วันพฤหัสบดีที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2567

คู่มือออกแบบชีวิตเพื่อพิชิตการเป็นมนุษย์ผู้มีความสุข

Design your life to conquer humanity happily.


1. การเข้าใจความสุข

  • นิยามความสุข: ความสุขคืออะไร?
  • ความสำคัญของความสุข: ทำไมความสุขถึงสำคัญในชีวิต?
  • Martin Seligman: นิยามความสุขผ่านแนวคิด PERMA (Positive Emotion, Engagement, Relationships, Meaning, Accomplishment) ซึ่งชี้ให้เห็นว่าความสุขมาจากความรู้สึกดี การมีส่วนร่วมในกิจกรรมที่น่าสนใจ ความสัมพันธ์ที่ดี ความหมายในชีวิต และการบรรลุเป้าหมาย
  • Sonja Lyubomirsky: ระบุว่า ความสุขคือการประสบความสำเร็จในชีวิตที่เต็มไปด้วยความพอใจและการมีความสุขในทุกๆ วัน โดยไม่จำกัดแค่ความรู้สึกดีชั่วขณะ
  • Richard Easterlin: เสนอว่า ความสุขไม่ใช่แค่ระดับรายได้หรือความมั่งคั่ง แต่ขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ของคนและความพอใจในชีวิต โดยเชื่อว่าหลังจากระดับรายได้ที่เพียงพอ ความสุขไม่เพิ่มขึ้นตามรายได้
  • Diane Coyle: สนับสนุนแนวคิดว่า ความสุขควรถูกมองในบริบทของคุณภาพชีวิตและสวัสดิการ ซึ่งรวมถึงปัจจัยเชิงสังคมและจิตใจ
  • Aristotle: นิยามความสุขว่าเป็น eudaimonia หรือ "การมีชีวิตที่ดี" ซึ่งมาจากการใช้เหตุผลและการพัฒนาคุณธรรม
  • John Stuart Mill: ให้ความสำคัญกับความสุขในฐานะผลรวมของความพอใจและการหลีกเลี่ยงความเจ็บปวด
  • Well-Being: มีแนวคิดที่เน้นถึงความเป็นอยู่ที่ดีซึ่งรวมถึงสุขภาพจิต, ความสัมพันธ์, ความหมายในชีวิต, และการมีส่วนร่วมในกิจกรรมที่ทำให้มีความสุข

2. การค้นหาความหมาย จาก หนังสือ "Man's Search for Meaning" โดย Viktor Frankl

  • การตั้งเป้าหมาย: วิธีการตั้งเป้าหมายที่มีความหมาย
  • การสร้างวิสัยทัศน์: การมองเห็นอนาคตที่ต้องการ
  • 1. การค้นหาความหมายผ่านประสบการณ์

    • Frankl เน้นว่าความหมายสามารถพบได้ในทุกสถานการณ์ แม้ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก เช่น การเผชิญกับความทุกข์และความทุกข์ทรมาน
    • ผู้คนสามารถหาความหมายในชีวิตจากการใช้ประสบการณ์ที่ท้าทายเหล่านี้เป็นแรงผลักดันในการเติบโต

    2. ความสำคัญของการมีจุดมุ่งหมาย

    • Frankl กล่าวถึง "การมีจุดมุ่งหมาย" ว่าเป็นสิ่งสำคัญในการดำรงชีวิต โดยผู้ที่มีจุดมุ่งหมายในชีวิตจะมีความสามารถในการฟันฝ่าอุปสรรคได้ดีขึ้น
    • เขาเสนอให้ตั้งคำถามว่า "ฉันสามารถทำอะไรได้บ้างในสถานการณ์นี้?" แทนที่จะถามว่า "ทำไมสิ่งนี้ถึงเกิดขึ้นกับฉัน?"

    3. การใช้ความรักเป็นแรงบันดาลใจ

    • ความรักต่อผู้อื่นสามารถช่วยให้เราพบความหมายในชีวิต Frankl ยกตัวอย่างถึงความรักที่เขามีต่อภรรยา ซึ่งเป็นแรงจูงใจให้เขายังมีความหวังแม้ในช่วงที่ต้องเผชิญความทุกข์

    4. การรับผิดชอบต่อชีวิตของตนเอง

    • Frankl เน้นว่าเรามีความรับผิดชอบในการค้นหาความหมายและเลือกท่าทีในการเผชิญกับชีวิต ไม่ว่าในสถานการณ์ใดก็ตาม
    • เขาใช้คำว่า "การตัดสินใจในแบบที่เราเลือก" ว่าความหมายของชีวิตนั้นขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเราเอง

    5. การมองหาความหมายในสิ่งที่ทำ

    • ค้นหาความหมายในงานที่ทำ การมีส่วนร่วมในกิจกรรมที่ตรงกับความสนใจและคุณค่าของตนเอง
    • Frankl ย้ำว่าแม้ในงานที่เรียบง่าย หากเราสามารถมองเห็นความสำคัญและผลกระทบของมัน จะช่วยสร้างความหมายในชีวิต

    6. การเข้าใจว่าชีวิตมีความหมายในทุกช่วง

    • Frankl สอนว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ชีวิตมีความหมายในตัวของมันเอง ซึ่งเราสามารถค้นพบได้ตลอดเวลา
    • การมีจิตใจที่เปิดกว้างต่อประสบการณ์ชีวิตและการเรียนรู้จะช่วยให้เราสามารถค้นหาความหมายในทุกสถานการณ์เพ

3. การสร้างความสัมพันธ์ที่ดี

  • การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ: เทคนิคการฟังและพูดคุย
  • การสร้างและรักษามิตรภาพ: วิธีการสร้างเครือข่ายสนับสนุน
ความสัมพันธ์ที่ดีจะช่วยให้เรา มีความสุขและแข็งแรงมากขึ้น
  • Robert Waldinger เป็นหนึ่งในนักวิจัยหลักของ Harvard Study of Adult Development ซึ่งเป็นการศึกษาเชิงยาวนานเกี่ยวกับชีวิตของผู้คนและความสุขในวัยผู้ใหญ่ เขาได้เน้นถึงความสำคัญของการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในชีวิตอย่างชัดเจน โดยมีข้อคิดหลักๆ ดังนี้:

    1. ความสัมพันธ์ที่มีคุณภาพ

    • Waldinger ชี้ให้เห็นว่าความสัมพันธ์ที่ดี โดยเฉพาะกับครอบครัวและเพื่อน มีความสำคัญต่อสุขภาพจิตและความสุขในชีวิต การมีคนที่เราเชื่อถือและสามารถพึ่งพาได้เป็นสิ่งที่ช่วยเสริมสร้างความพอใจในชีวิต ความสัมพันธ์ทางสังคมมีผลต่อเรามาก คุณภาพของความสัมพันธ์เป็นสิ่งสำคัญ ความสัมพันธ์ที่ดีช่วยปกป้องสมองของเราได้

    2. การสื่อสารที่เปิดเผย

    • การสื่อสารที่ดีและเปิดเผยระหว่างกันช่วยสร้างความเข้าใจและความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นขึ้น การแลกเปลี่ยนความรู้สึกอย่างตรงไปตรงมาทำให้เกิดการเชื่อมโยงที่ลึกซึ้ง

    3. การสนับสนุนซึ่งกันและกัน

    • การให้การสนับสนุนในยามที่มีความท้าทายหรือปัญหาช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้น การมีคนที่สามารถช่วยให้เราผ่านพ้นช่วงเวลาที่ยากลำบากได้ถือเป็นความสุขที่สำคัญ

    4. การใช้เวลาอยู่ร่วมกัน

    • การใช้เวลาร่วมกันในกิจกรรมที่มีความหมายช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ การมีช่วงเวลาที่ดีร่วมกันทำให้เกิดความทรงจำที่ดีและสร้างความผูกพัน

    5. การให้อภัยและความอดทน

    • ความสามารถในการให้อภัยและอดทนต่อกันในความสัมพันธ์ถือเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาความสัมพันธ์ที่ดี การยอมรับข้อบกพร่องและข้อจำกัดของกันและกันช่วยให้ความสัมพันธ์มีความยั่งยืน
    ชีวิตสั้นนัก จนไม่มีเวลา สำหรับการทะเลาะ การขอโทษ การอิจฉาริษยา และการต่อว่า มีเพียงเวลาเพื่อรัก และจะว่าไปแล้ว ก็แสนสั้นเช่นกันมาร์ก ทเวน (Mark Twain)

    6. การให้ความสำคัญกับความสุขของผู้อื่น

    • Waldinger กล่าวถึงความสำคัญของการมองเห็นและใส่ใจต่อความสุขของคนรอบข้าง การมีจิตใจที่ดีต่อกันสร้างบรรยากาศที่ดีในความสัมพันธ์

    การศึกษา Harvard Study of Adult Development สรุปได้ว่าความสัมพันธ์ที่ดีไม่เพียงแต่ทำให้ชีวิตมีความสุขมากขึ้น แต่ยังส่งผลดีต่อสุขภาพร่างกายและจิตใจในระยะยาวอีกด้วย!


  • ความสุขและสุขภาพที่ดีของชีวิตมาจากความสัมพันธ์ที่ดี (Good relationships keep us happier and healthier) โดยพบว่าการมีความสัมพันธ์ทางสังคม (social connections) ที่ดีนั้น เป็นสิ่งที่ดีสำหรับตัวเราผู้ที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับครอบครัวกับเพื่อนกับคนรอบข้างจะเป็นผู้ที่มีสุขภาพที่แข็งแรงมีความสุขและอายุยืนมากกว่า พวกที่ชอบอยู่ตัวคนเดียวไม่ค่อยมีปฏิสัมพันธ์กับบุคคลอื่น ผู้ที่ชอบอยู่คนเดียวหรือปลีกตัวจากสังคมและผู้อื่นจะกลายเป็นคนที่ไม่ค่อยมีความสุขสุขภาพจะเริ่มเสื่อมโทรม เมื่อถึงวัยกลางคนการทำงานของสมองจะเสื่อมเร็วกว่าและสุดท้ายมักจะเป็นผู้ที่มีอายุสั้นกว่า

  • อย่างไรก็ดีไม่ใช่ว่าจะต้องมีเพื่อนเยอะๆ มีคนรู้จักเยอะๆ แล้วจะมีความสุขสุขภาพดีอายุยืนนะครับ ที่สำคัญที่สุดคือคุณภาพของความสัมพันธ์ที่มีอยู่ด้วยครับ การใช้ชีวิตอยู่กับบุคคลรอบข้างโดยเต็มไปด้วยความขัดแย้งระหว่างกันนั้นกลายเป็นสิ่งที่ทำลายสุขภาพ ยิ่งถ้าเป็นชีวิตสมรสที่เต็มไปด้วยความขัดแย้งโดยขาดความรักระหว่างกันนั้น พบว่าส่งผลต่อสุขภาพยิ่งกว่าการหย่าร้างกันเสียอีกครับ

  • สรุปง่ายๆ คือความสัมพันธ์ที่ดีและใกล้ชิดระหว่างบุคคลจะส่งผลดีต่อสุขภาพและความสุขของเรา ซึ่งไม่ได้เป็นเรื่องใหม่เลยนะครับเป็นสิ่งที่พูดและสั่งสอนกันมานาน เพียงแต่ในปัจจุบันเราอาจจะไปให้ความสำคัญกับเรื่องอื่นมากเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของเงินทองหรือชื่อเสียงหรือการทำงานหนักแทนที่จะให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างบุคคล เคยได้ยินหรืออ่านเจอว่าคนใกล้ตายคนไหนไหมครับที่มาเสียใจก่อนเสียชีวิตว่า “ถ้าย้อนเวลากลับไปได้อยากจะใช้เวลาบนโต๊ะทำงานและห้องประชุมให้มากกว่านี้

  • 1. ความสัมพันธ์ที่มีคุณภาพคือกุญแจสู่ความสุข

    • ความสัมพันธ์ที่ดีและการมีคนที่รักใกล้ชิดมีความสำคัญที่สุดต่อความสุขและความพอใจในชีวิต การมีเครือข่ายสนับสนุนช่วยให้เราผ่านพ้นช่วงเวลาที่ยากลำบาก

    2. ความสัมพันธ์ที่ดีมีผลต่อสุขภาพ

    • ผู้ที่มีความสัมพันธ์ที่ดีมักมีสุขภาพกายและจิตที่ดีกว่า รวมถึงมีอายุยืนยาวขึ้น โดยความสัมพันธ์ที่มีคุณภาพช่วยลดความเครียดและเพิ่มความรู้สึกของความปลอดภัย

    3. การสื่อสารที่เปิดเผย

    • การพูดคุยกันอย่างตรงไปตรงมาและเปิดเผยในความสัมพันธ์ช่วยเสริมสร้างความเข้าใจและการเชื่อมโยงที่แน่นแฟ้นขึ้น

    4. การทำกิจกรรมร่วมกัน

    • การใช้เวลาร่วมกันในกิจกรรมที่มีความหมายหรือสนุกสนานช่วยสร้างความทรงจำที่ดีและความผูกพันระหว่างกัน

    5. ความสามารถในการให้อภัย

    • การให้อภัยและการอดทนต่อกันในความสัมพันธ์ช่วยรักษาความสัมพันธ์ให้ยั่งยืน แม้จะมีความขัดแย้งหรือปัญหาเกิดขึ้น

    6. การดูแลตัวเอง

    • นอกจากความสัมพันธ์ที่ดีแล้ว การดูแลสุขภาพจิตและกายของตนเองก็มีความสำคัญ ควรให้ความสำคัญกับกิจกรรมที่ช่วยเพิ่มพูนความสุขในชีวิตประจำวัน

    7. การหาความหมายในชีวิต

    • การตั้งเป้าหมายและค้นหาความหมายในสิ่งที่ทำช่วยเสริมสร้างความพอใจในชีวิตและทำให้เรามีแรงบันดาลใจในการดำเนินชีวิต

    8. การเรียนรู้และเติบโต

    • การเปิดใจเรียนรู้จากประสบการณ์ทั้งดีและร้ายช่วยให้เราสามารถเติบโตและพัฒนาตนเองได้ดีขึ้น

    9. การมีส่วนร่วมในชุมชน

    • การมีส่วนร่วมในกิจกรรมของชุมชนและการช่วยเหลือผู้อื่นช่วยเสริมสร้างความรู้สึกของความเชื่อมโยงและความสุข

4. การพัฒนาตนเอง

  • การเรียนรู้ตลอดชีวิต: วิธีการพัฒนาทักษะใหม่ ๆ
  • การตั้งค่าเป้าหมายในการเติบโต: การประเมินและปรับเป้าหมาย
  • Achor กล่าวว่า การมีทัศนคติในเชิงบวกช่วยเสริมสร้างการเรียนรู้และพัฒนาตนเอง ซึ่งเชื่อมโยงกับการเติบโตในด้านอาชีพและความสุข
  • Seligman เสนอแนวทางการพัฒนาความสามารถของตนเองผ่านการตั้งเป้าหมายที่มีความหมาย ซึ่งเกี่ยวข้องกับการมีส่วนร่วมในกิจกรรมที่สร้างสรรค์

5. การดูแลสุขภาพจิตและกาย

  • การทำสมาธิและการฝึกสติ: เทคนิคการสร้างสมดุล
  • การออกกำลังกายและโภชนาการ: วิธีดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง

6. การจัดการอารมณ์และความเครียด

  • การระบุอารมณ์: วิธีการเข้าใจและจัดการอารมณ์
  • เทคนิคการผ่อนคลาย: วิธีจัดการกับความเครียด

7. การสร้างนิสัยที่ดี

  • การพัฒนานิสัยใหม่: วิธีการสร้างและรักษานิสัยที่ดี
  • การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม: เทคนิคในการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมเชิงลบ

8. การใช้เวลาอย่างมีคุณค่า

  • การบริหารจัดการเวลา: เทคนิคการจัดการเวลาให้มีประสิทธิภาพ
  • การให้ความสำคัญกับกิจกรรมที่มีคุณค่า: วิธีการเลือกทำสิ่งที่สำคัญ

9. การปฏิบัติตนอย่างมีจริยธรรม

  • การเลือกทำสิ่งที่ถูกต้อง: สร้างความสำนึกในความถูกต้อง
  • การมีส่วนร่วมในสังคม: วิธีการช่วยเหลือผู้อื่นและสร้างผลกระทบที่ดี

10. การประเมินและปรับปรุงชีวิต

  • การสะท้อนความคิด: วิธีการประเมินความก้าวหน้าในชีวิต
  • การปรับเปลี่ยนแนวทาง: การเปลี่ยนแปลงตามความต้องการและสถานการณ์

11. ข้อคิดและแรงบันดาลใจ

  • คำคมและบทเรียนจากผู้ประสบความสำเร็จ: แบ่งปันประสบการณ์และข้อคิดที่เป็นแรงบันดาลใจ

คู่มือเหล่านี้สามารถจัดเรียงในรูปแบบที่เข้าใจง่าย พร้อมกิจกรรมหรือแบบฝึกหัดที่ช่วยให้ผู้อ่านสามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้จริง!

หนังสืออ้างอิง

  • "The Happiness Advantage" โดย Shawn Achor
  • "Flourish" โดย Martin Seligman
  • "Man's Search for Meaning" โดย Viktor Frankl

การออกแบบชีวิตเพื่อความสุขนั้นขึ้นอยู่กับการนำปัจจัยและพฤติกรรมในแต่ละด้านมาปรับใช้ในชีวิตประจำวัน เพื่อสร้างสมดุลและเพิ่มความพึงพอใจในทุก ๆ ด้านของชีวิต!

วันอังคารที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2567

สุดยอดจิตวิทยาแห่งความกล้าหาญ: หนังสือที่คุณสามารถเข้าใจได้ในหนึ่งชั่วโมง โดย อัลเฟรด แอดเลอร์



勇気の心理学 アルフレッド・アドラーが1時間でわかる本 Psychology of Courage: Alfred Adler's Book that You Can Know in One Hour โดย Akira Nakano, ผู้จัดพิมพ์: Gakken Plus

 "勇気の心理学" (Psychology of Courage) เป็นหนึ่งในแนวคิดหลักของ Alfred Adler นักจิตวิทยาชื่อดังที่เป็นผู้ก่อตั้งจิตวิทยาแอดเลอเรียน (Adlerian Psychology) ในด้านจิตวิทยา แนวคิดนี้มีความสำคัญต่อการเข้าใจและพัฒนาความมั่นใจในตนเอง รวมถึงการมีชีวิตที่มีความหมายและมีคุณภาพมากขึ้น นี่คือแนวคิดหลักๆ ที่เกี่ยวข้องใน "勇気の心理学":

แนวคิดหลักของ "勇気の心理学"

  1. ความกลัวและความกล้าหาญ

    • ความกล้าหาญ: Adler มองว่าความกล้าหาญคือการเผชิญกับความกลัวและการจัดการกับความกลัวอย่างมีสติ การที่บุคคลสามารถเผชิญความท้าทายและความล้มเหลวด้วยความกล้าหาญเป็นสิ่งสำคัญในการเติบโตและพัฒนา
    • ความกลัว: การเผชิญความกลัวหรือความวิตกกังวลเป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์ชีวิตที่เราต้องจัดการ โดย Adler เชื่อว่าความกลัวไม่ใช่สิ่งที่ต้องหลีกเลี่ยง แต่เป็นสิ่งที่เราต้องเข้าใจและเรียนรู้ที่จะจัดการ
  2. การสร้างความหมายในชีวิต

    • Adler เชื่อว่าแต่ละบุคคลสามารถสร้างความหมายในชีวิตของตนเองผ่านการตั้งเป้าหมายและการมีส่วนร่วมในกิจกรรมที่มีความหมาย การมีเป้าหมายที่ชัดเจนและการพยายามให้ถึงเป้าหมายช่วยให้เรามีความรู้สึกของการบรรลุผลและความสำเร็จ
  3. ความรู้สึกของการเป็นสมาชิก (Sense of Belonging)

    • การรู้สึกว่าเราเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มหรือสังคมช่วยเพิ่มความมั่นใจและความกล้าหาญ การมีความสัมพันธ์ที่ดีและรู้สึกถึงการมีคุณค่าในกลุ่มช่วยเสริมสร้างความกล้าหาญในการเผชิญความท้าทาย
  4. การพัฒนาความสามารถในการรับผิดชอบ

    • การมีความกล้าหาญหมายถึงการรับผิดชอบต่อการกระทำและผลลัพธ์ของตนเอง การรับผิดชอบในการตัดสินใจและการกระทำช่วยให้เราสามารถพัฒนาความมั่นใจและความกล้าหาญได้
  5. การใช้ความกล้าหาญในการเผชิญปัญหา

    • Adler สนับสนุนให้ใช้ความกล้าหาญในการเผชิญปัญหาต่างๆ และการปรับตัวต่อสถานการณ์ใหม่ๆ การเผชิญปัญหาด้วยทัศนคติที่กล้าหาญสามารถนำไปสู่การเติบโตและการพัฒนาในชีวิต

แนวคิดที่เกี่ยวข้องในจิตวิทยาแอดเลอเรียน:

  • การพัฒนาอัตลักษณ์ (Self-Concept)

    • การพัฒนาความมั่นใจในตนเองและการรู้จักตนเองเป็นสิ่งสำคัญในการพัฒนาความกล้าหาญ
  • การสร้างเป้าหมายชีวิต (Life Goals)

    • การตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนและมีความหมายช่วยเสริมสร้างความกล้าหาญในการดำเนินชีวิต
  • การเผชิญความท้าทาย (Facing Challenges)

    • การเผชิญและจัดการกับความท้าทายและความล้มเหลวอย่างกล้าหาญช่วยให้เราพัฒนาความสามารถและความมั่นใจ
  • ความรู้สึกของการเป็นสมาชิกของสังคม (Social Interest)

    • การมีส่วนร่วมในสังคมและการรู้สึกว่าตนเองเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มช่วยเสริมสร้างความมั่นใจและความกล้าหาญ

การเข้าใจและนำหลักการเหล่านี้ไปใช้สามารถช่วยให้เราพัฒนาความกล้าหาญในการเผชิญกับชีวิตและความท้าทายต่างๆ ได้ดีขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและความรู้สึกของการมีความหมายในชีวิตครับ

Alfred Adler เป็นยักษ์ใหญ่ด้านจิตวิทยาเคียงข้าง Freud และ Jung หนังสือเล่มนี้เป็นที่รู้จักในชื่อ ``ต้นกำเนิดของการพัฒนาตนเอง'' และยังเป็นที่รู้จักในชื่อ ``จิตวิทยาแห่งความกล้าหาญ'' หนังสือเล่มนี้ช่วยให้คุณเข้าใจขอบเขตทั้งหมดของทฤษฎีนี้ในระยะเวลาอันสั้น อิทธิพลของทฤษฎีนี้ที่มีต่อสังคมยุคหลัง และแม้กระทั่งชีวิตของแอดเลอร์เอง


[เกี่ยวกับผู้แต่ง]
เกิดเมื่อปี 1962 ในจังหวัดชิงะ สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยริทสึเมอิคัง คณะอักษรศาสตร์ ภาควิชาปรัชญา นักเขียนสารคดีและเป็นอาจารย์พิเศษที่มหาวิทยาลัย Doshisha

คำอธิบายเนื้อหา

``ความรู้สึกต่ำต้อย'' ``ไลฟ์สไตล์'' ``ความรู้สึกของชุมชน'' ``ความท้าทายสามประการ'' และ ``ความกล้าหาญที่จะก้าวไปข้างหน้า'' ถอดรหัส Alfred Adler ยักษ์ใหญ่แห่งจิตวิทยา โดยใช้คำสำคัญ 5 คำ!

สารบัญ

1. จิตวิทยา Adlerian คืออะไร
2. กุญแจสำคัญของจิตวิทยา Adlerian คือ ``ปมด้อย''
3. ``ไลฟ์สไตล์'' ที่กำหนดวิถีชีวิตของผู้คน
4. ``ความรู้สึกของชุมชน'' สนับสนุนโดย Adler คืออะไร
5. ``ความท้าทายสามประการในชีวิต'' ที่ต้องแก้ไข
6. “จิตวิทยาแห่งความกล้าหาญ” ในฐานะ “อาวุธ” สำหรับการดำเนินชีวิตในปัจจุบัน

ทัศนคติพื้นฐานของจิตวิทยา Adlerian คือการพยายามเข้าใจพฤติกรรมและจิตวิทยาของมนุษย์โดยอาศัยแนวคิดง่ายๆ นี้ที่ว่าผู้คนดำเนินชีวิตเพื่อบรรลุเป้าหมายของตน

แอดเลอร์ไม่ใช่ลูกศิษย์ของฟรอยด์ อีกทั้งเราไม่ได้สร้างมิตรภาพที่ลึกซึ้งใดๆ

Adlerian psychology seeks to understand people's behavior and psychology through their goals. Adler also called his own psychology "individual psychology."จิตวิทยาแอดเลอเรียนพยายามที่จะเข้าใจพฤติกรรมและจิตวิทยาของผู้คนผ่านเป้าหมายที่พวกเขามี แอดเลอร์ยังเรียกจิตวิทยาของเขาเองว่า "จิตวิทยาส่วนบุคคล"

People act towards goals ผู้คนกระทำการไปสู่เป้าหมาย

 Adlerian psychology is a psychology that "developed from an effort to understand the mysterious creative power of life," which is จิตวิทยาแอดเลอเรียนเป็นจิตวิทยาที่ "พัฒนามาจากความพยายามที่จะเข้าใจพลังสร้างสรรค์อันลึกลับของชีวิต" ซึ่งเป็น

 1) The desire to pursue and achieve goals ความปรารถนาที่จะไล่ตามและบรรลุเป้าหมาย

2) The desire to compensate for failure in one direction by success in another. ปรารถนาที่จะชดเชยความล้มเหลวในทิศทางหนึ่งด้วยการประสบความสำเร็จในอีกทิศทางหนึ่ง

ทัศนคติพื้นฐานของจิตวิทยา Adlerian คือการพยายามเข้าใจพฤติกรรมและจิตวิทยาของมนุษย์โดยอาศัยแนวคิดง่ายๆ ที่ว่าผู้คนดำเนินชีวิตไปสู่เป้าหมายของตน ดังนั้น จิตวิทยา Adlerian จึงถือว่า ``คุณไม่สามารถเข้าใจการกระทำและพฤติกรรมของบุคคลได้ เว้นแต่คุณจะทราบเป้าหมายของบุคคลนั้น'' 

Why is it called "the psychology of courage"?เหตุใดจึงเรียกว่า "จิตวิทยาแห่งความกล้าหาญ"?

 Adlerian psychology is about directing people in the right direction, correcting their wrong goals, and encouraging them to take a new step. จิตวิทยาของแอดเลอเรียนคือการชี้แนะผู้คนไปในทิศทางที่ถูกต้อง แก้ไขเป้าหมายที่ผิด และทำให้พวกเขามีความกล้าที่จะก้าวไปอีกขั้น

"Goals chosen by the individual" can be corrected เป้าหมายที่บุคคลเลือกเองสามารถแก้ไขได้

 The goals that people have are different and as varied as each individual.เป้าหมายที่ผู้คนมีแตกต่างกันไปในแต่ละคน

This is why Adlerian psychology takes the stance that "you cannot understand a person's actions and behavior unless you know their goals." To point someone in the right direction, you need to understand their goals and encourage them to understand that their goals are wrong. Then, it is essential to find the right goals together with them and encourage them to take a step forward.นี่คือสาเหตุที่จิตวิทยา Adlerian มีทัศนคติที่ว่า ``คุณไม่สามารถเข้าใจการกระทำของบุคคลและการกระทำของบุคคลได้ เว้นแต่คุณจะทราบเป้าหมายของบุคคลนั้น'' หากต้องการชี้ทางที่ถูกต้อง ให้เข้าใจเป้าหมายของพวกเขา และช่วยให้พวกเขาเห็นว่าเป้าหมายของพวกเขาผิด จากนั้น จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องทำงานร่วมกันเพื่อค้นหาเป้าหมายที่ถูกต้อง และทำให้พวกเขามีความกล้าที่จะก้าวแรก

Also, even if the person had the wrong goal, they are required to take a courageous step toward a new goal.นอกจากนี้ผู้ที่มีเป้าหมายที่ผิดก็ต้องมีความกล้าที่จะก้าวไปสู่เป้าหมายใหม่

 Adlerian psychology, which takes the approach described above, is therefore also known as the "psychology of encouragement" or the "psychology of courage."จิตวิทยาแอดเลอเรียน ซึ่งใช้แนวทางที่แสดงทางด้านขวา จึงเรียกอีกอย่างว่า ``จิตวิทยาแห่งการให้กำลังใจ'' หรือ ``จิตวิทยาแห่งความกล้าหาญ''

 Adlerian psychology can help us push ourselves in the right direction to help us enjoy a more rewarding life.จิตวิทยาแอดเลอเรียนผลักดันเราไปในทิศทางที่ถูกต้อง เพื่อที่เราจะได้มีชีวิตที่ประสบผลสำเร็จมากขึ้น

The key to Adlerian psychology: "inferiority complex" กุญแจสำคัญของจิตวิทยา Adlerian คือ "ปมด้อย"

 Adler focused on human inferiority complex and believed that it was this inferiority complex that gave birth to all human cultures. Inferiority complexes are closely related to the formation of human groups, and form the basis of Adler's theory. แอดเลอร์มุ่งเน้นไปที่ความรู้สึกด้อยกว่าของมนุษย์และเชื่อว่าความรู้สึกต่ำต้อยนี้เองที่ก่อให้เกิดวัฒนธรรมของมนุษย์ทั้งหมด ปมด้อยมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างมากกับการที่มนุษย์รวมตัวกันเป็นกลุ่มและเป็นพื้นฐานของทฤษฎีของแอดเลอร์

-กล่าวอีกนัยหนึ่ง เมื่อผู้คนรู้สึกต่ำต้อย พวกเขาเริ่มพยายามเปลี่ยนตัวเองจากสถานการณ์ที่รู้สึกเชิงลบไปสู่สถานการณ์ที่รู้สึกเชิงบวก 

อันที่จริงอาจกล่าวได้ว่าปมด้อยเป็นสิ่งที่ดีไม่ใช่สิ่งเลวร้าย โดยจะกลายเป็นแรงผลักดันในการพัฒนาตนเอง

การยอมรับว่าความรู้สึกด้อยค่าคือสิ่งที่เกิดขึ้นได้ในชีวิต และมันไม่ใช่สิ่งที่ต้องหลบเลี่ยง แต่ควรใช้มันเป็นแรงกระตุ้นในการพัฒนาและเติบโต

Adler เชื่อว่าการตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนและเหมาะสมช่วยให้เราโฟกัสไปที่การพัฒนาตนเองแทนที่จะเปรียบเทียบกับผู้อื่น

การมีความสัมพันธ์ที่ดีและสนับสนุนจากคนรอบข้างช่วยลดความรู้สึกด้อยค่าและสร้างความมั่นใจในตนเ

ค้นหาความหมายในกิจกรรมที่ทำและการมีส่วนร่วมในสังคมจะช่วยให้เรารู้สึกมีคุณค่าและลดความรู้สึกด้อยค่า

การฝึกคิดบวกและมองหาจุดแข็งในตัวเองช่วยเพิ่มความมั่นใจและลดความรู้สึกด้อยค่า

การเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ หรือพัฒนาทักษะที่สนใจจะช่วยเสริมสร้างความมั่นใจในตนเอง

ลดการเปรียบเทียบตนเองกับคนอื่น และให้ความสำคัญกับการเติบโตในแบบของตนเอง

เปิดรับความคิดเห็นและคำแนะนำจากผู้อื่นเพื่อนำมาปรับปรุงตนเอง แต่ไม่ให้ความรู้สึกนั้นมากดดันตนเองจนเกินไป

การมองโลกในแง่ดีในระดับหนึ่งจะช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงความรู้สึกถูกครอบงำโดยปมด้อยได้

"Lifestyle" determines how people live“ไลฟ์สไตล์เป็นตัวกำหนดวิถีชีวิตของผู้คน

 "Lifestyle" is a concept that includes the goals a person has, the approach and attitude they take to achieve those goals. Lifestyle determines the direction of their life. And it can also be reshaped."ไลฟ์สไตล์" คือแนวคิดที่รวมถึงเป้าหมายที่บุคคลมี แนวทางในการบรรลุเป้าหมายเหล่านั้น และทัศนคติของพวกเขา ไลฟ์สไตล์เป็นตัวกำหนดทิศทางชีวิตของคุณ และยังสามารถสร้างขึ้นใหม่ได้อีกด้วย

If a person forms a lifestyle improperly, it will be difficult for him to cope with society. It is important to have the courage to correct the mistakes in your lifestyle. การสร้างวิถีชีวิตที่ไม่เหมาะสมทำให้บุคคลรับมือกับสังคมได้ยาก สิ่งสำคัญคือต้องมีความกล้าหาญที่จะแก้ไขข้อผิดพลาดในการดำเนินชีวิตของคุณ

・หากคุณพบว่าตัวเองกำลังพูดสิ่งต่าง ๆ เช่น ``แน่นอน แต่'' หรือ ``ถ้าเท่านั้น'' คุณควรตรวจสอบอย่างจริงจังเพื่อดูว่าคุณกำลังหนีจากปัญหาชีวิตหรือไม่


・“ฉันคนเดียว” จะทำให้สังคมล่มสลาย


-มีความกล้าหาญในตัวตนที่ไม่สมบูรณ์แบบของคุณ (ละเว้น) สรุปคือ ถ้าทำผิดก็ควรยอมรับอย่างนอบน้อมและแก้ไขให้ถูกต้องทุกครั้ง การยอมรับตัวตนที่ไม่สมบูรณ์ของคุณคือการยอมรับตนเอง


・อย่าคิดถึงสิ่งตอบแทนหรือคาดหวังความกตัญญู


・การคาดหวังความกตัญญูจากผู้อื่นนั้นแท้จริงแล้วเป็นเพียงวิธีคิดแบบเอาแต่ใจตนเองเท่านั้น


・เราควรทำอย่างไรเพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับสังคม?


-อีกนัยหนึ่ง สิ่งสำคัญคือการเป็นคนที่ให้มากขึ้น (ละเว้น) แน่นอนว่าการให้ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงเงินและสิ่งของเท่านั้น ดำเนินไปโดยไม่ได้บอกว่าคำพูดขอบคุณ คำแสดงความยินดี คำพูดให้กำลังใจ และรอยยิ้มที่ทำให้หัวใจอบอุ่น ล้วนเป็นสิ่งที่ผู้คนควรให้มากกว่านี้

Adlerian psychology does not believe that trauma determines one's life, as this would be a deterministic approach. People's actions are ultimately their own choices. จิตวิทยาของแอดเลอเรียนไม่เชื่อว่าชีวิตถูกกำหนดโดยบาดแผลทางจิตใจ นั่นจะหมายถึงการเข้ารับตำแหน่งที่กำหนด การกระทำของบุคคลนั้นเป็นทางเลือกของตนเอง

Trauma is not the cause, it's your decision การบาดเจ็บไม่ใช่สาเหตุ ขึ้นอยู่กับคุณที่จะตัดสินใจ

The most important concept in Adlerian psychology is a sense of community. Humans are made in such a way that it is extremely difficult for them to live apart from their community. Therefore, gaining a sense of community is the key to a fulfilling life. แนวคิดที่สำคัญที่สุดในจิตวิทยา Adlerian คือ "ความรู้สึกของชุมชน" มนุษย์ได้รับการออกแบบมาให้พบว่าเป็นเรื่องยากอย่างยิ่งที่จะอยู่แยกจากชุมชน ดังนั้นการได้รับความรู้สึกเป็นชุมชนจึงเป็นกุญแจสำคัญในการเติมเต็มชีวิต

ความรู้สึกของการเป็นชุมชนคือ "ความห่วงใยต่อเพื่อนมนุษย์ ความปรารถนาที่จะเป็นส่วนหนึ่งของส่วนรวม และการช่วยเหลือความเป็นอยู่ที่ดีของมนุษยชาติให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

The feeling that one is part of the whole, that one lives with the whole, is a sense of community. A sense of community extends far into the universe. ความรู้สึกของชุมชนคือการที่ผู้คนรู้สึกว่าพวกเขาเป็นส่วนหนึ่งของส่วนรวม และอยู่ร่วมกับส่วนรวม ความรู้สึกของชุมชนขยายออกไปในอวกาศ

Humble yourself and admit that you are prone to make mistakes, and accept them without feeling that they will diminish your human worth. Rudolf Dreijkers

ให้เรายอมรับอย่างถ่อมใจว่าเราทำผิดพลาด และยอมรับความผิดพลาดโดยไม่ต้องคิดว่าเราจะสูญเสียคุณค่าของมนุษย์' 

Dreikers กล่าวต่อว่า ``และเหนือสิ่งอื่นใด จำไว้ว่าเราไม่ได้มองหาความสมบูรณ์แบบ เราแค่อยากจะดีขึ้น'' (อ้างแล้ว) ดรายเคอร์สพูดถูก our goal is improvement, not perfection. จุดประสงค์ของเราไม่ใช่การแสวงหาความสมบูรณ์แบบ แต่เป็นการปรับปรุง

To gain a sense of community, it is also important to place yourself on an equal footing with others. This means "learning to see with the eyes of others, hear with the ears of others, and feel with the heart of others." เพื่อให้เข้าใจถึงความเป็นชุมชน สิ่งสำคัญคือต้องวางตนให้เท่าเทียมกับผู้อื่น เป็นทัศนคติที่ว่า "เรียนรู้ที่จะเห็นด้วยตา ได้ยินด้วยหู และรู้สึกด้วยใจ"

การได้รับความรู้สึกเป็นชุมชนอาจหมายถึงการตื่นรู้ถึงธรรมชาติที่แท้จริงของชีวิตมนุษย์

- พนักงานทุกคนควรพิจารณาว่างานของตนมีส่วนช่วยต่อผลลัพธ์ขององค์กรอย่างไร และจะเพิ่มการมีส่วนร่วมได้อย่างไร และยิ่งเรารู้สึกว่าเราได้ช่วยเหลือองค์กรมากเท่าไร เราก็จะยิ่งได้รับผลตอบแทนมากขึ้นเท่านั้น

"Three challenges in life" that we must tackle ความท้าทายสามประการในชีวิตที่ต้องเผชิญ

Community life, work, and love. As we go through life, we cannot avoid dealing with these three things. Adler called them the "three tasks of life." ชีวิตชุมชน การงาน และความรัก เมื่อเราดำเนินชีวิต เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงการจัดการกับสามสิ่งนี้ได้ แอดเลอร์เรียกสิ่งนี้ว่า "ภารกิจสามประการของชีวิต"

อัลเฟรด แอดเลอร์ ระบุ "สามภารกิจของชีวิต" ที่สำคัญ ซึ่งช่วยให้ผู้คนพัฒนาตนเองและมีความสุขในชีวิต โดยมีดังนี้:

  1. การทำงาน (Work): การมีส่วนร่วมในงานหรือกิจกรรมที่มีความหมาย เป็นการสร้างความรู้สึกของคุณค่าและความสำเร็จ รวมถึงการใช้ทักษะและความสามารถของตนเองให้เกิดประโยชน์

  2. ความสัมพันธ์ (Love): การสร้างและรักษาความสัมพันธ์ที่มีคุณภาพกับผู้อื่น รวมถึงการสร้างครอบครัวและความรัก ความสัมพันธ์ที่ดีช่วยเสริมสร้างความสุขและความพึงพอใจในชีวิต

  3. การมีส่วนร่วมในสังคม (Social Contribution): การมีส่วนร่วมในชุมชนหรือสังคม ช่วยให้รู้สึกถึงความเชื่อมโยงและการเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม ซึ่งสามารถส่งเสริมความรู้สึกของการเป็นสมาชิกในสังคม

We belong to a community and should have a job to contribute to the community. If we do not know the mission of our job, our sense of contribution to the organization will decrease. พวกเราที่อยู่ในชุมชนควรมีส่วนช่วยเหลือชุมชนผ่านการทำงาน ในเวลานั้น หากคุณไม่ทราบพันธกิจของงาน ความรู้สึกมีคุณูปการต่อองค์กรจะลดลง

Adler's psychotherapy followed the steps of relationship, goal, insight, and redirection. It was the "psychology of courage" that showed clients a new framework. จิตบำบัดของแอดเลอร์ดำเนินตามขั้นตอนของความสัมพันธ์ เป้าหมาย ความเข้าใจ และการปรับทิศทางใหม่ มันคือ ``จิตวิทยาแห่งความกล้าหาญ'' ที่นำเสนอกรอบการทำงานใหม่ให้กับลูกค้า

Create new techniques for achieving your goals and give you the courage to live สร้างเทคนิคใหม่ๆ เพื่อบรรลุเป้าหมาย และให้คุณมีความกล้าที่จะใช้ชีวิต

การให้คำปรึกษาที่ Adler นำมาใช้นั้นสามารถทำให้ง่ายขึ้นได้ดังนี้

① Relationship: Build a good relationship with the client ความสัมพันธ์: สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า

2) Goal: Discover the client's private logic and hidden goals เป้าหมาย: ค้นหาตรรกะส่วนตัวของลูกค้าและเป้าหมายที่ซ่อนอยู่

3) Insight: Help the client understand the following:  ข้อมูลเชิงลึก: ช่วยให้ลูกค้าเข้าใจข้อมูลที่ถูกต้อง

4. Reorientation: Help the client find better goals การปรับทิศทางใหม่: ช่วยให้ลูกค้าพบเป้าหมายที่ดีขึ้น

In Adlerian psychology, it is fundamental to put yourself in the other person's shoes, on an equal footing. In other words, it is a horizontal human relationship. If you assume this relationship, it is important to express gratitude rather than praising the other person. It is not that praising is entirely bad. However, compliments should be used with caution, and it is preferable to express gratitude more than anything else. ในทางจิตวิทยาของแอดเลอเรียน หลักการพื้นฐานคือการวางตัวเองให้เท่าเทียมกับอีกฝ่าย และวางตัวเองให้อยู่ในตำแหน่งของอีกฝ่าย กล่าวอีกนัยหนึ่ง มันเป็นความสัมพันธ์แนวนอน เมื่อพิจารณาถึงความสัมพันธ์นี้แล้ว การแสดงความขอบคุณมากกว่าการชมเชยอีกฝ่ายจึงเป็นเรื่องสำคัญ การสรรเสริญไม่ได้แย่ไปเสียหมด อย่างไรก็ตาม คำชมควรใช้เท่าที่จำเป็น และเป็นการดีกว่าที่จะแสดงความขอบคุณ

Changing the future depends only on the present การเปลี่ยนอนาคตขึ้นอยู่กับปัจจุบันเท่านั้น

 Adlerian psychology takes a teleological stance, believing that people act in accordance with their own aims and goals and thus achieve certain results. จิตวิทยาแอดเลอร์เรียนมีจุดยืนทางเทเลวิทยา ซึ่งถือว่าผู้คนปฏิบัติตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายของตนเองเพื่อให้บรรลุผล

What is the meaning of life after all? ท้ายที่สุดแล้ว ความหมายของชีวิตคืออะไร?

 Finding meaning in each person's life through the common human act of contributing to the community - this must be what Adler was trying to say about the meaning of life. แต่ละคนค้นพบความหมายในชีวิตของตนผ่านการกระทำร่วมกันในการช่วยเหลือชุมชน นี่คงเป็นความหมายของชีวิตอย่างที่แอดเลอร์หมายถึง

"If life is approached in this way, as a cooperation between independent individuals, there is no limit to the progress of our human society." (The Psychology of the Meaning of Life) -หากชีวิตถูกมองว่าเป็นความร่วมมือระหว่างบุคคลที่เป็นอิสระ ความก้าวหน้าของสังคมมนุษย์ของเราจะไม่มีขีดจำกัด

1. ความหมายของความกล้าหาญ

  • สรุป: ความกล้าหาญในทัศนคติของ Adler ไม่ใช่แค่การไม่มีความกลัว แต่คือการเผชิญหน้ากับความกลัวและความท้าทายอย่างมีสติและมีความตั้งใจ
  • ประยุกต์ใช้: เรียนรู้ที่จะรับรู้ความกลัวและเผชิญมันด้วยความกล้าหาญ ใช้ความกล้าหาญในการตัดสินใจและทำการกระทำที่ยากลำบาก

If you have the courage, you can change your lifestyle. คุณสามารถเปลี่ยนวิถีชีวิตของคุณได้หากคุณมีความกล้า

"Other people will not always say thank you. In such cases, you should not feel dissatisfied if you do not receive attention from others" (Kishimi Ichiro, "Adler: The Psychology of Living Life"). ``คนอื่นไม่ได้กล่าวขอบคุณเสมอไป ในกรณีเช่นนี้ สิ่งสำคัญคือต้องไม่รู้สึกไม่พอใจแม้ว่าคนอื่นจะไม่สนใจคุณก็ตาม'' 

2. การพัฒนาความมั่นใจในตนเอง

  • สรุป: การมีความมั่นใจในตนเองเป็นพื้นฐานของความกล้าหาญ การพัฒนาความมั่นใจในตนเองช่วยให้เราสามารถเผชิญความท้าทายได้ดีขึ้น
  • ประยุกต์ใช้: ตั้งเป้าหมายที่สามารถทำได้และบรรลุผลตามที่ตั้งใจ ฝึกฝนทักษะใหม่ๆ และให้รางวัลตนเองเมื่อบรรลุเป้าหมาย

3. ความรู้สึกของการเป็นสมาชิกในสังคม

  • สรุป: การรู้สึกว่าเรามีความหมายและเป็นส่วนหนึ่งของสังคมช่วยเสริมสร้างความกล้าหาญและการมีชีวิตที่ดี
  • ประยุกต์ใช้: เข้าร่วมกิจกรรมทางสังคมและองค์กรที่คุณสนใจ ใช้ความสามารถของคุณเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นและสร้างความสัมพันธ์ที่ดี

4. การเผชิญกับความล้มเหลวและความท้าทาย

  • สรุป: การจัดการกับความล้มเหลวและความท้าทายด้วยทัศนคติที่กล้าหาญเป็นสิ่งสำคัญในการเติบโตและพัฒนา
  • ประยุกต์ใช้: มองความล้มเหลวเป็นโอกาสในการเรียนรู้และปรับปรุงตัวเอง ใช้ประสบการณ์ที่ผ่านมาเพื่อพัฒนาความสามารถในการจัดการกับสถานการณ์ใหม่ๆ

5. การพัฒนาอัตลักษณ์และการรู้จักตนเอง

  • สรุป: การรู้จักตนเองและการพัฒนาความเข้าใจในอัตลักษณ์ของตนเองช่วยเสริมสร้างความกล้าหาญและความมั่นใจ
  • ประยุกต์ใช้: ใช้การสะท้อนตนเอง เช่น การเขียนบันทึก หรือการตั้งคำถามเพื่อค้นพบความแข็งแกร่งและจุดอ่อนของตนเอง

6. การสร้างความสัมพันธ์ที่ดี

  • สรุป: การสร้างและรักษาความสัมพันธ์ที่ดีเป็นส่วนสำคัญของการพัฒนาความกล้าหาญและการมีชีวิตที่มีความหมาย
  • ประยุกต์ใช้: ฝึกทักษะการสื่อสารที่ดี เช่น การฟังอย่างตั้งใจ และการแสดงความเห็นอกเห็นใจในการสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่ง

7. การจัดการกับความเครียดและความวิตกกังวล

  • สรุป: การจัดการกับความเครียดและความวิตกกังวลเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาความกล้าหาญและการมีชีวิตที่ดี
  • ประยุกต์ใช้: ใช้เทคนิคการผ่อนคลาย เช่น การทำสมาธิ การออกกำลังกาย และการฝึกการหายใจลึก เพื่อจัดการกับความเครียดและความวิตกกังวล

8. การมีเป้าหมายในชีวิต

  • สรุป: การตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนและมีความหมายช่วยเสริมสร้างความกล้าหาญและการมีชีวิตที่มีความหมาย
  • ประยุกต์ใช้: ตั้งเป้าหมายที่เป็นจริงและมีความหมาย ใช้เป้าหมายเหล่านี้เป็นแรงบันดาลใจในการดำเนินชีวิต
``How to Live This Life: Looking at Reality and Ideal'' สำรวจแนวทางปฏิบัติเพื่อสร้างสมดุลระหว่างความเป็นจริงและอุดมคติ โดยอิงจากจิตวิทยาของ Alfred Adler ต่อไปนี้เป็นประเด็นบางส่วนตามปรัชญาของแอดเลอร์

 การตั้งเป้าหมาย: สิ่งสำคัญคือต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจนและดำเนินการให้บรรลุเป้าหมาย ตั้งเป้าหมายที่สะท้อนถึงคุณค่าและอุดมคติของคุณ

 ความกังวลทางสังคม: ให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ของคุณกับผู้อื่น และพิจารณาช่วยเหลือชุมชน การเชื่อมต่อกับผู้คนช่วยเพิ่มความรู้สึกเป็นอยู่ที่ดีของคุณ

 การเอาชนะความรู้สึกต่ำต้อย: เป็นเรื่องปกติที่จะรู้สึกต่ำต้อย แต่พยายามใช้มันเป็นหนทางในการเติบโต สิ่งสำคัญคือต้องมุ่งมั่นเพื่อการพัฒนาตนเอง

 การยอมรับตนเอง: การยอมรับตนเองและยอมรับจุดอ่อนของตนเอง รวมถึงจุดอ่อนของตนเอง นำไปสู่ความมั่นคงทางจิตใจ

 การเติบโตผ่านการกระทำ: เพื่อให้บรรลุถึงอุดมคติของคุณ คุณต้องมีการกระทำที่เป็นรูปธรรม เริ่มต้นด้วยขั้นตอนเล็ก ๆ และไต่ระดับขึ้นไป

 การคิดแบบยืดหยุ่น: เผชิญกับความเป็นจริงและมีกรอบความคิดที่ยืดหยุ่น การปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงทำให้เราสามารถสร้างอนาคตที่ดีกว่าได้

 การพัฒนาตนเอง: การพัฒนาทักษะและความรู้ช่วยเพิ่มความมั่นใจและความพึงพอใจของคุณ

เมื่อฝึกฝนประเด็นเหล่านี้ คุณจะสามารถมีชีวิตที่สมบูรณ์พร้อมทั้งสร้างสมดุลระหว่างความเป็นจริงและอุดมคติได้

"勇気の心理学" เป็นการนำเสนอแนวคิดของ Alfred Adler ในการพัฒนาความกล้าหาญและการมีชีวิตที่มีความหมาย ผ่านการเข้าใจตัวเองและการสร้างความสัมพันธ์ที่ดี การประยุกต์ใช้แนวคิดเหล่านี้ในชีวิตประจำวันสามารถช่วยเสริมสร้างความมั่นใจและความกล้าหาญในการเผชิญกับความท้าทายต่างๆ ครับ

วันเสาร์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2567

จิตวิทยาแห่งความหมายของชีวิต วิธีมองชีวิตเพื่อความสุข



หนังสือ 人生の意味の心理学に学ぶ アドラー 77の教え: 心理学の巨匠に学ぶ 幸福のための人生の捉え方 (Learning from Adler's 77 Teachings on the Psychology of the Meaning of Life: Understanding Life for Happiness from the Master of Psychology) ของ Yoshihito Naitou เป็นหนังสือที่อธิบายหลักการและแนวคิดของ Alfred Adler, นักจิตวิทยาที่มีชื่อเสียงในด้านจิตวิทยาเชิงบุคลิกภาพและจิตวิทยาสังคม หนังสือนี้มุ่งเน้นการนำเสนอหลักการสำคัญของ Adler ที่ช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจชีวิตและการพัฒนาตนเองเพื่อความสุข  ``The Psychology of the Meaning of Life'' ซึ่งมีประโยชน์สำหรับการใช้ชีวิตอย่างมีความสุข  ไม่มีคำพูดใดของแอดเลอร์ที่ระบุว่ายาก บางคนอาจมองว่ามันเป็นเรื่อง "ปกติ"

 คำพูดของแอดเลอร์เข้าใจง่ายอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม “ความเข้าใจ” เพียงอย่างเดียวนั้นไม่เพียงพอ คุณต้องฝึกฝนซ้ำแล้วซ้ำอีกและ "เข้าใจ"


 หนังสือเล่มนี้อัดแน่นไปด้วยแก่นแท้ของคำสอนของแอดเลอร์

 ฉันอยากให้คุณอ่านซ้ำแล้วซ้ำเล่า ฝึกฝนซ้ำแล้วซ้ำเล่า และ "เข้าใจ" คำสอนของแอดเลอร์โดยแบ่งปันคำสอนหลัก 77 ข้อ ดังนี้:

1. ความสำคัญของการมีเป้าหมาย

Adler เน้นว่าการมีเป้าหมายในชีวิตที่ชัดเจนสามารถช่วยให้คนมีทิศทางและแรงจูงใจในการดำเนินชีวิต และเป้าหมายนี้ควรเกี่ยวข้องกับการมีส่วนร่วมในสังคมและการช่วยเหลือผู้อื่น

2. ความรับผิดชอบและการสร้างคุณค่า

การรับผิดชอบต่อการกระทำของตนเองและการพยายามสร้างคุณค่าให้กับชีวิตตนเองและผู้อื่นเป็นสิ่งสำคัญ Adler แนะนำให้ผู้คนมองหาวิธีในการเพิ่มคุณค่าและมีส่วนร่วมในสังคม

3. ความสัมพันธ์และการมีส่วนร่วมในสังคม

Adler เชื่อว่าความสัมพันธ์ที่ดีและการมีส่วนร่วมในสังคมเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความสุขและความพอใจในชีวิต การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและการมีส่วนร่วมในกิจกรรมสังคมจะช่วยเพิ่มความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน

4. การจัดการกับความรู้สึกต่ำต้อย

Adler พูดถึงการจัดการกับความรู้สึกต่ำต้อยหรือความรู้สึกว่าตนเองด้อยค่า ซึ่งสามารถเกิดจากการเปรียบเทียบตนเองกับผู้อื่น การเข้าใจว่าความรู้สึกนี้เป็นเรื่องปกติและการทำงานเพื่อเพิ่มความมั่นใจในตนเองสามารถช่วยให้บรรเทาความรู้สึกนี้

5. การพัฒนาและการเติบโตส่วนบุคคล

การพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องและการเรียนรู้จากประสบการณ์เป็นสิ่งสำคัญ Adler สอนให้มองเห็นความท้าทายและความล้มเหลวเป็นโอกาสในการเรียนรู้และเติบโต

6. การมองชีวิตในเชิงบวก

Adler เชื่อว่าแนวคิดเชิงบวกและทัศนคติต่อชีวิตสามารถส่งผลต่อความสุขและความสำเร็จ การมองหาความหมายในทุกสถานการณ์และการให้ความสำคัญกับสิ่งที่สามารถควบคุมได้จะช่วยให้ชีวิตมีความหมายและมีความสุขมากขึ้น

7. การสร้างการเปลี่ยนแปลงในชีวิต

Adler สนับสนุนการสร้างการเปลี่ยนแปลงในชีวิตโดยการตัดสินใจอย่างมีสติและทำการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญเพื่อปรับปรุงชีวิตและความสุข

Alfred Adler เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาในระดับเดียวกับ Freud และ Jung

จิตวิทยาแอดเลอเรียนซึ่งไม่เป็นที่รู้จักในญี่ปุ่นจนกระทั่งไม่กี่ปีที่ผ่านมา ปัจจุบันได้รับการยอมรับและยอมรับจากคนจำนวนมาก

ทฤษฎีของเขาไม่ได้รับการยอมรับจากใครอื่น ทฤษฎีของเขาเรียบง่ายมากแต่ก็สัมผัสได้ถึงแก่นแท้ของชีวิต ทฤษฎีของเขาเข้าใจง่าย แต่ก็มีเนื้อหาเพียงพอที่จะเปลี่ยนทัศนคติต่อชีวิตของคุณในชั่วข้ามคืน

หนังสือเล่มนี้ประกอบด้วยคำพูดหลายคำของแอดเลอร์จากหนังสือของเขาเรื่อง ``The Psychology of the Meaning of Life'' ซึ่งมีประโยชน์สำหรับการใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ทุกคำง่ายต่อการเข้าใจ อย่างไรก็ตาม “ความเข้าใจ” เพียงอย่างเดียวนั้นไม่เพียงพอ คุณต้องฝึกฝนซ้ำแล้วซ้ำอีกและ "เข้าใจ"

หนังสือเล่มนี้อัดแน่นไปด้วยแก่นแท้ของคำสอนของแอดเลอร์ ฉันอยากให้คุณอ่านซ้ำแล้วซ้ำเล่า ฝึกฝนซ้ำแล้วซ้ำอีก และ "เข้าใจ" คำสอนของแอดเลอร์

人生の意味の心理学」に学ぶ アドラー 77の教え: 心理学の巨匠に学ぶ 幸福のための人生の捉え方 

by 大久保進 
สารบัญ
บทนำ
Introduction

อัลเฟรด แอดเลอร์ (1870-1937)

เขาเป็นนักจิตวิทยาและจิตแพทย์ที่ทำงานเมื่อประมาณหนึ่งศตวรรษก่อน และเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งทฤษฎีบุคลิกภาพและจิตบำบัดสมัยใหม่ ร่วมกับฟรอยด์และจุง


ในปัจจุบันอาจมีคนที่ไม่รู้ชื่อแอดเลอร์น้อยลง ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ความนิยมได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ก็ได้รับการยอมรับจากผู้คนมากมายเช่นกัน

เหตุใดความคิดของเขาจึงได้รับการยอมรับอย่างรวดเร็ว?

นั่นเป็นเพราะว่าทฤษฎีของแอดเลอร์นั้นง่ายมาก เพราะมันเรียบง่ายแต่เข้าถึงแก่นแท้ของชีวิต ที่จริงแล้ว ถ้าคุณอ่านงานของ Adler คุณสามารถเข้าใจได้ทันทีโดยไม่ต้องมีความรู้เฉพาะทางใดๆ เป็นพิเศษ แต่ก็มีเนื้อหาเพียงพอที่จะเปลี่ยนทัศนคติต่อชีวิตของคุณในชั่วข้ามคืน


หนังสือเล่มนี้ประกอบด้วยคำพูดหลายคำของแอดเลอร์จากหนังสือของเขาเรื่อง ``The Psychology of the Meaning of Life'' ซึ่งมีประโยชน์สำหรับการใช้ชีวิตอย่างมีความสุข

ไม่มีคำพูดใดของแอดเลอร์ที่ระบุว่ายาก บางคนอาจมองว่ามันเป็นเรื่อง "ปกติ"

คำพูดของแอดเลอร์เข้าใจง่ายอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม “ความเข้าใจ” เพียงอย่างเดียวนั้นไม่เพียงพอ คุณต้องฝึกฝนซ้ำแล้วซ้ำเล่าและ "เข้าใจ"


หนังสือเล่มนี้อัดแน่นไปด้วยแก่นแท้ของคำสอนของแอดเลอร์

ฉันอยากให้คุณอ่านซ้ำๆ ฝึกฝนซ้ำๆ และ ``เข้าใจ'' คำสอนของแอดเลอร์

01 We experience reality through meaning เราสัมผัสความจริงผ่านความหมาย

มนุษย์เราอาศัยอยู่ในอาณาจักรแห่งความหมาย เราไม่ได้สัมผัสกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรอบตัวเราในสภาวะที่บริสุทธิ์ แต่เรามักจะสัมผัสเหตุการณ์เหล่านั้นพร้อมทั้งให้ความหมายกับเหตุการณ์เหล่านั้น

-

เรามักจะสัมผัสกับความเป็นจริงผ่านความหมายที่เราให้ไว้ ความเป็นจริงไม่ได้มีประสบการณ์เช่นนั้น แต่เป็นการตีความ ดังนั้นโดยธรรมชาติแล้ว ความหมายของชีวิตจึงยังไม่สมบูรณ์ ไม่สมบูรณ์ และไม่เคยถูกต้องทั้งหมดเลย เนื่องจากโดเมนของความหมายเป็นโดเมนที่มีข้อผิดพลาด

02 There are as many meanings to life as there are people. ชีวิตมีความหมายพอๆ กับผู้คน

ชีวิตมีความหมายมากมายพอๆ กับที่มีผู้คน และอย่างที่เราสงสัย แต่ละความหมายอาจมีข้อผิดพลาดอยู่บ้าง

ไม่มีใครรู้ความหมายที่สมบูรณ์ของชีวิต และความหมายที่อาจเป็นประโยชน์ใดๆ ไม่สามารถเป็นเท็จได้โดยสิ้นเชิง ความหมายทั้งหมดที่มอบให้กับชีวิตอยู่ภายในสองช่วงนี้

อย่างไรก็ตาม ภายในช่วงเหล่านี้ เราสามารถแยกแยะได้ว่า ``ความหมายบางอย่างมีประโยชน์ แต่ความหมายบางอย่างไม่มีประโยชน์'' นอกจากนี้ ยังเป็นไปได้ที่จะแยกแยะได้ว่า ``ความหมายบางอย่างมีข้อผิดพลาดเล็กน้อย และความหมายอื่นๆ มีข้อผิดพลาดมากมาย''

เราสามารถค้นหาได้ว่า ``ความหมายที่ดีมีอะไรเหมือนกัน?'' และ ``ความหมายที่ไม่ดีขาดอะไรไปบ้าง?'' ด้วยวิธีนี้ เราสามารถเข้าใจ ``ความหมายของชีวิต'' ทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งเป็นมาตรฐานทั่วไปสำหรับมวลมนุษยชาติ

03 We have three "connections" เรามี "ความสัมพันธ์" สามประการ

มนุษย์ทุกคนมี "สายสัมพันธ์ที่สำคัญ" สามประการ และนั่นคือสิ่งที่มนุษย์เราต้องใส่ใจ

การเชื่อมต่อเหล่านั้นสร้างความเป็นจริงให้กับมนุษย์ ทุกปัญหาที่เราเผชิญนั้นมีความเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับการเชื่อมต่อเหล่านี้ ปัญหาเหล่านี้ก่อให้เกิดคำถามกับเราเสมอ และเราต้องตอบคำถามเหล่านั้น ถ้าเราตอบคำถามนั้น เราจะรู้ว่า ``เราให้ความหมายอะไรกับชีวิต''

04 The first connection: We live on Earth. การเชื่อมต่อแรก: เราอาศัยอยู่บนโลก

ความเชื่อมโยงประการแรกคือเราทุกคนอาศัยอยู่บนดาวเคราะห์ดวงเล็กที่เรียกว่าโลก

เราต้องพัฒนาภายใต้ข้อจำกัดและความเป็นไปได้ที่กำหนดโดยสถานที่ที่เราอาศัยอยู่ เราต้องพัฒนาร่างกายและจิตใจของเราเพื่อที่จะดำเนินชีวิตต่อไปบนโลกนี้ และเพื่อให้แน่ใจว่ามนุษยชาติจะไม่พินาศไปในอนาคต นี่เป็นคำถามที่ทุกคนต้องตอบและไม่มีใครหนีพ้น

