วันอาทิตย์ที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2567

Inferiority complex by Alfred Adler

 


ในแนวคิดของ Alfred Adler (อัลเฟรด แอดเลอร์) ปมด้อย (Inferiority complex) คือ สภาวะทางจิตที่เกิดขึ้นเมื่อบุคคลรู้สึกด้อยกว่า หรือมีความรู้สึกไม่เพียงพอในตนเอง ซึ่งส่งผลให้พวกเขาพยายามที่จะหลีกเลี่ยงหรือพยายามพิสูจน์ตัวเองให้เหนือกว่าเพื่อชดเชยความรู้สึกเหล่านั้น แนวคิดนี้เป็นส่วนสำคัญของทฤษฎีทางจิตวิทยาของ Adler โดยเฉพาะในการวิเคราะห์ลักษณะบุคลิกภาพและการพัฒนาของบุคคล

striving for superiority as fundamental to human nature. He saw it as an overarching master motive : Alfred Adler

การดิ้นรนเพื่อความเหนือกว่าเป็นพื้นฐานของธรรมชาติของมนุษย์ เขาเห็นว่ามันเป็นแรงจูงใจหลักที่มีอำนาจเหนือกว่า 

มีความเชื่อมโยงระหว่างความซับซ้อนของปมด้อยและการฝึกฝนทางสังคม เนื่องจากปมด้อยเกิดขึ้นจากการปรับตัวทางสังคมที่ไม่เหมาะสม การฝึกอบรมทางสังคมจึงกลายเป็นวิธีการพื้นฐานในการเอาชนะปมด้อยที่ซับซ้อน เพราะเราอาจลืมไปว่า "ทุกคนเท่าเทียมกัน"

“persons are always striving to find a situation in which they excel”

ลักษณะเด่นของปมด้อยคือ “บุคคลมักจะพยายามค้นหาสถานการณ์ที่ตนเหนือกว่าอยู่เสมอ”

อธิบายปมด้อย (Inferiority Complex) ตามแนวคิดของ Adler

  1. การรู้สึกด้อย: ตามแนวคิดของ Adler ทุกคนมีความรู้สึกด้อยบางอย่างในตัวเองตั้งแต่เด็ก การรู้สึกด้อยนี้อาจเกิดจากหลายปัจจัย เช่น การไม่ได้รับการยอมรับจากครอบครัว, การเปรียบเทียบตัวเองกับผู้อื่น, หรือความสามารถที่รู้สึกไม่พอเพียงในบางด้าน เช่น ความสามารถทางสติปัญญา, ร่างกาย, หรือความสามารถในการเข้าสังคม

  2. การพยายามชดเชย (Compensation): เมื่อบุคคลรู้สึกด้อยแล้ว เขาจะพยายามที่จะชดเชยความรู้สึกนั้น เพื่อเพิ่มความมั่นใจในตนเอง การชดเชยอาจทำได้หลากหลายวิธี เช่น การพัฒนาทักษะเฉพาะด้าน การพยายามทำสิ่งที่คนอื่นทำไม่ได้ หรือการใช้ความสำเร็จในด้านหนึ่งเพื่อสร้างความรู้สึกเหนือกว่าตัวเองและผู้อื่น

  3. การสร้าง "ปมด้อยที่ซับซ้อน" (Complex Inferiority): เมื่อความรู้สึกด้อยมีความรุนแรง หรือบุคคลไม่สามารถชดเชยได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะทำให้เกิด "ปมด้อยที่ซับซ้อน" ซึ่งเป็นสภาวะที่บุคคลรู้สึกด้อยอย่างลึกซึ้ง และมีความวิตกกังวลที่มากขึ้น เช่น รู้สึกไม่สามารถทำอะไรได้ดีพอ หรือรู้สึกไม่สามารถรับมือกับความท้าทายในชีวิตได้ ขณะที่อาจทำตัวเป็นคนที่พยายามแสดงออกถึงความสำเร็จที่เกินจริงหรือพยายามควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อปกปิดความรู้สึกด้อยนี้

