วันเสาร์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562

Everything is F*cked: Mark Manson



1. มันไม่มีหรอก “สิ่งสำคัญของชีวิต” น่ะ คือเราไปให้ความหมายกับสิ่งที่เราคิดว่ามันสำคัญ แต่จริง ๆ แล้ว มันไม่ได้มีความสำคัญด้วยตัวของมันเองหรอก เพราะ “ความสำคัญ” มันคือความคิดของเราเอง ดังนั้นสรุปง่าย ๆ คือตัวเราน่ะ ไม่มีความหมายอะไรหรอก และมันก็ไม่ใช่สิ่งผิดปกติด้วย
2. การที่เราบอกตัวเองว่า “เราสำคัญ” เป็นสิ่งที่โกหก และความหวังไม่สามารถสร้างจากการโกหกได้ ดังนั้นถ้าเราอยากมีความหวังที่แท้จริง เราต้องยอมรับก่อนว่า ตัวเราน่ะไม่ได้สำคัญอะไรเลย นั่นแหละเราถึงจะมีความหวัง
3. มีใครหลาย ๆ คนบอกว่า ตอนนี้ “ดีขึ้น” กว่าในอดีตตั้งเยอะ แต่แท้จริงแล้วไม่ใช่ อย่างน้อยก็เรื่องของ ความซึมเศร้า หรือ ความโดดเดี่ยว ที่เกิดขึ้นในสังคมเราในปัจจุบัน
4. ถ้าเราอยากสร้างหรืออยากมี “ความหวัง” เราต้องมี 3 อย่าง ได้แก่ 1) ความรู้สึกว่าเราควบคุมชีวิตเราได้ 2) ความเชื่อของคุณค่าของบางสิ่งที่มันคุ้มที่เราจะไขว่คว้า และ 3) สังคมที่มีคนอื่นที่เชื่อเหมือนกับเราเชื่อ
5. อย่าพยายามไปเปลี่ยนตัวเอง เหมือนกับที่หนังสือพวกพัฒนาตัวเองชอบบอก เพราะยิ่งเราพยายามมาก แล้วเราล้มเหลว เราก็จะยิ่งเจ็บปวด
6. ความเจ็บปวดเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ดังนั้น อย่าพยายามไปกำจัดมัน ยิ่งเราไปกำจัดความเจ็บปวดออก ตัวเรานี่แหละจะไปหาความเจ็บปวดอันใหม่เข้ามาแทน อย่าไปคิดว่า “เราต้องมีความสุขตลอดเวลา”
7. แทนที่เราจะมานั่งจินตนาการว่า “เรารวย” เหมือนที่หนังสือหลาย ๆ เล่มบอก ให้เราจินตนาการว่า “เราไม่รวย และ เราก็ไม่เห็นเป็นอะไร” จะดีกว่า
8. ถ้าอยากจะสร้างลัทธิของตัวเองขึ้นมา เราทำได้ง่าย ๆ คือ “ขายความหวัง ให้กับคนที่หมดหวัง” (อันนี้คือคนเขียนออกแนวประชดประชันมากกว่าจะเป็นคำแนะนำ)
สำหรับความเห็นของผม หนังสือเล่มนี้อ่านไม่ง่าย ต้องคิดตามตลอด มีความเห็นด้วยบ้าง ขัดแย้งบ้าง แต่ก็คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์ หากมีเวลานั่งอ่านเงียบ ๆ เพราะต้องใช้สมาธิเยอะพอสมควรครับ แต่เป็นหนังสือที่น่าสนใจอีกเล่มหนึ่ง
https://www.nopadolstory.com/book-review/everything-is-fucked/
อ่านบทความอื่น ๆ ได้ที่ www.NopadolStory.com 

1. ตรรกะอย่างเดียว ไม่ช่วยให้เรามีการตัดสินใจที่ดีที่สุดได้

หลายคนอาจจะเข้าใจว่าการตัดสินใจ (รวมถึงการใช้ชีวิตทั่วๆ ไป) ต้องใช้ตรรกะและเหตุผลอย่างเดียว แต่จริงๆ แล้วการตัดสินใจที่ดีที่สุดต้องอาศัยทั้งตรรกะและความรู้สึกไปพร้อมๆ กัน เหมือนเวลาที่เราอยากเลิกกินน้ำอัดลม สมองส่วนตรรกะจะสั่งให้เราเลิก โดยบอกว่าน้ำอัดลมไม่ดีต่อสุขภาพ แต่การตัดสินใจว่าสิ่งใดดีหรือไม่ดีนั้น ส่วนใหญ่มาจากการสั่งการของสมองในส่วนของอารมณ์และความรู้สึก ฉะนั้นแล้วการตัดสินใจจะต้องใช้ทั้งสองส่วนร่วมกันในสัดส่วนที่พอดี


2. ความหวังไม่ได้ช่วยแก้ปัญหา แต่สิ่งที่ช่วยแก้ปัญหาคือการยอมรับ และการอยู่อย่างมีหลักการ

หากเราเริ่มมีความหวัง นั่นหมายความว่าตอนนั้นเราไม่มีความสุข เพราะความสุขของเราถูกฝากไว้ในอนาคตว่าสักวันมันจะดีขึ้น ความหวังจึงเป็นความสุขปลอมๆ ที่เราสร้างขึ้นมา และไม่ได้ช่วยแก้ไขปัญหาได้จริง สิ่งสำคัญคือการมีสติ ตระหนักรู้ ยอมรับ และเข้าใจสิ่งต่างๆ การตื่นจากโลกแห่งความหวังว่าทุกอย่างจะต้องดีขึ้น มาอยู่กับโลกแห่งความเป็นจริง จะช่วยทำให้เราสามารถจัดการชีวิตได้ดีขึ้น และมีความสุขมากขึ้นในปัจจุบันขณะ

3. สุขภาพจิตที่ดี ไม่ได้เกิดจากการหาความสุขให้ตัวเอง แต่เกิดจากการปลดปล่อยอิสรภาพจากการยึดติด

เมื่อเรามีความทุกข์ ไม่ว่าเป็นความเครียดจากเรื่องงาน เรื่องเงิน เรื่องครอบครัว เรื่องความรัก หรือเรื่องอะไรก็ตาม เรามักจะพยายามหาความสุขให้ตัวเองด้วยการปรนเปรอตัวเอง เช่น เครียดจากเรื่องงาน เลยต้องออกไปช้อปปิ้ง หรือเครียดที่เลิกกับแฟน เลยไปเที่ยว หาของกินอร่อยๆ หรือเครียดเรื่องครอบครัว เลยดูหนัง เล่นมือถือทั้งวันไม่สนใจใคร แต่วิธีการเหล่านี้ เป็นวิธีการที่ผิด เพราะเราได้ยึดติด และผูกติดความสุขไว้กับสิ่งหนึ่งๆ การแก้ปัญหาจริงๆ คือการปลง พยายามปลดปล่อยตัวเองออกจากสิ่งที่ยึดติดเหล่านั้น เมื่อเราไม่ต้องยึดติด และไม่ต้องพึ่งพิงใคร หรือสิ่งใด เพื่อให้เรามีความสุข เราจะมีความสุขขึ้นเอง







ที่มา: หนังสือ Everything is fucked.
เรียบเรียงโดย: ศตวรรษ คีรีวัน

ไม่มีความคิดเห็น: