นิทานล้านบรรทัด
โลกที่ไม่มีบันได
ประภาส ชลศรานนท์
ละครเวทีเรื่องนี้มีฉากที่แปลกกว่าทุกเรื่องที่ผมเคยดูมา
ด้วยส่วนใหญ่ของละครเวทีแทบทุกเรื่อง ถ้าไม่เป็นละครประเภทฉากเดียว
ก็มักจะมีฉาก 2 ฉากที่มีสถานะอยู่ตรงข้ามกัน
ถ้าเป็นละครแบบเปลี่ยนฉากได้ ก็มักจะออกแบบแบ่งเวทีออกเป็น 2 ฝั่งซ้ายและขวา ทำไว้ทั้ง 2ฉาก
2 ฉากที่ว่านี้ ถ้าไม่เป็นฉากเมือง 2 เมือง ก็มักเป็นฉากเมืองกับฉากป่า หรือไม่ก็เป็นฉากบ้านคนรวยกับบ้านคนจน
แต่ฉากละครเรื่องโลกที่ไม่มีบันไดนี้ กลับแบ่งเป็นฉาก 2 ฉากที่ไม่เหมือนละครเวทีเรื่องอื่น
นั่นคือ แบ่งเป็นด้านล่างกับด้านบน และก็แบ่งเส้นนี้ยาวตลอดแนวเวที
ทั้ง 2 ฉากที่แบ่งเป็นล่างกับบนนี้สร้างต่อกันเป็นฉากเดียวกัน ด้วยโครงสร้างเดียวกัน
ตัวละครที่แสดงอยู่ทั้ง 2 ฉากสามารถเดินเหินอย่างสะดวกสบายทั้ง 2 ชั้น
และก็สามารถส่งเสียงพูดคุยโต้ตอบกันได้
เนื้อเรื่องของละครเรื่อง 'โลกที่ไม่มีบันได' ก็เป็นอย่างที่ชื่อเรื่องบอกนั่นแหละครับ
นั่นคือเป็นโลกสมมติ เป็นดินแดนสมมติดินแดนหนึ่ง ซึ่งบอกไม่ได้ว่าเป็นยุคไหน ประเทศไหน
รู้แต่เพียงว่าดินแดนนี้เขาแบ่งผู้คนออกเป็น 2 ชั้น นั่นคือผู้คนชั้นบนกับผู้คนชั้นล่างตามฉากที่เขาสร้างขึ้นมา
และแน่นอน ในฉากหรือดินแดนที่ว่านี้ ไม่มีบันไดให้ตัวละครเดินขึ้นเดินลงตามชื่อเรื่องเลย
ตัวละครที่อยู่ทั้ง 2 ชั้น ตะโกนพูดคุยกันได้ ดูจากบทเจรจาแล้ว ก็พอสังเกตได้ว่า
ผู้คนชั้นบนเป็นผู้คนที่มีฐานะสูงกว่าผู้คนชั้นล่าง รวมไปถึงกิริยาท่าทางพินอบพิเนาของผู้คนชั้นล่างต่อผู้คนชั้นบนก็แสดงออกอย่างนั้น
ละครองก์แรกก็ดำเนินไปด้วยความสนุก ด้วยความแตกต่างและความเหมือนของผู้คนทั้งสองชั้น
บทละครถูกเขียนขึ้นเพื่อประชดประชันความเลื่อมล้ำต่ำสูงของคน 2 ชั้นอยู่ตลอดเวลา
หลายครั้งที่คนดูหัวเราะสนุกไปกับการสนทนากันของตัวละครทั้งสองฐานะ ทั้งท่าทางการโหนตัวลงมาชั้นล่างของพ่อพระเอก ทั้งการพยายามปีนป่ายของตัวตลกที่จะปีนขึ้นไปเพื่อเช็ดรองเท้าให้เหล่าอำมาตย์
หรือแม้แต่ตอนที่ผู้นำของเมืองจะลงมาชั้นล่าง ก็ต้องวุ่นวายกันไปทั้งฉาก เพราะต้องตั้งแถวทหารเพื่ออุ้มผู้นำส่งต่อลงมายังดินแดนชั้นล่าง
ก่อนจะจบองก์แรกของละครเพื่อพักครึ่งการแสดง พ่อของพระเอกที่ดำเนินเรื่องมาตลอดด้วยบุคลิกที่คิดอะไรแปลกกว่าชาวบ้าน ก็ค้นพบสิ่งประดิษฐ์ใหม่ พอเดาออกใช่ไหมครับว่าคืออะไร
ถูกต้องครับ บันได นั่นเอง
พ่อพระเอกค้นพบว่า ถ้าเอาก้อนหินมาว่าเรียงกันเป็นขั้นๆ มันจะทำให้เขาก้าวเดินขึ้นไปยังดินแดนชั้นบนได้อย่างสบายโดยไม่ต้องปีน ถึงตอนนี้เพลงที่เล่นประกอบก็ดังกระหึ่มขึ้น
เพื่อสรรเสริญการค้นพบอันยิ่งใหญ่ของพ่อพระเอก
ไม่รู้สิครับ ฟังแล้วไม่รู้ว่ามันยิ่งใหญ่หรือขำกันแน่
ดูฉากนี้แล้วจู่ๆ ผมก็ดันไพล่ไปนึกถึงเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ตอนที่กาลิเลโอทำการทดลองทิ้งหิน 2 ก้อนลงมาจากหอเอนปิซ่า
เมื่อพ่อพระเอกประดิษฐ์บันไดขึ้นมาได้ ผู้คนทั้ง 2 ชั้นก็ดีใจกันใหญ่ ต่างเลี้ยงฉลองกับสิ่งประดิษฐ์นี้อย่างครึกโครม ฉากร้องรำทำเพลงทำได้อย่างสนุกสนาน ผู้นำของเมืองถึงกับประกาศแต่งตั้งพ่อของพระเอกเป็นวีรบุรุษของเมืองเลยทีเดียว
แล้วละครก็พักครึ่งการแสดง
ผมรีบออกจากโรงละครเพื่อเข้าห้องน้ำ ด้วยอยากทำเวลาให้เร็วที่สุดเพื่อจะได้กลับมาดูองก์สองต่อให้ทัน แล้วก็เลยได้เห็นห้องน้ำของโรงละครเวทีที่แปลกประหลาดที่สุดเท่าที่เคยมีมา
ห้องน้ำหญิงของโรงละครเรื่องนี้ ไม่มีแถวยาวของคุณสุภาพสตรีเข้าแถวรอคิวเหมือนโรงละครอื่นเลย ที่นี่เขาทำห้องน้ำหญิงให้มีขนาดใหญ่เพื่อบรรจุจำนวนห้องน้ำให้มากกว่าห้องน้ำผู้ชาย
ผมเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมคนออกแบบห้องน้ำของโรงมหรสพทั่วๆไปชอบออกแบบให้ห้องน้ำชายหญิงมีขนาดเท่ากัน
ทั้งๆที่ปริมาณคนดูมหรสพนั้น ผู้หญิงมีมากกว่าผู้ชาย และผู้หญิงก็ใช้เวลาในห้องน้ำมากกว่าผู้ชาย ทั้งเรื่องความสะอาดและการดูแลความสวยความงามของผู้หญิง
หลังจากพักครึ่ง องก์สองของละครก็ดำเนินต่อด้วยการเล่าเรื่องของการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในดินแดนแห่งนี้นับตั้งแต่มีบันได บันไดได้เริ่มถูกสร้างเพิ่มขึ้นมากมาย
ทั้งบันไดลิงและบันไดขั้นแบบเดินก้าว มีทั้งบันไดวน และบันไดหักศอก ละครเล่าด้วยการร้องเพลงเพื่อบอกว่าผู้คนทั้งสองฐานะเข้าถึงกันเพราะบันได
เนื้อเพลงร้องประมาณว่า พวกเขารู้จักกันมากขึ้น เริ่มพูดคุยกันแบบไม่ต้องตะโกนก็ได้แล้ว เริ่มสังสรรค์กัน เริ่มทะเลาะกัน สุดท้ายหนุ่มสาวจากต่างฐานันดรก็เริ่มมีความรักต่อกัน
และหนุ่มสาวคู่นั้นก็ใช่ใครที่ไหน ลูกชายของวีรบุรุษผู้ประดิษฐ์บันไดกับลูกสาวของผู้นำเมืองนั่นเอง
ฟังๆดูแล้ว ทุกอย่างน่าจะไปได้ดี
แล้วละครก็มาถึงจุดวิกฤติ ผู้นำของเมืองไม่พอใจพระเอกที่เป็นลูกชายวีรบุรุษนักประดิษฐ์
ด้วยอยากให้ลูกสาวของตัวเองแต่งงานกับอำมาตย์หนุ่มอีกคน