  4. ความพยายามในการ "แสวงหาความสำเร็จส่วนบุคคล" (Striving for Superiority): แอดเลอร์เชื่อว่า ทุกคนมีแรงขับเคลื่อนที่จะพัฒนาและเติบโตไปข้างหน้า เขาเรียกมันว่า "การแสวงหาความสำเร็จส่วนบุคคล" ซึ่งเป็นแรงขับที่ช่วยให้คนพยายามพัฒนาและเป็นตัวของตัวเองอย่างเต็มที่ บุคคลที่มีปมด้อยที่ซับซ้อนจะมักจะพยายามแสวงหาความสำเร็จเพื่อชดเชยความรู้สึกด้อยของตัวเอง แต่ถ้าความรู้สึกด้อยนี้เกินกว่าการควบคุม ก็อาจจะทำให้เกิดพฤติกรรมที่เกินขอบเขต หรือพยายามควบคุมคนอื่นเพื่อให้รู้สึกเหนือกว่า

  5. ผลกระทบจากปมด้อยที่ซับซ้อน: เมื่อปมด้อยที่ซับซ้อนมีอิทธิพลต่อชีวิตคนในระยะยาว อาจส่งผลให้บุคคลมีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีต่อผู้อื่น หรือขาดความมั่นใจในตนเอง ซึ่งสามารถนำไปสู่การขาดความสุข หรือภาวะทางจิตที่รุนแรง เช่น ความวิตกกังวล หรือภาวะซึมเศร้า

การรักษาปมด้อยตามแนวทางของ Adler

Adler แนะนำว่า การช่วยบุคคลที่มีปมด้อยต้องช่วยให้พวกเขารู้สึกถึงการมีคุณค่าและความสามารถในการทำสิ่งที่ดี โดยไม่ต้องพิสูจน์ตัวเองกับคนอื่น หรือไม่ต้องพยายามแข่งขันหรือชดเชยอะไร การช่วยให้พวกเขามีทัศนคติที่เน้นการร่วมมือและการพัฒนาตนเองจะช่วยให้พวกเขาเติบโตและพัฒนาความมั่นใจในตัวเองได้

Adler เน้นถึงความสำคัญของ "การสร้างความสัมพันธ์ที่ดี" และการเข้าใจบทบาทของตนเองในสังคม การเชื่อมโยงกับผู้อื่นในลักษณะที่ให้ความรู้สึกถึงความเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม และมีความรับผิดชอบในสังคมจะช่วยให้บุคคลลดความรู้สึกด้อยลงและพัฒนาได้ดีขึ้น

สรุป:

ปมด้อยที่ซับซ้อน (Inferiority Complex) ตามแนวคิดของ Adler คือ ความรู้สึกด้อยที่ลึกซึ้งในตัวบุคคล ซึ่งอาจเป็นผลจากการเปรียบเทียบตัวเองกับผู้อื่นหรือการขาดการยอมรับในตนเอง บุคคลที่มีปมด้อยนี้มักจะพยายามชดเชยผ่านการแสวงหาความสำเร็จหรือการควบคุมคนอื่น แต่มันอาจนำไปสู่ความสัมพันธ์ที่ไม่ดีและภาวะทางจิตที่ไม่แข็งแรง การรักษาโดยการช่วยให้บุคคลมีความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่นและมองเห็นคุณค่าของตนเองจะเป็นแนวทางที่ช่วยลดปมด้อยนี้ได้.

The superiority complex occurs when a person has the need to prove that he is more superior than he truly is.  ความรู้สึกว่าตนเองเหนือกว่าผู้อื่นเกิดขึ้นเมื่อบุคคลมีความต้องการที่จะพิสูจน์ว่าตนเองเหนือกว่าผู้อื่นมากกว่าที่เป็นจริง

ตามแนวทางของ Alfred Adler, Superior Complex หรือ "ความซับซ้อนของความรู้สึกเหนือกว่า" (Superiority Complex) คือ การที่บุคคลพยายามที่จะพิสูจน์หรือแสดงให้เห็นว่าเขามีความเหนือกว่าผู้อื่น หรือดีกว่าความเป็นจริง ซึ่งเป็นผลจากการที่บุคคลมี ความรู้สึกด้อย (Inferiority) อยู่ภายในตนเอง แต่แทนที่จะแสดงออกในรูปแบบของความรู้สึกด้อยหรือความขาดแคลน พวกเขากลับแสดงออกโดยการพยายามยกตัวเองให้เหนือกว่าผู้อื่น เพื่อปกปิดหรือหลีกเลี่ยงความรู้สึกด้อยนั้น

การอธิบาย Superior Complex ตามแนวทางของ Adler

  1. การปกปิดความรู้สึกด้อย: Adler เชื่อว่า ทุกคนในชีวิตมีความรู้สึกด้อยในบางด้าน เช่น ความรู้สึกว่าตัวเองไม่เก่งพอ, ไม่มั่นคงพอ หรือไม่เหมาะสมในบางสถานการณ์ สิ่งนี้มักเกิดขึ้นตั้งแต่เด็ก ๆ เมื่อบุคคลรู้สึกด้อยกว่าเพื่อนร่วมกลุ่ม หรือรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้รับการยอมรับจากสังคม แต่ในบางคน ความรู้สึกนี้อาจถูกเก็บซ่อนและกลายเป็นการแสดงออกในรูปของการพยายาม "แสดงความเหนือกว่า" เพื่อปกปิดความไม่มั่นคงหรือความขาดแคลนภายใน

  2. การแสวงหาความยอมรับ: บุคคลที่มี Superior Complex มักจะพยายามที่จะยกระดับตนเองและทำให้ผู้อื่นเห็นว่าพวกเขามีคุณค่าหรือเก่งกว่าคนอื่น พวกเขามักจะพยายามที่จะเป็นที่ยอมรับในสังคม โดยการแข่งขันหรือแสดงให้เห็นถึงความเหนือกว่าผู้อื่น แม้ว่าผลลัพธ์ที่ได้จะเป็นเพียงแค่การแสดงออกภายนอกมากกว่าความสำเร็จจริง ๆ สิ่งนี้เกิดจากความต้องการที่จะ ปกปิดความรู้สึกด้อยภายใน และทำให้ตัวเองดูดีในสายตาผู้อื่น

  3. การสร้างภาพลักษณ์ที่ไม่จริง: ในกรณีที่บุคคลมี Superior Complex เขาจะมักสร้างภาพลักษณ์ที่ดูดีและเต็มไปด้วยความมั่นใจในตัวเอง ซึ่งบางครั้งอาจเป็นการแสดงออกในรูปแบบของการโอ้อวด, การอ้างถึงความสำเร็จที่เกินจริง หรือการบอกว่าเขาสามารถทำได้ดีกว่าคนอื่น ซึ่งอาจทำให้เขาดูเป็นคนที่มีอำนาจหรือความสามารถ แต่แท้จริงแล้วมันเป็นเพียงการหลบหนีจากความรู้สึกด้อยในตัวเอง

  4. ความไม่สุขภาวะทางจิตใจ: เมื่อบุคคลพยายามแสดงออกในรูปของ Superior Complex โดยไม่เคยจัดการกับความรู้สึกด้อยในตัวเอง เขาจะรู้สึกเครียดและไม่พอใจในตัวเองและผู้อื่นอย่างต่อเนื่อง การแสดงออกถึงความเหนือกว่าที่ไม่เป็นธรรมชาติหรือเกินจริงอาจทำให้เกิดปัญหาความสัมพันธ์หรือความวิตกกังวลในชีวิต ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะซึมเศร้าหรือความเครียดในระยะยาวได้

  5. การพัฒนา "ภูมิปัญญาของฝูงชน" (Social Interest): Adler เชื่อว่า การที่บุคคลมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาความสัมพันธ์ที่ดีในสังคมและมีความสนใจในส่วนรวม (Social Interest) จะช่วยให้บุคคลที่มี Superior Complex สามารถลดการแสดงออกถึงความเหนือกว่าและหันไปสู่การทำประโยชน์ให้กับผู้อื่น การที่เขารู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มหรือสังคมจะช่วยลดความต้องการที่จะพิสูจน์ตัวเองและทำให้เขามีความสุขและพอใจกับตัวเองได้มากขึ้น

  6. การทำงานร่วมกับผู้อื่นแทนการแข่งกัน: การพัฒนาความสามารถในการทำงานร่วมกับผู้อื่น และการมีบทบาทที่สร้างสรรค์ในสังคมจะช่วยให้บุคคลที่มี Superior Complex สามารถมองตนเองในแง่บวกมากขึ้น การรู้ว่าการมีบทบาทที่ดีในสังคมช่วยสร้างประโยชน์ให้ผู้อื่น จะทำให้บุคคลนั้นมีความรู้สึกที่ดีและมีความพึงพอใจในตัวเองมากขึ้น แทนที่จะมุ่งมั่นเพียงแค่จะเป็น "ผู้ชนะ" หรือ "ผู้เหนือกว่า"

สรุป:

Superior Complex ในมุมมองของ Alfred Adler เกิดจากการที่บุคคลพยายามพิสูจน์ความเหนือกว่าเพื่อลดความรู้สึกด้อยในตัวเอง บุคคลเหล่านี้มักจะแสดงออกในรูปของการโอ้อวดหรือการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีเกินจริง เพื่อปกปิดความไม่มั่นคงภายใน การมี ภูมิปัญญาของฝูงชน (Social Interest) การสร้างความสัมพันธ์ที่ดี และการเข้าใจบทบาทของตนในสังคม จะช่วยลดความรู้สึกที่ต้องแสดงความเหนือกว่า และช่วยให้บุคคลรู้สึกมีคุณค่าในตัวเองและมีความสุขมากขึ้น.

Alfred Adler เชื่อว่าภูมิปัญญาของฝูงชน (Social Interest หรือ Gemeinschaftsgefühl) เป็นหนึ่งในแนวคิดสำคัญที่ช่วยแก้ปัญหาปมด้อย (Inferiority Complex) และเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ การมี ภูมิปัญญาของฝูงชน หรือการมีความสนใจและความรับผิดชอบต่อสังคมและส่วนรวม จะช่วยให้บุคคลสามารถเอาชนะความรู้สึกด้อยได้ โดยไม่ต้องแข่งขันกับผู้อื่นหรือพยายามพิสูจน์ตัวเองเพื่อยืนยันคุณค่าของตัวเองในทางลบ

ภูมิปัญญาของฝูงชน (Social Interest) และการแก้ปมด้อย

  1. การพัฒนาความรู้สึกเชื่อมโยงกับผู้อื่น: Adler เชื่อว่าการที่บุคคลสามารถพัฒนาความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของสังคม (Social Interest) จะช่วยให้พวกเขาเข้าใจบทบาทของตนเองในสังคม และช่วยให้สามารถมองตัวเองในมุมที่เป็นบวกมากขึ้น ความรู้สึกนี้ช่วยให้บุคคลไม่ต้องอยู่ในภาวะการแข่งขันเพื่อพิสูจน์ตัวเองกับผู้อื่น ซึ่งเป็นสาเหตุของปมด้อย การรู้สึกว่าเราเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มหรือสังคมจะทำให้บุคคลรู้สึกว่าเขามีคุณค่าและไม่จำเป็นต้องชดเชยความรู้สึกด้อยด้วยการแข่งขันหรือการควบคุมคนอื่น

  2. การรู้สึกมีคุณค่าในตัวเองจากการช่วยเหลือผู้อื่น: เมื่อบุคคลสามารถใช้ชีวิตในแบบที่มุ่งสู่การช่วยเหลือและสนับสนุนผู้อื่น การสร้างผลประโยชน์ในสังคมจะช่วยให้พวกเขารู้สึกถึงความสำคัญและคุณค่าของตัวเอง การทำประโยชน์ให้กับผู้อื่น (ผ่านการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางสังคมหรือช่วยเหลือคนอื่นในชีวิตประจำวัน) เป็นการยืนยันความสามารถของตัวเองในทางที่เป็นบวก ซึ่งจะช่วยลดความรู้สึกด้อยที่เกิดขึ้นจากการเปรียบเทียบตัวเองกับผู้อื่น

  3. การพัฒนาความสัมพันธ์ที่ดี: การมุ่งเน้นไปที่การสร้างความสัมพันธ์ที่มีคุณค่าในสังคมจะช่วยลดการมุ่งมั่นเพียงแค่เพื่อการแสวงหาความสำเร็จส่วนตัวหรือการพิสูจน์ตัวเอง การมีความสัมพันธ์ที่ดีและการทำงานร่วมกับผู้อื่นจะช่วยให้บุคคลสามารถสร้างความพึงพอใจในชีวิตได้ โดยไม่จำเป็นต้องพยายามทำให้ตัวเองดีกว่าคนอื่น

  4. การให้ความสำคัญกับความร่วมมือแทนการแข่ง: การมีภูมิปัญญาของฝูงชนช่วยให้บุคคลรู้ว่า การร่วมมือกับผู้อื่นและการทำงานเพื่อความดีของส่วนรวมจะเป็นทางที่ดีกว่าการแข่งขันที่ทำให้รู้สึกด้อยหรือไม่พอใจในตัวเอง Adler เชื่อว่าเมื่อบุคคลเข้าใจบทบาทของตนเองในกลุ่ม หรือสังคมและเห็นว่าการทำงานร่วมกันเพื่อส่วนรวมเป็นสิ่งที่มีค่ามากกว่าการเอาชนะผู้อื่น จะช่วยให้พวกเขามีความสุขและลดความรู้สึกด้อยลง

  5. การยอมรับในความไม่สมบูรณ์แบบของตนเอง: การมีภูมิปัญญาของฝูงชนช่วยให้บุคคลยอมรับความไม่สมบูรณ์แบบของตัวเองได้ง่ายขึ้น โดยไม่ต้องพยายาม "ชดเชย" ความรู้สึกด้อยด้วยการทำสิ่งที่เกินความสามารถ ความรู้สึกว่าเราเป็นส่วนหนึ่งของสังคมที่ใหญ่กว่า และสามารถทำสิ่งดีๆ ได้แม้จะไม่สมบูรณ์แบบ จะช่วยให้เราเข้าใจว่าเราเป็นมนุษย์ที่มีคุณค่าโดยไม่ต้องแข่งขันหรือต้องพิสูจน์ตัวเองในทางลบ

สรุป:

ภูมิปัญญาของฝูงชน (Social Interest) เป็นหนึ่งในวิธีที่สำคัญในการแก้ปมด้อยตามทฤษฎีของ Alfred Adler เพราะมันช่วยให้บุคคลหันมามองตัวเองในฐานะสมาชิกของสังคมที่มีบทบาทสำคัญในการช่วยเหลือผู้อื่นและทำประโยชน์ให้กับสังคม แทนที่จะมุ่งแข่งขันเพื่อพิสูจน์คุณค่าของตัวเอง การพัฒนา "ภูมิปัญญาของฝูงชน" นี้จึงสามารถช่วยลดความรู้สึกด้อย และนำไปสู่การพัฒนาความมั่นคงทางจิตใจและความสุขที่ยั่งยืนได้.

ในทฤษฎีของ Alfred Adler แนวคิดที่ว่า "ทุกคนเท่าเทียมกัน" เป็นหลักการสำคัญที่สะท้อนถึงการที่มนุษย์ทุกคนมีศักยภาพในการพัฒนาและเติบโตได้อย่างเท่าเทียมกัน แม้ว่าจะมีพื้นฐานชีวิตหรือสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน โดย Adler เชื่อว่าความสำเร็จในการพัฒนาตนเองไม่ได้ขึ้นอยู่กับการมีตำแหน่งทางสังคม, ความสามารถพิเศษ, หรือโชคชะตา แต่ขึ้นอยู่กับการ มีความตั้งใจ, การมีทัศนคติที่ดี, และการมีส่วนร่วมในสังคม เพื่อสร้างความเป็นอยู่ที่ดีทั้งในระดับบุคคลและสังคม

แนวทางในการพัฒนาตนเองตามทฤษฎีของ Alfred Adler

  1. การแสวงหาความสำเร็จส่วนบุคคล (Striving for Superiority): Adler เชื่อว่าแรงขับเคลื่อนหลักของมนุษย์คือการแสวงหาความสำเร็จหรือการพัฒนาไปสู่ความสมบูรณ์แบบทางจิตใจ แม้ว่าทุกคนอาจมี "ปมด้อย" (Inferiority) ในช่วงเริ่มต้นของชีวิต เช่น ความรู้สึกด้อยกว่าคนอื่น แต่แรงขับนี้ทำให้เราพยายามพัฒนาตัวเอง โดยการเรียนรู้และเติบโตในทางที่เป็นบวก การพยายามพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่องคือการต่อสู้กับความรู้สึกด้อยนั้นและสร้างความรู้สึกว่าเราเป็นคนที่มีคุณค่า

  2. การมีทัศนคติที่เป็นบวกและการมองโลกในแง่ดี: การพัฒนาตนเองในทฤษฎีของ Adler ไม่ใช่แค่การพยายามเอาชนะอุปสรรคภายนอก แต่ยังเกี่ยวข้องกับการมีทัศนคติที่ดีต่อชีวิต การมองโลกในแง่บวกและการไม่ยอมแพ้ต่อความล้มเหลวหรือความยากลำบากในชีวิต ทัศนคติที่ดีจะช่วยให้เราสามารถเรียนรู้จากปัญหาหรือความล้มเหลวและเติบโตจากมัน

  3. การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในสังคม: Adler เน้นว่า การพัฒนาตนเองไม่ได้เกิดขึ้นในที่ว่าง แต่มักเกี่ยวข้องกับการมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีต่อผู้อื่น การพัฒนาความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัว, กับเพื่อน, หรือกับคนในสังคมจะช่วยเสริมสร้างคุณค่าในตัวเอง เมื่อเรามีบทบาทที่ดีในสังคมและช่วยเหลือผู้อื่นได้ เราจะรู้สึกถึงความสำเร็จและความหมายในชีวิต

  4. การมี "ภูมิปัญญาของฝูงชน" (Social Interest): Adler เชื่อว่า ความสำเร็จที่แท้จริงมาจากการมีความสนใจและความรับผิดชอบต่อส่วนรวม ภูมิปัญญาของฝูงชน หรือ Gemeinschaftsgefühl คือความสามารถในการเข้าใจและแสดงความห่วงใยต่อผู้อื่น เป็นการแสดงความเห็นอกเห็นใจและการร่วมมือในสังคม การพัฒนาความสนใจในส่วนรวมช่วยให้เราเข้าใจตัวเองในมุมที่กว้างขึ้น และลดการมุ่งหวังที่จะพิสูจน์ตัวเองโดยการแข่งขันกับผู้อื่น การที่เรามีทัศนคติต่อสังคมที่เป็นบวกจะทำให้ชีวิตของเรามีความหมายและมั่นคงมากขึ้น

  5. การเรียนรู้จากประสบการณ์และการแก้ปัญหา: การพัฒนาตนเองยังหมายถึงการมีความสามารถในการเรียนรู้จากประสบการณ์ต่างๆ โดยเฉพาะจากการเผชิญกับปัญหาหรืออุปสรรค การมีความสามารถในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในชีวิตอย่างสร้างสรรค์และมีสติจะช่วยให้เรามีความเติบโตทางจิตใจและอารมณ์ นอกจากนี้ การมีมุมมองที่มองปัญหาเป็นโอกาสในการพัฒนา จะช่วยให้เราไม่รู้สึกท้อแท้หรือหมดหวังเมื่อเจอความล้มเหลว

  6. การตั้งเป้าหมายที่มีความหมายและสามารถทำได้: Adler เชื่อว่าในการพัฒนาตนเอง เราควรตั้งเป้าหมายที่มีความหมายและเป็นไปได้ เป้าหมายเหล่านี้ควรจะช่วยให้เรามีทิศทางในการพัฒนา ไม่ว่าจะเป็นเป้าหมายในการทำงาน, การศึกษา, หรือการมีชีวิตที่มีคุณค่า การตั้งเป้าหมายที่ดีจะช่วยให้เรามีแรงจูงใจในการทำงานและการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

"ทุกคนเท่าเทียมกัน" ในมุมมองของ Adler:

ในแนวคิดของ Adler, คำว่า "ทุกคนเท่าเทียมกัน" หมายถึง การที่มนุษย์ทุกคนมีความสามารถในการพัฒนาและเติบโตได้ โดยไม่จำเป็นต้องมีสถานะทางสังคมหรือพื้นฐานที่ดีกว่าใคร สิ่งสำคัญคือการ เข้าใจตัวเอง, การมีความตั้งใจในการพัฒนา, และการมีบทบาทที่ดีในสังคม การไม่เปรียบเทียบตัวเองกับผู้อื่นในแง่ลบ แต่ให้มุ่งมั่นพัฒนาความสามารถในตัวเองเพื่อให้ชีวิตมีคุณค่าและเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น

สรุป:

การพัฒนาตนเองตามแนวทางของ Alfred Adler คือการที่เราพยายามแสวงหาความสำเร็จส่วนบุคคลโดยการพัฒนาทักษะและความสามารถของตัวเอง เพื่อทำประโยชน์ในสังคม การมีทัศนคติที่ดีต่อชีวิต, การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่น, การมีความสนใจในส่วนรวม (ภูมิปัญญาของฝูงชน) และการตั้งเป้าหมายที่มีความหมาย จะช่วยให้เราพัฒนาตัวเองและทำให้ชีวิตมีคุณค่าและเต็มไปด้วยความหมาย.

Inferiority complexSuperiority complex

อ้างอิง

Adler, A. (1929). The science of living. New York: Garden City Publishing Company.

Google Scholar 

ตัดแปะโดย เฉลิมชัย เอื้อวิริยะวิทย์


ไม่มีความคิดเห็น: