นิทานล้านบรรทัด
เรื่อง > ประภาส ชลศรานนท์
หมวกสักหลาด
................................................................
ข้อสอบวิชาสนุกกับปรัชญาชีวิต (สปช.007)
อ่านข้อความต่อไปนี้ แล้วตอบคำถามท้ายเรื่อง
ชายคนหนึ่งไปเดินเที่ยวที่ตลาด
เขามองเห็นหมวกสักหลาดใบหนึ่งสวยถูกใจ
ป้ายราคาที่ติดอยู่นั้นก็ต้องนับว่าเป็นหมวกที่มีราคาแพงมาก
ใบหนึ่งเท่าที่เขาเคยเห็นมา เขาจึงเริ่มต่อรองราคา
แต่ไม่ว่าจะต่ออย่างไร คนขายก็ไม่ยอมลดราคาลงเลย
แม้แต่บาทเดียว ในที่สุดเขาก็ซื้อหมวกใบนั้นด้วยความรู้สึก
สองอย่างผสมกันคือทั้งถูกใจและทั้งเสียดาย
เขาเดินถือถุงกระดาษที่ใส่หมวกสักหลาดใบนั้นมาตามทาง
แล้วเขาก็คิดขึ้นมาว่า ไหน ๆ ก็ซื้อมาด้วยราคาแพงอย่างนี้
จะใส่อยู่ในถุงก็ดูเหมือนจะสูญเปล่า เขาจึงนำหมวกขึ้นมา
สวมหัว แล้วก็ทิ้งถุงกระดาษไป
ชายคนนั้นลืมไปว่า ฤดูนี้เป็นฤดูร้อน
เขาใส่หมวกเดินอวดตามตลาดอยู่สักพัก เขาก็เริ่มรู้สึก
ร้อนอบอ้าวไปทั้งหัว และเมื่อเห็นต้นไม้ใหญ่แผ่เงาร่มรื่น
เขาก็รีบเข้าไปอาศัยพักร้อนทันที
เขาถอดหมวกสักหลาดออกมาโบกแทนพัด เพื่อไล่
ความร้อนที่ใบหน้า แล้วพูดกับตัวเองว่า "ดีนะ ที่ซื้อหมวก
สักหลาดมา ไม่อย่างนั้นคงร้อนแย่เลย"
เขาโบกพัดจนผมเผ้าที่เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อแห้งลง "ถ้าไม่
ซื้อหมวกมา เราจะไปหาพัดจากที่ไหนได้"
หลังจากคลายร้อนลงไปมากแล้ว ชายคนนั้นก็สวมหมวก
ใบโปรดเดินชมตลาดต่อ แต่ความร้อนของยามบ่ายในฤดู
ร้อนก็ยังคงทำหน้าที่ของมันอย่างไม่หยุดพัก เหงื่อของเขา
เริ่มเกาะเป็นเม็ดพราวบนใบหน้าอีกครั้ง เขาถอดหมวกมา
โบกพัดแล้วก็กลับไปสวมหัวใหม่ สลับไปมาอยู่อย่างนี้
ถึงตอนนี้เขายืนอยู่หน้าร้านกาแฟร้านหนึ่ง เหงื่อของเขา
ไหลโทรมใบหน้าไปหมด
เขาเข้าไปนั่งในร้านกาแฟ แล้วสั่งโอเลี้ยงกับคนขาย เขา
ถอดหมวกออกมาวางบนโต๊ะ ความนุ่มหนาของสักหลาด
ทำให้เขาคิดอะไรบางอย่างขึ้นมา เขาลองเอาหมวกซับเหงื่อ
ตัวเองดู มันซับได้ดีทีเดียวเลย
"ดีนะ ที่ซื้อหมวกสักหลาดมา ไม่อย่างนั้นจะไปหาอะไรมา
ซับเหงื่อได้" เขาพูดกับตัวเองอย่างดีใจ
หลังจากดื่มโอเลี้ยงจนหมด และซับเหงื่อที่ใบหน้าตัวเอง
จนแห้ง ชายคนนั้นก็สวมหมวกออกมาเดินเที่ยวตลาด
อีกครั้ง คราวนี้แดดคล้อยลงไปมากแล้ว อากาศที่ร้อน
อบอ้าวก็ลดน้อยลง เขาใส่หมวกเดินเที่ยวอย่างมีความสุข
จนพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า
คนขายของในตลาดเริ่มเอาหลอดไฟมาติดตั้ง
ไม่รู้ว่าจะเป็นเพราะยามโพล้เพล้ที่เป็นรอยต่อของกลางวัน
กลางคืนแบบนี้ ว่ากันว่าสายตาคนมักจะยังปรับตัวได้ไม่ดี
หรือจะเป็นเพราะปีกหมวกสักหลาดที่ชายคนนั้นสวมใส่ไม่
ยอมถอดมันมาบังสายตา เลยทำให้ชายคนนั้นเดินไปชน
ป้ายร้านค้าร้านหนึ่ง
เขาชนแรงแค่ไหนไม่รู้ แต่เจ้าของร้านได้ยินเสียงเหมือน
ของตกจากชั้นสอง เจ้าของร้านรีบมาประคองชายคนนั้น
ให้ลุกขึ้น
เจ้าของร้านถอดหมวกของเขาออก เพื่อสำรวจบาดแผล
"ไม่แตก ๆ" เจ้าของร้านละล่ำละลักบอก
ชายคนนั้นคลำหัวตัวเองป้อย ๆ "ดีนะ ที่ฉันใส่หมวก
สักหลาดไว้ มันช่วยกันไม่ให้หัวฉันแตกนั่นอย่างไร"
"ขายอะไรหรือ" เขาเอาหมวกมาสวมหัวอีกครั้ง
"ขายมะปราง ลองกอง ลูกหว้าก็มี" คนขายบอก "เอาอย่าง
นี้แล้วกันเดินมาชนป้ายของฉันอย่างนี้ ฉันให้ลูกหว้าไปกิน
เล่น ไม่คิดเงิน หยิบเอาเลย"
ชายคนนั้นกล่าวขอบคุณ แล้วก็หยิบลูกหว้าขึ้นมากำหนึ่ง
คนขายเห็นดังนั้นก็คะยั้นคะยอให้หยิบอีก เขาจึงถอดหมวก
ออกมาแล้วก็หยิบลูกหว้าใส่ลงไปในหมวกสองสามกำมือ
แล้วก็เดินยิ้มออกมาจากร้าน
"ดีนะ ที่มีหมวกใบนี้ ไม่อย่างนั้นคงไม่ได้ลูกหว้าเยอะ
ขนาดนี้" เขาพูดกับตัวเองอีกครั้ง
เขากลับมาถึงห้องเช่า แล้วก็รีบเทลูกหว้าใส่จาน ลูกหว้า
หลายผลคงปริแตกระหว่างทาง สีม่วงเข้มของมันเลอะเป้น
ดวง ๆ บนหมวกสักหลาด เขารีบนำหมวกไปแช่น้ำในอ่าง
และก็วางแผนจะซักตากแดดในวันพรุ่งนี้
ตอนที่ชายคนนั้นเข้านอน เขาใช้ความคิดวกวนอยู่กับ
หมวกสักหลาดใบนั้นอยู่ตลอดเวลาจนนอนไม่หลับ แล้ว
ความคิดหนึ่งก็แล่นเข้ามาในหัวของเขา คนเก่าคนแก่มัก
พูดกันว่าผ้าสักหลาดนั้นหากซักน้ำแล้วตากแดดสีของผ้า
สักหลาดจะซีดไปเพราะถูกแดดเลีย
เขารีบลุกขึ้นจากเตียงกลางดึกเพื่อมาซักหมวกสักหลาด
เขาซักอย่างระมัดระวังที่สุด ซักเสร็จก็สะบัดตากไว้ข้าง
เก้าอี้ แล้วก็นั่งมองหมวกใบโปรดด้วยความชื่นชม
สามสี่วันนั้น เขาปิดหน้าต่างเพื่อไม่ให้แสงแดดลอดเข้ามา
โดนหมวกที่เขาตากไว้ข้างเก้าอี้เลย
เมื่อถึงวันที่แปดหลังจากวันที่เข้าซื้อหมวกมา เขาก็เริ่มไม่
สบาย ไข้ขึ้น ๆ ลง ๆ แล้วเขาก็เริ่มไอจนตัวโยน บางทีอาจ
จะเป็นเพราะเขามัวแต่เก็บตัวอุดอู้อยู่ในห้องที่ไม่เปิดหน้า
ต่างระบายอากาศหลายวัน หรือบางทีอาจจะเป็นเพราะเชื้อ
ราที่ขึ้นที่หมวกสักหลาดที่ไม่โดนแดดเลย
วันนี้ เขากำลังแต่งตัวเพื่อจะไปหาหมอ เขาเอามือปัดเชื้อรา
ที่ขึ้นที่หมวกออก เขารู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวจนต้องหยิบเสื้อ
มาใส่ทับอีกชั้นหนึ่ง แล้วเขาก็หยิบหมวกใบโปรดขึ้นมาสวม
ทันทีที่เขาเปิดประตูห้องเช่าออกมา ลมเย็น ๆ ปะทะตัวเขา
วูบหนึ่งเขารีบดึงปีกหมวกลงมาบังลม แล้วก็พูดกับตัวเองว่า
"ดีนะ ที่มีหมวก"
ถ้าท่านแนะนำชายคนนั้นได้ ท่านจะแนะนำว่าอย่างไร
ก. เอาหมวกไปทิ้ง เพราะเชื้อราที่หมวกจะทำให้ป่วยไข้ไปนาน
ข. เอาหมวกไปทิ้ง เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นมันมีสาเหตุมาจาก
หมวกทั้งสิ้น
ค. เอาหมวกไปเก็บ เพราะเป็นของที่มีมูลค่าและคุณค่า
ง. แนะนำให้ไปเป็นนักการเมือง
จ. ไม่แนะนำ เพราะฉันก็เคยคิดอย่างนี้เหมือนกัน
ฉ. ไม่แนะนำ แต่จะแนะนำตัวเองถึงเรื่องที่กำลังกังวลอยู่ว่า
ทำไมมันคล้ายกับชายคนนั้นนัก
ช. ไม่แนะนำ แต่จะทบทวนเรื่องผู้ชายคนหนึ่งที่เคยผ่าน
เข้ามาในชีวิต เขาไม่ได้ชื่อหมวก แต่ทำไมรู้สึกว่าเขา
เหมือนหมวก
ซ. ปฏิจจสมุปบาท
ฌ. ไม่มีข้อใดถูกต้อง
ญ. ถูกทุกข้อ
...
คัดลอกจากหน้าสุดท้าย a day ฉบับที่ 103 March 2009
ปล. ขอขอบคุณ คุณเซเซ่ จาก www.thaimung.net ค่ะ
ปล.อีกที สาธุขออย่าให้มีปัญหานี่มันรอบ 2 แล้ว TT^TT
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น