ญาณวิทยา (อังกฤษ: Epistemology; /ɪˌpɪstɪˈmɒlədʒi/ ( ฟังเสียง); จากภาษากรีก: ἐπιστήμη, epistēmē หมายถึง ความรู้ และเติมปัจจัย -logy) เป็นสาขาหนึ่งของปรัชญา ที่ศึกษาทฤษฎีของความรู้
ญาณวิทยาเป็นการศึกษาธรรมชาติของความรู้ การให้เหตุผลสนับสนุน (justification) และความเป็นเหตุเป็นผลของความเชื่อ (rationality of belief) การถกเถียงในญาณวิทยามักอยู่ในสี่แนวคิดหลักคือ (1) การวิเคราะห์ทางปรัชญา (philosophical analysis) ของธรรมชาติของความรู้และความสัมพันธ์ระหว่างมันกับแนวคิดเช่น ความจริง (truth) ความเชื่อ (belief) และการให้เหตุผลสนับสนุน (justification (epistemology)),[1][2] (2) ปัญหานานาประการของความสงสัย (skepticism), (3) ที่มาและขอบเขตของความรู้และความเชื่อที่มีเหตุผล และ (4) เกณฑ์สำหรับว่าสิ่งใดเป็นความรู้และเป็นการให้เหตุผล ญาณวิทยาตั้งคำถามอย่างเช่น "อะไรทำให้ความเชื่อที่มีเหตุผล (justified belief) มีเหตุผล (justified)",[3] "อะไรหมายถึงการที่เรารู้บางสิ่ง (to say that we know something)"[4] และที่พื้นฐานที่สุด "เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเรารู้แล้ว (How do we know that we know?)"[5]
อ้างอิง สืบค้นเมื่อ 19/11/2024
[แก้]- ↑ Steup, Matthias (2005). Zalta, Edward N. (บ.ก.). "Epistemology". Stanford Encyclopedia of Philosophy (Spring 2014 ed.).
- ↑ Borchert, Donald M., บ.ก. (1967). "Epistemology". Encyclopedia of Philosophy. Vol. 3. Macmillan.
- ↑ Steup, Matthias (8 September 2017). Zalta, Edward N. (บ.ก.). The Stanford Encyclopedia of Philosophy. Metaphysics Research Lab, Stanford University – โดยทาง Stanford Encyclopedia of Philosophy.
- ↑ Carl J. Wenning. "Scientific epistemology: How scientists know what they know" (PDF). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2010-06-23. สืบค้นเมื่อ 2020-05-11.
- ↑ "The Epistemology of Ethics". 1 September 2011. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2018-07-20. สืบค้นเมื่อ 2020-05-11.
Scientific epistemology: How scientists know what they know Carl J. Wenning, Physics Education Specialist, Physics Department, Illinois State University, Normal, IL 61790-4560 wenning@phy.ilstu.edu http://www2.phy.ilstu.edu/pte/publications/scientific_epistemology.pdf
Scientific inquiry is only one epistemological approach to knowledge. การสืบเสาะทางวิทยาศาสตร์เป็นเพียงแนวทางทางญาณวิทยาวิธีหนึ่งในการแสวงหาความรู้
Epistemology concerns itself with ways of knowing and how we know. ญาณวิทยาเกี่ยวข้องกับวิธีการรับรู้และวิธีการที่เรารู้
Science is more than a conglomeration of facts, and teaching consists of more than just relating the facts of science. วิทยาศาสตร์เป็นมากกว่าการรวบรวมข้อเท็จจริงเข้าด้วยกัน และการสอนประกอบด้วยมากกว่าการเชื่อมโยงข้อเท็จจริงของวิทยาศาสตร์
Science is a way of knowing that requires a strong philosophical underpinning (whether consciously sought of unconsciously learned). วิทยาศาสตร์เป็นวิธีการเรียนรู้ที่ต้องมีรากฐานทาง ปรัชญาที่แข็งแกร่ง (ไม่ว่าจะแสวงหาด้วยสติหรือเรียนรู้โดยไม่รู้ตัวก็ตาม)
According to Blaise Pascal, “Opinion is the mistress of error; she cannot make us wise, only content.” “ความคิดเห็นเป็นนายแห่งความผิดพลาด เธอ ไม่สามารถทําให้เราฉลาดขึ้นได้ แต่ทําให้เราพอใจเท่านั้น
ในพุทธศาสนา, การรู้ตามความเป็นจริงหรือวิปัสสนาเป็นการเข้าใจธรรมชาติของสิ่งต่าง ๆ อย่างลึกซึ้ง โดยเฉพาะเรื่องของทุกข์ (dukkha), สมุทัย (cause of dukkha), นิโรธ (cessation of dukkha), และมรรค (path to cessation of dukkha) ความรู้เหล่านี้เป็นประสบการณ์ที่ไม่สามารถพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ได้ในแบบเดียวกับการทดลองในห้องปฏิบัติการ แต่มันได้รับการยืนยันจากประสบการณ์ตรงของบุคคลที่ฝึกปฏิบัติ
พุทธศาสนาเสนอว่าความรู้ที่ได้รับจากพระพุทธเจ้าควรได้รับการทดสอบด้วยตนเองผ่านการปฏิบัติ (เช่น การฝึกสมาธิ) และเมื่อประสบการณ์ตรงยืนยันว่าเป็นความจริง มันก็ถือว่าเป็นความรู้ที่แท้จริง (เช่น การเข้าใจในอริยสัจ 4) ดังนั้น ความรู้ในพุทธศาสนาไม่ได้มาเพียงจากการเชื่อ แต่จากการทดสอบและสัมผัสได้ด้วยตนเอง
พุทธศาสนาบอกว่า "วิปัสสนา" และ "การเห็นตามความเป็นจริง" เกิดขึ้นเมื่อเราสามารถเข้าใจตามหลักอริยสัจ 4 ที่ไม่มีความยึดติดและไม่มีความหลงผิด สิ่งนี้ทำให้เราเห็นความจริงในสิ่งที่เป็นไปตามธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นการเกิด การแก่ การเจ็บ การตาย หรือการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ การเข้าใจเช่นนี้ทำให้เราสามารถพิจารณาและแยกแยะสิ่งที่เป็นความจริงได้
คำถาม: การหลุดพ้นจากทุกข์ (นิพพาน) เกี่ยวข้องกับการรู้หรือการรับรู้ของเราอย่างไร? เราสามารถเข้าถึงการหลุดพ้นได้จากการเปลี่ยนแปลงการรับรู้ของเราเองหรือไม่?
การหลุดพ้นจากทุกข์ในพุทธศาสนาเป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงการรับรู้และการเข้าใจธรรมชาติของการดำรงอยู่ การที่เรามองโลกตามความเป็นจริง (เห็นตามความเป็นจริง) ช่วยให้เราไม่ติดยึดในสิ่งที่ไม่เที่ยง (อนิจจัง) และไม่หลงมัวในสิ่งที่เป็นเหตุแห่งทุกข์ (ตัณหา) การหลุดพ้นจากทุกข์จึงเป็นผลมาจากการมีปัญญาในการรับรู้
การรู้ในพุทธศาสนา เช่น การรู้ธรรมชาติของสังขาร, การเข้าใจความเป็นจริงในชีวิต, ต้องการการพิสูจน์ภายนอกหรือไม่?
พุทธศาสนาไม่เน้นการพิสูจน์ภายนอกตามหลักการวิทยาศาสตร์ แต่เน้นการทดสอบด้วยตัวเองผ่านการปฏิบัติ เพื่อเข้าใจความจริงที่เกิดขึ้นในชีวิตจริง เช่น การปฏิบัติสมาธิเพื่อให้เกิดปัญญาในการเห็นตามความเป็นจริง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น