จึงหาทางใส่ร้ายพ่อพระเอกว่าเป็นปีศาจร้ายที่นำ ' บันได ' สิ่งประดิษฐ์ที่มาจากนรก
เพราะบันไดทำให้คนชั้นบนถูกคนชั้นล่างพูดคุยและหลอกลวง บันไดทำให้คนชั้นล่างสามารถเดินขึ้นไปก่ออาชญากรรมกับคนชั้นบนได้ง่าย
พ่อพระเอกถูกจับขังคุกรอการประหารชีวิต จากวีรบุรุษกลายเป็นกบฏ และกลายเป็นพ่อมดในชั่วข้ามคืน ตัวพระเอกเองก็ต้องหนีหัวซุกหัวซุนหลบหนีการตามล่า เพราะถูกกล่าวอ้างว่าเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด
ฉากที่สวยงามมากบนเวทีคือตอนที่บันไดทั้งหมดในเมืองที่เพิ่งถูกสร้างขึ้น ถูกเอามากองไว้กลางเมืองและก็จุดไฟเผาทิ้ง
ถึงตอนนี้ ทั้งเมืองก็เหลือเพียงบันไดไม้ไผ่ที่พระเอกหอบหิ้วหนีมาที่เชิงเขา และเขาก็ใช้มันปีนหนีทหารขึ้นไปหลบในถ้ำบนภูเขาสูง
เนื้อเรื่องของละครจะเป็นอย่างไรต่อไปขอไม่เล่า พระเอกของเราใช้บันไดเพื่อไปช่วยพ่อ และพานางเอกหนีออกมาอย่างไรก็ไม่ขอเล่า
ที่ไม่เล่านั้นไม่ใช่เพราะกลัวจะสปอยท่านผู้อ่านเสียก่อน แต่ยังเล่าไม่ได้เพราะละครเรื่องนี้ยังไม่มีใครนำไปสร้าง เรื่องทั้งหมดที่ผมเล่านี้เป็นเรื่องที่ผมคิดผมฝันขึ้นมาเล่นๆ
และเช่นกัน โรงละครที่ห้องน้ำหญิงมีมากพอสำหรับคนดูแบบนี้ก็ยังไม่มีใครสร้าง ผมคิดฝันขึ้นมาเล่นๆเหมือนกัน
ประภาส ชลศรานนท์
ละครเวทีเรื่องนี้มีฉากที่แปลกกว่าทุกเรื่องที่ผมเคยดูมา
ด้วยส่วนใหญ่ของละครเวทีแทบทุกเรื่อง ถ้าไม่เป็นละครประเภทฉากเดียว
ก็มักจะมีฉาก 2 ฉากที่มีสถานะอยู่ตรงข้ามกัน
ถ้าเป็นละครแบบเปลี่ยนฉากได้ ก็มักจะออกแบบแบ่งเวทีออกเป็น 2 ฝั่งซ้ายและขวา ทำไว้ทั้ง 2ฉาก
2 ฉากที่ว่านี้ ถ้าไม่เป็นฉากเมือง 2 เมือง ก็มักเป็นฉากเมืองกับฉากป่า หรือไม่ก็เป็นฉากบ้านคนรวยกับบ้านคนจน
แต่ฉากละครเรื่องโลกที่ไม่มีบันไดนี้ กลับแบ่งเป็นฉาก 2 ฉากที่ไม่เหมือนละครเวทีเรื่องอื่น
นั่นคือ แบ่งเป็นด้านล่างกับด้านบน และก็แบ่งเส้นนี้ยาวตลอดแนวเวที
ทั้ง 2 ฉากที่แบ่งเป็นล่างกับบนนี้สร้างต่อกันเป็นฉากเดียวกัน ด้วยโครงสร้างเดียวกัน
ตัวละครที่แสดงอยู่ทั้ง 2 ฉากสามารถเดินเหินอย่างสะดวกสบายทั้ง 2 ชั้น
และก็สามารถส่งเสียงพูดคุยโต้ตอบกันได้
เนื้อเรื่องของละครเรื่อง 'โลกที่ไม่มีบันได' ก็เป็นอย่างที่ชื่อเรื่องบอกนั่นแหละครับ
นั่นคือเป็นโลกสมมติ เป็นดินแดนสมมติดินแดนหนึ่ง ซึ่งบอกไม่ได้ว่าเป็นยุคไหน ประเทศไหน
รู้แต่เพียงว่าดินแดนนี้เขาแบ่งผู้คนออกเป็น 2 ชั้น นั่นคือผู้คนชั้นบนกับผู้คนชั้นล่างตามฉากที่เขาสร้างขึ้นมา
และแน่นอน ในฉากหรือดินแดนที่ว่านี้ ไม่มีบันไดให้ตัวละครเดินขึ้นเดินลงตามชื่อเรื่องเลย
ตัวละครที่อยู่ทั้ง 2 ชั้น ตะโกนพูดคุยกันได้ ดูจากบทเจรจาแล้ว ก็พอสังเกตได้ว่า
ผู้คนชั้นบนเป็นผู้คนที่มีฐานะสูงกว่าผู้คนชั้นล่าง รวมไปถึงกิริยาท่าทางพินอบพิเนาของผู้คนชั้นล่างต่อผู้คนชั้นบนก็แสดงออกอย่างนั้น
ละครองก์แรกก็ดำเนินไปด้วยความสนุก ด้วยความแตกต่างและความเหมือนของผู้คนทั้งสองชั้น
บทละครถูกเขียนขึ้นเพื่อประชดประชันความเลื่อมล้ำต่ำสูงของคน 2 ชั้นอยู่ตลอดเวลา
หลายครั้งที่คนดูหัวเราะสนุกไปกับการสนทนากันของตัวละครทั้งสองฐานะ ทั้งท่าทางการโหนตัวลงมาชั้นล่างของพ่อพระเอก ทั้งการพยายามปีนป่ายของตัวตลกที่จะปีนขึ้นไปเพื่อเช็ดรองเท้าให้เหล่าอำมาตย์
หรือแม้แต่ตอนที่ผู้นำของเมืองจะลงมาชั้นล่าง ก็ต้องวุ่นวายกันไปทั้งฉาก เพราะต้องตั้งแถวทหารเพื่ออุ้มผู้นำส่งต่อลงมายังดินแดนชั้นล่าง
ก่อนจะจบองก์แรกของละครเพื่อพักครึ่งการแสดง พ่อของพระเอกที่ดำเนินเรื่องมาตลอดด้วยบุคลิกที่คิดอะไรแปลกกว่าชาวบ้าน ก็ค้นพบสิ่งประดิษฐ์ใหม่ พอเดาออกใช่ไหมครับว่าคืออะไร
ถูกต้องครับ บันได นั่นเอง
พ่อพระเอกค้นพบว่า ถ้าเอาก้อนหินมาว่าเรียงกันเป็นขั้นๆ มันจะทำให้เขาก้าวเดินขึ้นไปยังดินแดนชั้นบนได้อย่างสบายโดยไม่ต้องปีน ถึงตอนนี้เพลงที่เล่นประกอบก็ดังกระหึ่มขึ้น
เพื่อสรรเสริญการค้นพบอันยิ่งใหญ่ของพ่อพระเอก
ไม่รู้สิครับ ฟังแล้วไม่รู้ว่ามันยิ่งใหญ่หรือขำกันแน่
ดูฉากนี้แล้วจู่ๆ ผมก็ดันไพล่ไปนึกถึงเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ตอนที่กาลิเลโอทำการทดลองทิ้งหิน 2 ก้อนลงมาจากหอเอนปิซ่า
เมื่อพ่อพระเอกประดิษฐ์บันไดขึ้นมาได้ ผู้คนทั้ง 2 ชั้นก็ดีใจกันใหญ่ ต่างเลี้ยงฉลองกับสิ่งประดิษฐ์นี้อย่างครึกโครม ฉากร้องรำทำเพลงทำได้อย่างสนุกสนาน ผู้นำของเมืองถึงกับประกาศแต่งตั้งพ่อของพระเอกเป็นวีรบุรุษของเมืองเลยทีเดียว
แล้วละครก็พักครึ่งการแสดง
ผมรีบออกจากโรงละครเพื่อเข้าห้องน้ำ ด้วยอยากทำเวลาให้เร็วที่สุดเพื่อจะได้กลับมาดูองก์สองต่อให้ทัน แล้วก็เลยได้เห็นห้องน้ำของโรงละครเวทีที่แปลกประหลาดที่สุดเท่าที่เคยมีมา
ห้องน้ำหญิงของโรงละครเรื่องนี้ ไม่มีแถวยาวของคุณสุภาพสตรีเข้าแถวรอคิวเหมือนโรงละครอื่นเลย ที่นี่เขาทำห้องน้ำหญิงให้มีขนาดใหญ่เพื่อบรรจุจำนวนห้องน้ำให้มากกว่าห้องน้ำผู้ชาย
ผมเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมคนออกแบบห้องน้ำของโรงมหรสพทั่วๆไปชอบออกแบบให้ห้องน้ำชายหญิงมีขนาดเท่ากัน
ทั้งๆที่ปริมาณคนดูมหรสพนั้น ผู้หญิงมีมากกว่าผู้ชาย และผู้หญิงก็ใช้เวลาในห้องน้ำมากกว่าผู้ชาย ทั้งเรื่องความสะอาดและการดูแลความสวยความงามของผู้หญิง
หลังจากพักครึ่ง องก์สองของละครก็ดำเนินต่อด้วยการเล่าเรื่องของการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในดินแดนแห่งนี้นับตั้งแต่มีบันได บันไดได้เริ่มถูกสร้างเพิ่มขึ้นมากมาย
ทั้งบันไดลิงและบันไดขั้นแบบเดินก้าว มีทั้งบันไดวน และบันไดหักศอก ละครเล่าด้วยการร้องเพลงเพื่อบอกว่าผู้คนทั้งสองฐานะเข้าถึงกันเพราะบันได
เนื้อเพลงร้องประมาณว่า พวกเขารู้จักกันมากขึ้น เริ่มพูดคุยกันแบบไม่ต้องตะโกนก็ได้แล้ว เริ่มสังสรรค์กัน เริ่มทะเลาะกัน สุดท้ายหนุ่มสาวจากต่างฐานันดรก็เริ่มมีความรักต่อกัน
และหนุ่มสาวคู่นั้นก็ใช่ใครที่ไหน ลูกชายของวีรบุรุษผู้ประดิษฐ์บันไดกับลูกสาวของผู้นำเมืองนั่นเอง
ฟังๆดูแล้ว ทุกอย่างน่าจะไปได้ดี
แล้วละครก็มาถึงจุดวิกฤติ ผู้นำของเมืองไม่พอใจพระเอกที่เป็นลูกชายวีรบุรุษนักประดิษฐ์
ด้วยอยากให้ลูกสาวของตัวเองแต่งงานกับอำมาตย์หนุ่มอีกคน
จึงหาทางใส่ร้ายพ่อพระเอกว่าเป็นปีศาจร้ายที่นำ ' บันได ' สิ่งประดิษฐ์ที่มาจากนรก
เพราะบันไดทำให้คนชั้นบนถูกคนชั้นล่างพูดคุยและหลอกลวง บันไดทำให้คนชั้นล่างสามารถเดินขึ้นไปก่ออาชญากรรมกับคนชั้นบนได้ง่าย
พ่อพระเอกถูกจับขังคุกรอการประหารชีวิต จากวีรบุรุษกลายเป็นกบฏ และกลายเป็นพ่อมดในชั่วข้ามคืน ตัวพระเอกเองก็ต้องหนีหัวซุกหัวซุนหลบหนีการตามล่า เพราะถูกกล่าวอ้างว่าเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด
ฉากที่สวยงามมากบนเวทีคือตอนที่บันไดทั้งหมดในเมืองที่เพิ่งถูกสร้างขึ้น ถูกเอามากองไว้กลางเมืองและก็จุดไฟเผาทิ้ง
ถึงตอนนี้ ทั้งเมืองก็เหลือเพียงบันไดไม้ไผ่ที่พระเอกหอบหิ้วหนีมาที่เชิงเขา และเขาก็ใช้มันปีนหนีทหารขึ้นไปหลบในถ้ำบนภูเขาสูง
เนื้อเรื่องของละครจะเป็นอย่างไรต่อไปขอไม่เล่า พระเอกของเราใช้บันไดเพื่อไปช่วยพ่อ และพานางเอกหนีออกมาอย่างไรก็ไม่ขอเล่า
ที่ไม่เล่านั้นไม่ใช่เพราะกลัวจะสปอยท่านผู้อ่านเสียก่อน แต่ยังเล่าไม่ได้เพราะละครเรื่องนี้ยังไม่มีใครนำไปสร้าง เรื่องทั้งหมดที่ผมเล่านี้เป็นเรื่องที่ผมคิดผมฝันขึ้นมาเล่นๆ
และเช่นกัน โรงละครที่ห้องน้ำหญิงมีมากพอสำหรับคนดูแบบนี้ก็ยังไม่มีใครสร้าง ผมคิดฝันขึ้นมาเล่นๆเหมือนกัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น