี่ยวกับบทบาทของความประทับใจในการตัดสินทางสังคม การสร้างความประทับใจมีผลอย่างไรต่อการตัดสินใจและพฤติกรรม
    • ลิงก์: The Role of Impressions in Social Judgment
  2. "First Impressions: The Role of Facial Appearance in Social Judgment" by Alexander Todorov and Susan T. Fiske

    • รายละเอียด: บทความนี้สำรวจบทบาทของลักษณะใบหน้าที่มีต่อการสร้างความประทับใจแรกพบและการตัดสินใจเกี่ยวกับผู้อื่น
    • ลิงก์: First Impressions: The Role of Facial Appearance
  3. "Impression Formation and the Development of Social Schemata" by Susan Fiske and Steven Neuberg

    • รายละเอียด: บทความนี้พูดถึงกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับการสร้างความประทับใจและการพัฒนาของ "social schemata" หรือกรอบความคิดที่เรามีเกี่ยวกับผู้อื่น
    • ลิงก์: Impression Formation and Social Schemata

ไม่มีความคิดเห็น: