...มีช่างไม้สูงอายุคนหนึ่งต้องการจะเกษียณตัวเอง และใช้ชีวิตที่หรูหรากับภรรยา
จึงบอกความต้องการดังกล่าวกับนายจ้างที่เค้าทำงานให้... มาทั้งชีวิต...นายจ้างบ่นเสียดาย
ที่จะต้องสูญเสียช่างฝีมือดีไป หวังจะให้เขาทำงานต่อ แต่ช่างไม้ก็ยังยืนกรานขอเกษียณตัวเองตามเดิม จึงได้ขอร้องให้ช่างคนนี้ช่วยสร้างบ้านให้อีกสัก 1 หลัง
จึงบอกความต้องการดังกล่าวกับนายจ้างที่เค้าทำงานให้... มาทั้งชีวิต...นายจ้างบ่นเสียดาย
ที่จะต้องสูญเสียช่างฝีมือดีไป หวังจะให้เขาทำงานต่อ แต่ช่างไม้ก็ยังยืนกรานขอเกษียณตัวเองตามเดิม จึงได้ขอร้องให้ช่างคนนี้ช่วยสร้างบ้านให้อีกสัก 1 หลัง
นายจ้างจึงพูดว่า "เอาอย่างนี้ ผมมีที่ดินว่างอยู่ติดทะเลสาบอยู่แปลงหนึ่ง ทิวทัศน์งดงามเป็นอย่างมาก แต่ขาดบ้านพักตากอากาศ ผมอยากให้คุณสร้างบ้านหลังสุดท้าย โดยที่คุณต้องใช้วัสดุไม้ที่ดีที่สุด และใช้ฝีมือที่ปราณีตที่สุดในการสร้าง" ช่างไม้ก็ฝืนใจตอบตกลง
จากนั้นช่างไม้ก็ลงมือสร้างบ้านไม้หลังสุดท้ายของตนเอง แต่ในใจกลับคิดว่า เดี๋ยวเราก็เกษียณแล้ว
ถ้าทำออกมาไม่ดีนายจ้างไล่ออกก็ไม่มีอะไรเสียหายอยู่แล้ว แล้วทำไมต้องตั้งใจด้วยล่ะ
ถ้าทำออกมาไม่ดีนายจ้างไล่ออกก็ไม่มีอะไรเสียหายอยู่แล้ว แล้วทำไมต้องตั้งใจด้วยล่ะ
ดังนั้นช่างไม้ก็ไม่ได้คัดเลือกไม้ที่แข็งแรงมาสร้างบ้าน แต่เลือกไม้ส่งๆ เป็นไม้คุณภาพต่ำจากภูเขา เขาไม่ใส่ใจว่าบ้านจะแข็งแรงหรือไม่ เพียงสักแต่ว่าสร้างให้เสร็จๆไป จนในที่สุดเขาก็ทาสีเพื่อให้ภายนอกดูสวยงามและปกปิด เขาคิดในใจว่า ขอให้ข้างนอกดูดีไว้ก่อน พอส่งงานได้ก็พอ โครงสร้างภายในจะเป็นอย่างไรก็ช่าง เจ้านายดูไม่ออกหรอก
ครั้นพอบ้านสร้างเสร็จก็พบว่า มันไม่เหมือนงานที่เป็นฝีมือของช่างคนนี้เลยแม้แต่น้อย บ้านที่สร้างมาก็เป็นงานที่หยาบๆ วัตถุดิบที่ใช้ก็ด้อยคุณภาพ มันช่างเป็นการจบชีวิตช่างฝีมือดีที่ไม่สวยหรูเลย
วันที่งานเสร็จ นายจ้างก็มาตรวจงาน ผลปรากฏว่าเป็นที่พอใจอย่างมาก นายจ้างดูไม่ออกว่าขาดตกบกพร่องอะไร ก่อนที่นายจ้างจะไปเขาตีไหล่ช่างไม้เบาๆ ควักกุณแจออกมาพวงหนึ่งยื่นส่งให้ช่างไม้แล้วบอกว่า
" ตอนนี้บ้านหลังนี้เป็นของคุณแล้ว ผมขอบคุณมากที่คุณอยู่ทำงานกับผมมานานหลายปี นี่ถือเป็นของขวัญเกษียณที่ผมตั้งใจจะมอบให้คุณ"
" ตอนนี้บ้านหลังนี้เป็นของคุณแล้ว ผมขอบคุณมากที่คุณอยู่ทำงานกับผมมานานหลายปี นี่ถือเป็นของขวัญเกษียณที่ผมตั้งใจจะมอบให้คุณ"
เมื่อช่างไม้ได้ยินเช่นนั้น ถึงกับตกใจและอุทานกับตัวเองว่า....
น่าละอายจริงๆ ถ้าเขารู้สักนิดว่ากำลังสร้างบ้านของตัวเองอยู่ เขาก็คงตั้งใจสร้างให้ดีกว่านี้...
น่าละอายจริงๆ ถ้าเขารู้สักนิดว่ากำลังสร้างบ้านของตัวเองอยู่ เขาก็คงตั้งใจสร้างให้ดีกว่านี้...
คุณได้เรียนรู้อะไร? จากนิทานเรื่องนี้...
เช่นเดียวกับพวกเรา ที่กำลังสร้างชีวิตของตัวเราเองด้วยการสั่งสมสิ่งต่างๆ วันละเล็กวันละน้อย และบ่อยครั้ง ที่เราไม่ได้ใช้ความพยายามอย่างที่สุดในการสรรค์สร้างชีวิตของตัวเอง
และเมื่อวันหนึ่งมาถึง เราก็จะตระหนักว่า เราต้องใช้ชีวิตอยู่กับทุกสิ่งทุกอย่าง...ที่เราเป็นผู้สร้างขึ้นมาทั้งหมด..
และเมื่อถึงวันนั้น เรามักจะพูดเสมอว่า ถ้าเรา!!!! สามารถย้อนกลับไปได้ เราจะทำทุกอย่างให้ดีขึ้นซึ่งเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้
แต่ความจริงหาได้เป็นเช่นนั้นไม่ ...
พวกเราทุกคนก็เปรียบเสมือนช่างไม้ ทุกๆ วันพวกเรากำลังตอกตะปู ปูกระดาน หรือแม้แต่กำลังเลือกกำแพงให้กับชีวิตตัวเอง
พวกเราทุกคนก็เปรียบเสมือนช่างไม้ ทุกๆ วันพวกเรากำลังตอกตะปู ปูกระดาน หรือแม้แต่กำลังเลือกกำแพงให้กับชีวิตตัวเอง
ดังคำพูดที่ว่า
"ชีวิตในอนาคตก็คือสิ่งที่เราสร้างด้วยตัวเราเอง"
ทัศนคติ และ ทางเลือกต่างๆที่พวกเราได้เลือกกันในวันนี้
ก็เสมือนกับการสร้าง "บ้าน"(ชีวิต) ที่เราจะต้องอยู่กับมัน.....
"ชีวิตในอนาคตก็คือสิ่งที่เราสร้างด้วยตัวเราเอง"
ทัศนคติ และ ทางเลือกต่างๆที่พวกเราได้เลือกกันในวันนี้
ก็เสมือนกับการสร้าง "บ้าน"(ชีวิต) ที่เราจะต้องอยู่กับมัน.....
ดังนั้นจงสร้างบ้านด้วยความฉลาด และจงจำไว้ว่า "จงทำงานเหมือนกับว่า....เราไม่ต้องการเงินทอง
จงรักราวกับว่า......เราไม่เคยเจ็บ
จงเต้นระบำ(ร่าเริง)ราวกับว่า.....ไม่มีใครจ้อง"
จงรักราวกับว่า......เราไม่เคยเจ็บ
จงเต้นระบำ(ร่าเริง)ราวกับว่า.....ไม่มีใครจ้อง"
ความเสมอต้นเสมอปลายก็นับว่าเป็นคุณธรรมอีกประการหนึ่งที่เราไม่ควรละเลย ทุกวันนี้เราทำอะไรกันอยู่ เราได้เก็บเกี่ยวสิ่งที่ดีๆให้กับชีวิตของเราหรือยัง???...
จงใช้ชีวิตราวกับว่ามันคือ "วันสุดท้าย"
เพราะนี่คือวิธีเดียว..ที่จะสร้างชีวิตได้อย่างดีที่สุด...
จงใช้ชีวิตราวกับว่ามันคือ "วันสุดท้าย"
เพราะนี่คือวิธีเดียว..ที่จะสร้างชีวิตได้อย่างดีที่สุด...