" การใช้จิตวิทยาในการสื่อสารระดับบุคคล "ซึ่งเอ้เชื่อว่าคนเราต้องมีการพูดจาปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนๆ
หรือการติดต่องานกันอยู่แล้ว
หรือการติดต่องานกันอยู่แล้ว
ยิ่งการพูดสื่อสารกับเพื่อนๆ ในชีวิตประจำวันด้วยแล้ว
เอ้ว่า การรู้จักเขาและทำความเข้าใจในตัวเรา นั้นสำคัญมาก....
เอ้ว่า การรู้จักเขาและทำความเข้าใจในตัวเรา นั้นสำคัญมาก....
เห็นได้จากเหตุผลของคนที่เลิกคบกัน
กว่า 75 เปอร์เซ็นเป็นเพราะการพูดจาไม่เข้าหูกัน
ทั้งๆ ที่เป็นเพื่อนสนิทกัน คบหากันมานาน
กว่า 75 เปอร์เซ็นเป็นเพราะการพูดจาไม่เข้าหูกัน
ทั้งๆ ที่เป็นเพื่อนสนิทกัน คบหากันมานาน
แต่ต้องทะเลาะกันเพราะ " พูดไม่เข้าหู "
ทฤษฎีนี้มีชื่อว่า ทฤษฎีหน้าต่าง 4 ช่อง
กรุณาดูภาพและทำความเข้าใจกันอย่างง่ายๆ ก่อนนะครับ....
กรุณาดูภาพและทำความเข้าใจกันอย่างง่ายๆ ก่อนนะครับ....
เปิด หรือ Open
ตนเองรู้ และ คนอื่นรู้
บอด หรือ Blind
คือ คนอื่นรู้ แต่ตัวเองไม่รู้
ซ่อนเร้น หรือ Hide
คือ คนอื่นไม่รู้ แต่เรารู้
สุดท้าย คือ ลึกลับ หรือ Unknow
คือ ทั้งคนอื่นและเราก็ไม่รู้
· พื้นที่สาธารณะ OPEN , Arena : เป็นพื้นที่ที่ตนเองและผู้อื่นรู้ซึ่งจะเรียกว่าเป็น “พื้นที่เปิด” พฤติกรรมที่แสดงออกในพื้นที่นี้ไม่จำเป็นต้องมีการปกป้องตนเอง ซึ่งจะรู้จักคุ้นเคยทั้งตนเองและผู้อื่นรอบข้าง เช่น ความมีหน้ามีตาในสังคม เป็นต้น
· พื้นที่ลับ SECRET , Facade : ได้แก่ พื้นที่ที่คนนั้นรู้จักตนเอง แต่ผู้อื่นไม่รู้ ซึ่งจะเรียกว่า “พื้นที่ซ่อนเร้น” ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ทุกคนจะเก็บเป็นความลับเพราะกลัวว่าผู้อื่นจะทำการโต้ตอบ ความลับนี้มักเป็นเรื่องของความรู้สึก เจตคติ และพฤติกรรม
· พื้นที่บอด BLIND,Blind Spot : ได้แก่พื้นที่ของคนๆ นั้น ที่คนอื่นรู้จักแต่ตนเองไม่รู้ ซึ่งเป็นพื้นที่บอดสำหรับตนเอง เพราะคนอื่นอาจจะไม่บอกกล่าวให้เจ้าตัวรู้ เพราะกลัวว่าเขาจะไม่พอใจและเรียกพื้นที่นี้อีกอย่างหนึ่งว่า พื้นที่กลิ่นไม่สะอาด
· พื้นที่มืด UNKNOWN : เป็นพื้นที่ที่ตนเองไม่รู้และผู้อื่นก็ไม่รู้ แต่เป็นที่บรรจุขีดความสามารถและความถนัดต่างๆ ที่ยังไม่ค้นพบ และยังไม่เป็นที่รู้จัก ซึ่งเรียกพื้นที่นี้ว่า “อนาคต” หรือ “ไม่ค้นพบ” หรือเรียกง่ายๆ ว่า “พื้นที่ไม่ทราบ”
หน้าต่างโจฮารี มีประโยชน์หลายอย่าง ประการหนึ่งในแง่ของการสร้างบรรยากาศที่อบอุ่นถ้าเราพร้อมที่จะเปิดตนเองต่อผู้อื่นมากเพียงใด คนอื่นก็พร้อมที่จะสนองตอบมากเพียงนั้นเป็นผลต่อการขจัดสิ่งขวางกั้นและการเป็นอยู่ทางสังคม ทำนองเดียวกันในขณะที่เปิดตนเอง เราอาจจะได้ผลสะท้อนกลับ อีกประการหนึ่งในแง่ของความสัมพันธ์ส่วนบุคคล เรารู้จักคนอื่นมากเท่าไรเราก็ยิ่งมีความเข้าใจและเรียนรู้ถึงจุดแข็งและจุดอ่อนมากขึ้นเท่านั้น
นอกจากนั้นยังช่วยพัฒนาให้เป็นผู้ประกอบการที่มีอาชีพอิสระที่มีความสามารถมีความเชื่อมั่นในตัวเอง สามารถแก้ปัญหาด้านต่างๆ กับผู้ที่เกี่ยวข้องได้ เช่น ลูกค้า ผู้จัดจำหน่าย ข้าราชการ คู่แข่ง เป็นต้น สามารถใช้ความคิดรวบยอดของหน้าต่างโจฮารีเป็นแนวทางในกหารสร้างกลยุทธ์ ในการแก้ไขปัญหา เช่น ผู้ประกอบการอาจจะเปิดเผยความในใจเรื่องวิธีการจัดการและเรื่องเกี่ยวกับตนเอง ของเฒ่าแก่ นายธนาคาร แต่กับคู่แข่งแล้วเขาจะเปิดเผยพื้นที่ให้น้อยที่สุด
ในทำนองเดี่ยวกันนี้เราสามารถใช้หน้าต่างโจฮารีเป็นกลยุทธ์เพื่อการเจรจาต่อรอง ถ้าท่านรู้ข้อมูลของคู่แข่ง หรือรู้ความต้องการของคู่แข่งมากเท่าไร นั่นก็หมายความว่าท่านได้เปิดพื้นที่ซ่อนเร้นของคู่แข่งและอยู่ในสถานะที่ได้เปรียบในการต่อรอง ซึ่งมีโอกาสที่จะชนะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น