แค่ชอบคงไม่พอ
แม้จะทำงานเพลงน้อยลงน้อย แต่คำถามที่ผมมักถูกถามบ่อยเป็นอันดับต้นๆก็คือ “อะไรชักนำให้ผมมาทำงานศิลปะด้านเสียงเพลง”
ความชอบหรือ ฟังคำถามมากๆเข้า ผมก็เลยย้อนถามกลับไปบ้าง สำหรับคนที่ทำงานทำนองเดียวกัน “ความชอบใช่ไหม” หลาย คนสารภาพกับผมตรงๆว่าเขาวาดภาพความสำเร็จของตัวเองไว้ที่ปลายสุดของความฝัน อยากเป็นนักเขียน อยากเป็นนักแต่งเพลง อยากเป็นนักดนตรี ฯลฯ
ลองสำรวจหัวใจตัวเองดู
ผม ว่าผมไม่เคยคิดอยากเป็นอะไรอย่างที่ว่าเลย ที่ผมมาเป็นนักเขียน เพราะผมอยากเขียนไม่ใช่เพราะผมอยากเป็น สองคำนี้ต่างกันจริงๆหรือว่าแค่เล่นลิ้น คนที่กำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของการเลือกทางเดินคงต้องคิดต่อเอง
ส่วน คำถามที่ถามว่า เพราะชอบหรือ บอกได้เลยว่าแค่ชอบยังไม่พอ เสียงเพลงเสียงดนตรีนี่ใครก็ชอบใครๆก็รักทั้งนั้น ไม่เชื่อไปเดินดูตามร้านคาราโอเกะก็ได้ ที่นั่นมีลูกค้าตั้งแต่รุ่นยังไม่ถึงสิบขวบยันไปถึงรุ่นอายุเจ็ดสิบ ขึ้นชื่อว่าดนตรีแล้วมีใครไม่ชอบบ้าง
เพื่อนนักเรียนของผมครั้งเรียนมัธยม ก็รักดนตรีและชอบเล่นดนตรีอยู่หลายคน แต่มีเหลือแทบนับคนได้ที่ยังคงเล่นดนตรีมาถึงทุกวันนี้
ผมเข้ามาทำงานเพลงครั้งแรก แม้จะเป็นงานอย่างที่ทุกวันนี้เขาเรียกกันว่า “อินดี้” แต่ผมก็โชคดีที่ได้เห็นระดับพระกาฬทำงานอยู่ใกล้ๆข้างหน้าไม่ถึงศอก พี่ป้อมอัสนี พี่ปราจีน ทรงเผ่า พี่ต๋องเทวัญ ฯลฯ ผมนั่งดูพี่พวกนั้นทำงานแล้วบอกได้เลยว่า ไม่ใช่แค่ความชอบเท่านั้นที่พวกเขามีต่อ “ดนตรี” ทั้งหมดที่ผมเขามีแสดงออกมาอย่างชัดเจนทั้งความรับผิดชอบและแววตา
พวกเขาไม่เพียงแต่แค่ “ชอบ” พวกเขา “หลงใหล”มันหัวปักหัวปำเลยครับ
มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ ถ้าอยากทำอะไรอย่าเพียงแต่แค่ชอบ ต้องหลงใหลมันอย่างโงหัวไม่ขึ้นเท่านั้น จึงจะสร้างงานชนิดเปลี่ยนโลกได้
และนี่คือคำตอบที่ดีที่สุดสำหรับคำถามบรรทัดแรก-----------------------------------------------------------------------------
บางครั้งแค่ชอบก็คงไม่พอ มันมีอะไรอีกมากมายเหลือเกิน
รวมไปถึงความรักด้วย แค่รักก็คงไม่พอเช่นกันครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น