05 It takes continuous effort to find the right answer. ต้องใช้ความพยายามอย่างต่อเนื่องเพื่อค้นหาคำตอบที่ถูกต้องมากขึ้น

ตอนนี้เราคงทราบถึงความอ่อนแอของร่างกายและอันตรายที่เราเผชิญแล้ว จากนั้นเราจะตระหนักได้ว่า เพื่อประโยชน์ในชีวิตของเราเองและเพื่อความอยู่ดีมีสุขของมนุษยชาติ เราต้องเสริมสร้างคำตอบของเราให้ดีขึ้นและสม่ำเสมอมากขึ้นต่อความท้าทายในแต่ละวัน

-เราต้องใช้ความสามารถทั้งหมดของเราเพื่อค้นหาคำตอบที่ถูกต้องมากขึ้น เราต้องพยายามค้นหาคำตอบที่ดีกว่าอยู่เสมอ และคำตอบจะต้องเหมาะสมกับความจริงที่ว่าเราเชื่อมต่อกับดาวเคราะห์ดวงเล็กที่เรียกว่าโลก

06 The second connection: We live in relationship with others. เราอยู่ในความสัมพันธ์กับผู้อื่น

การเชื่อมต่อที่สอง นั่นคือเราไม่ใช่สมาชิกเพียงกลุ่มเดียวของเผ่าพันธุ์มนุษย์ มีคนอื่นอยู่รอบตัวเรา และเราใช้ชีวิตของเราในขณะที่มีปฏิสัมพันธ์กับพวกเขา ในฐานะปัจเจกบุคคล เราอ่อนแอและมีข้อจำกัด ดังนั้นเราจึงไม่สามารถบรรลุเป้าหมายโดยลำพังได้ หากมนุษยชาติพยายามใช้ชีวิตตามลำพังและจัดการกับปัญหาเพียงลำพัง โลกก็จะพินาศ หากเราไม่สามารถดำเนินชีวิตของตนเองต่อไปได้ เราก็จะไม่สามารถดำเนินกิจกรรมของมนุษย์ต่อไปได้

07 Humans will perish if they are alone มนุษย์พินาศเพียงลำพัง


ผู้คนมักผูกพันกับผู้อื่นเสมอเพราะพวกเขาอ่อนแอ มีข้อบกพร่อง และข้อจำกัด วิธีที่สำคัญที่สุดสำหรับความสุขของคุณและความสุขของมนุษยชาติคือการเชื่อมโยงกัน ดังนั้นทุกคำตอบของปัญหาชีวิตจึงต้องคำนึงถึงความเชื่อมโยงนี้ด้วย คำตอบใดๆ จะต้องคำนึงถึงความจริงที่ว่าเราอยู่ร่วมกันเป็นหนึ่งเดียว และเพียงลำพังเราก็พินาศ

หากเราต้องการที่จะอยู่รอด แม้แต่อารมณ์ของเราก็ยังเป็นปัญหา วัตถุประสงค์ และเป้าหมายที่ใหญ่ที่สุดที่เรามี - บนโลกนี้ที่เราอาศัยอยู่ และในขณะที่ร่วมมือกับเพื่อนมนุษย์ เราต้องสอดคล้องกับเผ่าพันธุ์มนุษย์และความจริง ว่าชีวิตมนุษย์ดำเนินต่อไป

08 The third bond: Humans are made up of two sexes มนุษย์ประกอบด้วยสองเพศ

การเชื่อมต่อที่สาม หมายความว่ามนุษย์ประกอบด้วยสองเพศ เพื่อปกป้องชีวิตของบุคคลและสังคมโดยรวม เราต้องให้ความสำคัญกับข้อเท็จจริงนี้ ปัญหาความรักและการแต่งงานคือปัญหาของการอยู่ร่วมกันครั้งที่สามนี้ ไม่ว่าคุณจะเป็นชายหรือหญิง คุณก็อดไม่ได้ที่จะตอบคำถามนี้

ไม่ว่าบุคคลจะดำเนินการใดเมื่อเผชิญกับปัญหานี้ การกระทำนั้นคือคำตอบที่เขาหรือเธอได้รับ มีหลายวิธีที่เราจะสามารถแก้ไขปัญหาได้ การกระทำที่เราทำเพื่อแก้ไขปัญหาจะสะท้อนถึงสิ่งที่เราคิดว่าเป็นวิธีเดียวที่จะแก้ไขปัญหาได้เสมอ

09 Three Connections, Three Questions ปัญหาสามประการเนื่องจากการเชื่อมต่อสามรายการ

การเชื่อมต่อสามครั้งทำให้เกิดปัญหาสามประการ ประการแรก ``เราจะหางานที่จะช่วยให้เราอยู่รอดภายในขอบเขตที่กำหนดโดยธรรมชาติของโลกได้อย่างไร'' และประการที่สอง ``เราจะร่วมมือและแบ่งปันผลประโยชน์ที่เกิดจากความร่วมมือของเราได้อย่างไร'' ประการที่สาม ความจริงที่ว่าเรามีสองเพศ และความจริงที่ว่าความต่อเนื่องและการพัฒนาของมนุษยชาติขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ของเพศตรงข้าม คำถามคือ เราจะปรับตัวได้อย่างไร?

จิตวิทยาส่วนบุคคลได้ค้นพบว่าปัญหาทั้งหมดในชีวิตสามารถแบ่งออกเป็นสามปัญหา ได้แก่ ปัญหาด้านอาชีพ สังคม และทางเพศ วิธีที่เราตอบคำถามทั้งสามข้อนี้เผยให้เห็นว่าแต่ละคนคิดอย่างไรเกี่ยวกับความหมายของชีวิตอย่างลึกซึ้ง

(อาหารเสริม)

*"จิตวิทยาส่วนบุคคล" หมายถึง "จิตวิทยา Adlerian" แอดเลอร์เรียกจิตวิทยาของเขาว่า "จิตวิทยาส่วนบุคคล"

10. If you don't care about others, you will fail. หากคุณไม่มีความเห็นอกเห็นใจต่อผู้อื่น คุณจะล้มเหลว

ความล้มเหลวทั้งหมด - โรคประสาท คนโรคจิต อาชญากร ผู้ติดสุรา เด็กที่มีปัญหาพฤติกรรม การฆ่าตัวตาย คนนิสัยไม่ดี โสเภณี - ขาดความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น และความห่วงใยต่อสังคม พวกเขาเข้าหางาน ความสัมพันธ์ และปัญหาทางเพศโดยไม่คิดว่าจะสามารถแก้ไขได้ด้วยการทำงานร่วมกัน

ความหมายที่พวกเขาให้กับชีวิตเป็นเรื่องส่วนตัว กล่าวอีกนัยหนึ่ง บุคคลเดียวที่ได้รับประโยชน์จากการบรรลุเป้าหมายคือตนเอง และสิ่งเดียวที่พวกเขามุ่งความสนใจไปที่ตนเอง เป้าหมายของพวกเขาคือเป้าหมายส่วนตัวที่ว่างเปล่าและเหนือกว่าผู้อื่น และชัยชนะของพวกเขามีความหมายต่อตนเองเท่านั้น

11. Anything that is meaningful only to you is meaningless. 

ความหมายที่มีความหมายเฉพาะกับตัวเองเท่านั้นไม่มีความหมายเลย

 ความหมายส่วนตัวจริงๆ แล้วไม่มีความหมายอะไรเลย ความหมายเป็นไปได้ผ่านการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นเท่านั้น คำที่มีความหมายต่อคุณเพียงอย่างเดียวนั้นไม่มีความหมายจริงๆ

 เช่นเดียวกับเป้าหมายและการกระทำของเรา ความหมายที่ให้เพื่อประโยชน์ของผู้อื่นเท่านั้นที่มีความหมาย

เราทุกคนต่างกระทำการค้นหาความหมาย แต่ถ้าเราไม่เข้าใจว่าความหมายของชีวิตคือการมีส่วนช่วยชีวิตของผู้อื่น เราก็มักจะทำผิดพลาดอยู่เสมอ

12 Characteristics of True "Meaning of Life" ลักษณะของ “ความหมายของชีวิต” ที่แท้จริง

คุณลักษณะของ "ความหมายของชีวิต" ที่แท้จริงคือ มีความหมายร่วมกัน - ความหมายที่ผู้อื่นสามารถแบ่งปันได้ และผู้อื่นสามารถรับรู้ได้ว่าถูกต้อง วิธีแก้ปัญหาที่ดีต่อปัญหาชีวิตจะเปิดเผยวิธีแก้ปัญหาให้ผู้อื่นทราบเสมอ เพราะในการแก้ปัญหาเราจะเห็นว่าปัญหาได้รับการจัดการอย่างประสบความสำเร็จ

แม้แต่อัจฉริยะก็สามารถนิยามได้ง่ายๆ ว่าเป็น "ประสิทธิผลสูงสุด" เราเรียกพวกเขาว่าอัจฉริยะก็ต่อเมื่อคนอื่นรับรู้ว่าชีวิตของพวกเขามีความหมายต่อผู้อื่นเท่านั้น ในชีวิตประเภทนี้ ความหมายของชีวิตมักกล่าวกันว่า ``ชีวิตมีความหมายก็ต่อเมื่อมันมีประโยชน์ต่อส่วนรวมเท่านั้น''

13 The meaning of life is concern for others and cooperation. ความหมายของชีวิตคือความสนใจในผู้อื่นและความร่วมมือ

คนที่ประสบความสำเร็จในการจัดการกับปัญหาของชีวิตจะกระทำราวกับว่าพวกเขาเข้าใจอย่างเต็มที่และสมัครใจว่าความหมายของชีวิตคือการคำนึงถึงผู้อื่นและความร่วมมือคือ ทุกสิ่งที่เขาทำดูเหมือนจะได้รับคำแนะนำจากความห่วงใยต่อเพื่อนมนุษย์

และเมื่อเผชิญความยากลำบาก เราต่างก็พยายามเอาชนะความยากลำบากเหล่านั้นด้วยวิธีที่สอดคล้องกับความสุขของมนุษย์เท่านั้น

14 If we are unwilling to contribute to others, we become arrogant and rude. หากเราไม่ต้องการช่วยเหลือผู้อื่น เราก็จะหยิ่งและไม่เคารพ

หากผู้ชายปรารถนาที่จะช่วยเหลือผู้อื่นตามความหมายที่เขามอบให้กับชีวิตของเขา และหากอารมณ์ทั้งหมดของเขามุ่งไปสู่จุดประสงค์นี้ เขาจะเหมาะสมที่สุดที่จะช่วยเหลือผู้อื่น คุณจะตัดสินใจพัฒนาตัวเอง เขาจะพัฒนาตัวเองให้เหมาะสมกับเป้าหมาย พัฒนาความรู้สึกของสังคม และได้รับทักษะผ่านการฝึกอบรม เมื่อคุณมีเป้าหมายแล้ว ก็ถึงเวลาฝึกฝน เฉพาะในระหว่างการฝึกอบรมเท่านั้นที่คุณสามารถพัฒนาตัวเองเพื่อพัฒนาความสามารถในการแก้ไขปัญหาสามประการของชีวิต

-

ถ้าเราคิดว่าเราต้องพัฒนาความเป็นตัวของตัวเองในสุญญากาศ โดยไม่มุ่งหวังที่จะช่วยเหลือผู้อื่น เราก็จะกลายเป็นคนหยิ่งผยองและไม่เคารพเท่านั้น

15 Contribution is the true meaning of life การมีส่วนร่วมคือความหมายที่แท้จริงของชีวิต

มีเบาะแสอื่นๆ ที่ช่วยให้เราเข้าใจว่าการช่วยเหลือผู้อื่นคือความหมายที่แท้จริงของชีวิต หากเรามองไปรอบๆ ตัวเราในวันนี้ และเห็นมรดกที่เราได้รับจากบรรพบุรุษ เราจะเห็นอะไร?

สิ่งที่เหลืออยู่คือสิ่งที่มีส่วนทำให้ชีวิตมนุษย์ เราจะเห็นพื้นที่เพาะปลูก เราสามารถมองเห็นถนนและอาคารต่างๆ เราสามารถเห็นผลลัพธ์ของประสบการณ์ชีวิตที่ถ่ายทอดมาจากอดีตในรูปแบบของประเพณี ปรัชญา วิทยาศาสตร์ ศิลปะ และเทคนิคในการจัดการกับสถานการณ์ของมนุษย์ ผลลัพธ์ทั้งหมดนี้เป็นผลจากคนที่มีส่วนสร้างความสุขให้กับมนุษย์

16 He who does not contribute to others leaves nothing behind. ผู้ที่ไม่มีส่วนช่วยเหลือผู้อื่นจะไม่ทิ้งสิ่งใดไว้ข้างหลัง

เกิดอะไรขึ้นกับผู้ที่ไม่ได้บริจาคให้ผู้อื่น? เกิดอะไรขึ้นกับคนที่ไม่เคยร่วมมือกับผู้อื่น คนที่ให้ชีวิตมีความหมายอื่น และคนที่ถามแค่ว่า "ฉันจะได้อะไรจากชีวิต" พวกเขาไม่ทิ้งอะไรไว้ข้างหลัง พวกเขาไม่เพียงแค่ตายเท่านั้น ชีวิตของพวกเขาไร้ความหมายโดยสิ้นเชิง

17 No experience is the cause of success or failure. ไม่มีประสบการณ์เป็นสาเหตุของความสำเร็จหรือความล้มเหลว

ไม่มีประสบการณ์เป็นสาเหตุของความสำเร็จหรือความล้มเหลว แทนที่จะต้องทนทุกข์ทรมานจากความตกใจจากประสบการณ์ของเรา - ที่เรียกว่าบาดแผลทางจิตใจ - เราสร้างบางสิ่งจากสิ่งเหล่านั้นที่เหมาะกับจุดประสงค์ของเรา เรากำหนดชีวิตของเราตามความหมายที่เรามอบให้กับประสบการณ์ของเรา และเมื่อเราคิดว่าประสบการณ์บางอย่างเป็นพื้นฐานสำหรับชีวิตในอนาคตของเรา เราก็ทำผิดพลาดบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับประสบการณ์นั้น ความหมายไม่ได้ถูกกำหนดโดยสถานการณ์ แต่โดยความหมายที่เรามอบให้กับสถานการณ์

18 Disabilities do not force people into wrong ways of living. ความพิการไม่ได้บังคับให้มีวิถีชีวิตที่ผิด

มีสถานการณ์ในวัยเด็กบางอย่างที่ทำให้เรามีความหมายที่ไม่ถูกต้องอย่างร้ายแรง ผู้ที่ล้มเหลวส่วนใหญ่เป็นเด็กที่เคยประสบสถานการณ์เหล่านี้ ตัวอย่างแรกของคนที่ให้ความหมายผิดคือเด็กที่มีความบกพร่องทางอวัยวะหรือเป็นโรคในวัยเด็ก เด็กเหล่านี้มีปัญหาและพบว่าเป็นการยากที่จะรู้สึกว่าความหมายของชีวิตอยู่ในการมีส่วนร่วมของพวกเขา

-

ไม่ว่าบุคคลนั้นจะมีความพิการทางร่างกายแบบไหนก็ตามก็ไม่ได้บังคับให้เขาดำเนินชีวิตที่ผิด เราไม่สามารถหาคนสองคนที่มีต่อมที่มีผลเช่นเดียวกันกับพวกเขาได้ เรามักจะพบเด็กๆ ที่เอาชนะความยากลำบากเหล่านี้ได้ ซึ่งพัฒนาความสามารถที่เป็นประโยชน์และพิเศษในการเอาชนะพวกเขา

(อาหารเสริม)

*"ความด้อยกว่าอวัยวะ" เป็นคำสำคัญในจิตวิทยา Adlerian พูดง่ายๆ ก็คือ หมายถึง "การทำงานทางกายภาพที่ด้อยกว่า"

19 The experience of facing difficulties makes people stronger. ประสบการณ์เผชิญความยากลำบากทำให้คนเข้มแข็งขึ้น

 ผู้คนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดหลายคนซึ่งมีส่วนสนับสนุนวัฒนธรรมของเราอย่างมาก เริ่มต้นชีวิตด้วยอวัยวะที่มีข้อบกพร่อง พวกเขามักจะไม่แข็งแรงและบางคนก็เสียชีวิตตั้งแต่ยังเด็ก ความก้าวหน้าและการมีส่วนร่วมส่วนใหญ่มาจากผู้ที่ทำงานหนักเพื่อต่อสู้กับความท้าทายทั้งทางกายภาพและสิ่งแวดล้อม ประสบการณ์ในการเผชิญกับความยากลำบากทำให้พวกเขาแข็งแกร่งขึ้นและผลักดันพวกเขาไปข้างหน้า

20 People who are spoiled also misunderstand the meaning of life. คนเอาแต่ใจยังเข้าใจผิดความหมายของชีวิต

สถานการณ์ที่สองซึ่งมักก่อให้เกิดการตีความความหมายของชีวิตที่ผิดพลาดก็คือสถานการณ์ของเด็กที่ถูกเอาแต่ใจ เด็กนิสัยเสียถูกเลี้ยงดูมาโดยคาดหวังว่าความปรารถนาของพวกเขาจะได้รับการปฏิบัติเหมือนเป็นกฎหมาย เพราะเขาได้รับความสนใจแม้ว่าเขาจะไม่ได้ทำงานเพื่อให้สมควรได้รับมัน แต่เขาก็เริ่มรู้สึกว่าความสนใจเป็นสิทธิโดยกำเนิดของเขา

21 People who are ignored also misinterpret life. คนที่ถูกละเลยยังตีความชีวิตผิดๆ ด้วย

สถานการณ์ที่สามซึ่งเกิดข้อผิดพลาดได้ง่ายคือเด็กที่ถูกละเลย เด็กแบบนั้นจะไม่มีวันรู้ว่าความรักและความร่วมมือคืออะไร เขาสร้างการตีความว่าชีวิตไม่รวมพลังที่เป็นมิตรเช่นความรักและความร่วมมือ เป็นเรื่องง่ายที่จะเห็นว่าเมื่อเขาเผชิญกับความท้าทายในชีวิต เขาจะประเมินความยากลำบากเหล่านั้นสูงเกินไป และประเมินความสามารถของเขาเองในการเผชิญความท้าทายเหล่านั้นต่ำเกินไปด้วยความช่วยเหลือและความปรารถนาดีจากผู้อื่น เขาคิดมาตลอดว่าสังคมเย็นชาและจะคิดแบบนั้นตลอดไป 

22 Train yourself to adopt a more cooperative and courageous approach. ฝึกฝนตัวเองให้ใช้วิธีการร่วมมือกันและกล้าหาญมากขึ้น

เมื่อคุณค้นพบและเข้าใจความหมายที่บุคคลมอบให้กับชีวิต คุณจะได้รับเบาะแสเกี่ยวกับวิธีการใช้ชีวิตโดยรวม บางครั้งมีการกล่าวกันว่าบุคลิกภาพของบุคคลไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ แต่แนวคิดดังกล่าวเกิดขึ้นจากผู้ที่ไม่เคยพบเบาะแสที่ถูกต้องในการทำความเข้าใจสถานการณ์

ดังที่เราได้เห็นแล้วว่า ไม่มีการเรียกร้องหรือการรักษาใดๆ ที่สามารถประสบผลสำเร็จได้ เว้นแต่จะค้นพบข้อผิดพลาดที่ซ่อนอยู่ ด้วยการฝึกฝนตนเองให้ใช้วิธีการร่วมมือกันและกล้าหาญมากขึ้น เราก็มีศักยภาพที่จะปรับปรุงชีวิตของเรา

23 To solve life's problems, you need the ability to work with others. ความสามารถในการทำงานร่วมกับผู้อื่นเป็นสิ่งจำเป็นในการแก้ปัญหาความท้าทายในชีวิต

ความท้าทายทั้งหมดของชีวิตต้องอาศัยความสามารถในการทำงานร่วมกันหากต้องการแก้ไข ความท้าทายทั้งหมดจะต้องได้รับการแก้ไขภายในกรอบของสังคมมนุษย์และในรูปแบบที่ส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีของมนุษย์ เฉพาะผู้ที่เข้าใจว่าความหมายของชีวิตคือการมีส่วนร่วมเท่านั้นที่สามารถเผชิญกับความยากลำบากด้วยความกล้าหาญและโอกาสที่ดีสู่ความสำเร็จ

24 We have to create our own lives. เราต้องสร้างชีวิตของเราเอง

“เราต้องสร้างชีวิตของเราเอง นั่นคือความท้าทายของเรา และเราสามารถเผชิญกับความท้าทายนั้นได้ เรามีอิสระที่จะใช้ความสามารถของเราเอง หากต้องทำสิ่งใหม่ ๆ หรือมีอะไรมาแทนที่สิ่งเก่า เราก็ต้องทำ ตัวเราเอง

หากชีวิตเข้าถึงในลักษณะนี้ หรืออีกนัยหนึ่ง โดยความร่วมมือระหว่างมนุษย์ที่เป็นอิสระ เราจะพบว่าการพัฒนาของสังคมมนุษย์นั้นไม่มีขีดจำกัด

25 Obstacles can be a motivator to move forward. อุปสรรคเป็นแรงผลักดันให้ก้าวไปข้างหน้า

ความบกพร่องของอวัยวะทำให้เกิดความพิการมากมาย แต่ความพิการนี้ไม่ได้เป็นชะตากรรมที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ หากจิตใจมีความกระตือรือร้นในตัวเอง และฝึกฝนตัวเองอย่างหนักเพื่อเอาชนะความยากลำบาก ก็มีเหตุผลที่จะประสบความสำเร็จได้เช่นเดียวกับผู้ที่เกิดมาโดยไม่มีความพิการ

ในความเป็นจริง เด็กที่มีอวัยวะบกพร่องมักจะประสบความสำเร็จมากกว่าเด็กที่เกิดมาพร้อมกับอวัยวะปกติ แม้ว่าพวกเขาจะมีความพิการก็ตาม อุปสรรคกลายเป็นแรงกระตุ้นที่ทำให้คุณก้าวไปข้างหน้า

26 Only those who wish to contribute to others can overcome their shortcomings. เฉพาะผู้ที่ต้องการช่วยเหลือผู้อื่นเท่านั้นที่สามารถเอาชนะข้อบกพร่องของตนเองได้

เฉพาะเด็กที่ต้องการช่วยเหลือส่วนรวมและไม่ให้ความสำคัญกับตนเองเท่านั้นที่จะประสบความสำเร็จในการปกปิดข้อบกพร่องของตนเองผ่านการฝึกอบรม หากเด็กๆ ต้องการเพียงกำจัดความยากลำบาก พวกเขาก็จะตามหลังคนอื่นๆ ต่อไป เด็กๆ สามารถรักษาความกล้าหาญได้หากพวกเขามีเป้าหมายในใจที่จะมุ่งมั่น และหากการบรรลุเป้าหมายนี้สำคัญสำหรับพวกเขามากกว่าอุปสรรคที่ขวางทางพวกเขา

27 The goal of exercise must be outside of yourself. เป้าหมายของการฝึกต้องอยู่นอกตัวคุณเอง

คำถามคือความสนใจและความสนใจของพวกเขามุ่งไปที่ใด หากพวกเขามุ่งมั่นเพื่อสิ่งภายนอก พวกเขาจะฝึกฝนและเตรียมตัวเพื่อให้บรรลุเป้าหมายโดยธรรมชาติ พวกเขาจะเห็นความยากลำบากเป็นเพียงสถานที่บนเส้นทางสู่ความสำเร็จที่ต้องเอาชนะ ในทางกลับกัน หากพวกเขาเกี่ยวข้องกับการเน้นย้ำข้อบกพร่องของตนเองหรือเน้นความพยายามที่มุ่งหวังที่จะหลุดพ้นจากข้อบกพร่องเหล่านี้เพียงอย่างเดียว ก็จะไม่มีความก้าวหน้าอย่างแท้จริง.

-

หากเด็กต้องรวบรวมกำลังและเอาชนะความยากลำบาก เป้าหมายของการเคลื่อนไหวจะต้องอยู่นอกตัวเขาเอง เป้าหมายต้องเป็นหนึ่งเดียวโดยคำนึงถึงความเป็นจริง ความห่วงใยต่อผู้อื่น และความห่วงใยในความร่วมมือ

28 Purpose of bedwetting วัตถุประสงค์ของการรดที่นอน

จุดประสงค์ของการปัสสาวะรดที่นอนมักจะเพื่อดึงดูดความสนใจ รับใช้ผู้อื่น เพื่อดึงดูดความสนใจไม่เพียงแต่ในเวลากลางวันเท่านั้น แต่ยังรวมถึงตอนกลางคืนด้วย บางครั้งก็ใช้เพื่อยั่วยุความขุ่นเคือง

-

เด็กที่แสดงออกในลักษณะนี้มักจะมีอาการวิตกกังวลอยู่เสมอ โดยทั่วไปแล้ว เด็กประเภทนี้จะเป็นเด็กเอาแต่ใจและสูญเสียจุดสนใจไป บางทีเธออาจมีพี่น้องและพบว่าเป็นเรื่องยากที่จะดึงความสนใจของแม่มาที่ตัวเธอแต่เพียงผู้เดียว enuresis ออกหากินเวลากลางคืนแสดงถึงความพยายามที่จะติดต่อกับแม่แม้จะด้วยวิธีที่ไม่พึงประสงค์ก็ตาม

29 How you live determines how you feel อารมณ์ถูกกำหนดโดยวิธีใช้ชีวิตของคุณ

จะเห็นได้ว่าอารมณ์ของแต่ละคนเติบโตและพัฒนาไปในขอบเขตและทิศทางที่จำเป็นสำหรับเขาในการบรรลุเป้าหมาย ความวิตกกังวล ความกล้าหาญ ความร่าเริง และความโศกเศร้าของบุคคลหนึ่งสอดคล้องกับวิถีชีวิตของเขาหรือเธอเสมอ พลังและการควบคุมตามสัดส่วนของพวกเขานั้นตรงกับความคาดหวังของเรา ผู้ที่บรรลุเป้าหมายแห่งความเหนือกว่าด้วยความโศกเศร้าจะไม่สามารถร่าเริงหรือพอใจกับความสำเร็จของตนเองได้ คนเช่นนั้นจะมีความสุขได้ก็ต่อเมื่อเขามีความทุกข์เท่านั้น

30 His guilt was a way to make himself appear more honest than others. ความผิดของเขาเป็นวิธีทำให้ตัวเองดูซื่อสัตย์มากกว่าคนอื่นๆ

ความรู้สึกผิดของเขาเป็นวิธีที่ทำให้เขาดูซื่อสัตย์มากกว่าคนอื่นๆ และด้วยวิธีนี้พวกเขาจึงพยายามบรรลุความเหนือกว่า แต่การต่อสู้ของเขามุ่งไปสู่ด้านที่ไร้ประโยชน์ของชีวิต การหลีกเลี่ยงการสอบและการจ้างงานของเขาแสดงให้เห็นถึงความขี้ขลาดและความรู้สึกไร้ความสามารถอย่างมาก โรคประสาททั้งหมดของเขาคือการจงใจขจัดกิจกรรมทั้งหมดที่เขากลัวว่าจะล้มเหลว

การแสวงหาความเหนือกว่าที่คล้ายคลึงกันด้วยวิธีที่ไม่สำคัญนั้นเห็นได้ชัดเจนจากการค้าประเวณีในโบสถ์และการเข้าไปในห้องอาหารของผู้ตื่นตระหนก วิถีชีวิตของเขาเรียกร้องพฤติกรรมดังกล่าว และอารมณ์ที่เขาปลุกเร้าก็เหมาะสมกับจุดประสงค์ของเขา

31 Acting as if you are better than others คนที่ทำตัวราวกับว่าตนเองดีกว่าคนอื่น

เราอาจสงสัยว่าเบื้องหลังทุกคนที่แสร้งทำเป็นเหนือกว่าคนอื่นนั้นยังมีปมด้อยที่ต้องใช้ความพยายามเป็นพิเศษในการซ่อน มันเหมือนกับคนที่กังวลเกี่ยวกับรูปร่างเตี้ยของตัวเองที่เขย่งปลายเท้าเพื่อทำให้ตัวเองดูใหญ่ขึ้น

32 We all have feelings of inferiority. เราทุกคนล้วนมีปมด้อย

ปมด้อยในระดับหนึ่งคือความรู้สึกที่เราทุกคนมีร่วมกัน เพราะเราทุกคนมีทัศนคติที่อยากจะปรับปรุง หากเรายังมีความกล้าหาญต่อไป เราจะเริ่มขจัดความรู้สึกด้อยค่านั้นด้วยวิธีทางตรง การปฏิบัติ และน่าพึงพอใจ โดยการปรับปรุงสถานการณ์ของเรา

33 Think of someone who has lost their courage ลองนึกถึงคนที่สูญเสียความกล้าหาญ

ไม่มีใครสามารถทนต่อความรู้สึกต่ำต้อยได้เป็นเวลานาน

-

ลองคิดถึงคนที่สูญเสียความกล้าหาญ ที่ไม่สามารถจินตนาการได้ว่าจะสามารถปรับปรุงสถานการณ์ของตนเองได้ด้วยการลงมือปฏิบัติจริง

-

คนที่สูญเสียความกล้าหาญก็จะพยายามกำจัดปมด้อยของตัวเองเช่นกัน อย่างไรก็ตาม วิธีการที่เขาพยายามไม่ได้ทำให้เขาก้าวไปข้างหน้าแม้แต่น้อย เป้าหมายของเขายังคงเป็น "การเอาตัวรอดจากความท้าทาย" แต่แทนที่จะเอาชนะอุปสรรค เขาจะพยายามหลอกตัวเองให้ "รู้สึก" เหนือกว่าและตื่นเต้นกับการกระทำนั้น เมื่อเวลาผ่านไป ความรู้สึกต่ำต้อยจะแข็งแกร่งขึ้น เนื่องจากสถานการณ์ที่สร้างความรู้สึกต่ำต้อยไม่เปลี่ยนแปลง ทุกขั้นตอนที่เขาทำจะทำให้เขาก้าวไปสู่การหลอกลวงตนเองมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เราตกอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องจัดการกับปัญหาทั้งหมดอย่างเร่งด่วน

34 Feelings of inferiority are the cause of all progress in mankind. ความต่ำต้อยเป็นสาเหตุของความก้าวหน้าของมนุษย์

เรากล่าวว่าปมด้อยไม่ได้ผิดปกติในตัวเอง มันเป็นสาเหตุของความก้าวหน้าของมนุษย์ทั้งหมด ตัวอย่างเช่น วิทยาศาสตร์ก้าวหน้าก็ต่อเมื่อผู้คนตระหนักถึงความไม่รู้และความจำเป็นในการเตรียมตัวสำหรับอนาคต มันเป็นผลมาจากความพยายามของมนุษย์ในการปรับปรุงสภาพของมนุษย์ทั้งหมด รู้จักจักรวาลมากขึ้น และควบคุมจักรวาลได้ดีขึ้น

35 There is more than one way to work hard มีหลายวิธีที่จะใช้ความพยายาม

การมุ่งมั่นสู่ความเป็นเลิศยังคงมีความยืดหยุ่น และในความเป็นจริง ยิ่งบุคคลมีสุขภาพดีและปกติมากเท่าใด เขาก็ยิ่งสามารถค้นพบความก้าวหน้าใหม่ๆ สำหรับความพยายามของเขาได้มากขึ้น แม้ว่าเขาจะถูกขัดขวางในทิศทางใดทิศทางหนึ่งก็ตาม มีเพียงคนเป็นโรคประสาทเท่านั้นที่คิดว่าไม่มีทางอื่นที่จะบรรลุเป้าหมายได้

36 The striving for excellence is the source of contribution to culture. การมุ่งมั่นสู่ความเป็นเลิศคือที่มาของการมีส่วนร่วมต่อวัฒนธรรม

เบื้องหลังการสร้างสรรค์ของมนุษย์ทุกคนคือความมุ่งมั่นสู่ความเป็นเลิศ ซึ่งเป็นที่มาของการมีส่วนร่วมทุกประการที่มีต่อวัฒนธรรมของเรา ทุกชีวิตดำเนินไปตามกิจกรรมที่หนาทึบนี้: จากล่างขึ้นบน จากลบไปบวก จากความพ่ายแพ้ไปสู่ชัยชนะ แต่คนเพียงกลุ่มเดียวที่สามารถเผชิญกับความท้าทายในชีวิตและเอาชนะพวกเขาได้อย่างแท้จริงคือผู้ที่พยายามดิ้นรนเพื่อความเหนือกว่า และแสดงแนวโน้มที่จะสร้างคุณค่าให้คนอื่นๆ เพื่อสร้างประโยชน์ให้กับผู้อื่นเช่นกัน เขาเป็นคนที่ก้าวไปข้างหน้าในแบบที่ไม่เหมือนใคร

37 Every goal we set for ourselves in life contains some error. ทุกเป้าหมายที่เราตั้งไว้ในชีวิตย่อมมีข้อผิดพลาดอยู่บ้าง

ในการแบ่งงานมนุษย์ของเรา มีพื้นที่สำหรับเป้าหมายที่เป็นรูปธรรมที่หลากหลาย ตามที่เราได้เห็นแล้วว่า เป้าหมายทั้งหมดอาจมีข้อผิดพลาด แม้ว่าจะเพียงเล็กน้อยก็ตาม และคุณสามารถหาเรื่องที่จะวิพากษ์วิจารณ์ได้ตลอดเวลา

-

อย่างไรก็ตาม ข้อผิดพลาดที่เกี่ยวข้องกับแต่ละเป้าหมายจะไม่ใหญ่โตขนาดนี้ หากความรู้สึกของชุมชนในระดับสูงถูกรวมเข้ากับเป้าหมายแห่งความเหนือกว่า

(อาหารเสริม)

*"ความรู้สึกถึงความเป็นชุมชน (Sense of Community) หรือ "Gemeinschaftsgefühl" เป็นคำสำคัญในจิตวิทยาของแอดเลอเรียน หมายถึงความรู้สึกของการพยายามทำอะไรบางอย่างเพื่อชุมชน ไม่ใช่แค่ตัวเองเท่านั้น

38 The mother is the baby's first link to society. แม่เป็นสะพานเชื่อมแรกของทารกสู่สังคม

ตั้งแต่แรกเกิด เด็กทารกจะแสวงหาความผูกพันกับแม่ นี่คือจุดประสงค์ของพฤติกรรมของทารก เป็นเวลาหลายเดือนที่แม่มีบทบาทสำคัญที่สุดในชีวิตของลูก ในบริบทนี้เองที่ความสามารถในการร่วมมือพัฒนาขึ้นเป็นอันดับแรก แม่ทำให้ทารกได้สัมผัสกับมนุษย์คนอื่นเป็นครั้งแรก โดยให้ทารกสนใจคนอื่นที่ไม่ใช่ตัวมันเองเป็นครั้งแรก มารดาเป็นสะพานเชื่อมแรกของทารกสู่สังคม

39 The role of women in life is underestimated บทบาทของสตรีในชีวิตถูกประเมินต่ำเกินไป

เกือบทุกที่ บทบาทของผู้หญิงในชีวิตถูกประเมินต่ำเกินไปและถือเป็นเรื่องรอง

-

หากผู้หญิงสนใจงานบ้านได้อย่างแท้จริง และมองว่ามันเป็นงานศิลปะที่ช่วยให้ชีวิตผู้อื่นสดใสขึ้น พวกเธอก็สามารถเปรียบเทียบงานบ้านกับงานอื่นๆ ในโลกได้ สำคัญน้อยกว่า

40 If women's role is undervalued, marriages will fail. หากบทบาทของผู้หญิงถูกประเมินต่ำไป การแต่งงานจะล้มเหลว

เมื่อบทบาทของผู้หญิงถูกประเมินค่าต่ำเกินไป ความปรองดองในชีวิตสมรสก็ย่อมประสบไปด้วย ไม่มีผู้หญิงคนใดที่คิดว่าการดูแลเด็กเป็นงานที่ด้อยกว่าจะสามารถพัฒนาทักษะ ความพยายาม ความเข้าใจ และความเห็นอกเห็นใจที่จำเป็นอย่างยิ่งในการจัดเตรียมสภาพแวดล้อมเชิงบวกให้กับเด็กในช่วงเริ่มต้นของชีวิต

-

และจากมุมมองนี้ เด็ก ๆ จะถูกมองว่าเป็นแหล่งของปัญหาและความรำคาญเท่านั้น หากคุณดูประวัติความล้มเหลวในชีวิต คุณจะพบว่าแม่ของพวกเขาทำหน้าที่แม่ไม่ถูกต้องเกือบทุกครั้ง

-

หากแม่ล้มเหลว ไม่พอใจกับงานของตน และไม่ให้ความสำคัญกับลูกๆ มากพอ เผ่าพันธุ์มนุษย์ทั้งหมดก็ตกอยู่ในความเสี่ยง

41 Don't just emphasize the bond with your children. อย่าเพิ่งเน้นความผูกพันกับลูกของคุณ

ความสัมพันธ์ระหว่างแม่และเด็กไม่ใช่เรื่องง่าย และความผูกพันนั้นจะต้องไม่เน้นมากเกินไป สิ่งนี้ไม่เพียงใช้กับมารดาเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเด็กด้วย ในกรณีที่มีการเน้นประเด็นหนึ่งมากเกินไป ปัญหาอื่นๆ ทั้งหมดก็จะได้รับผลกระทบ ไม่เพียงแต่เราไม่สามารถจัดการกับปัญหาที่เราไม่ได้มุ่งเน้นได้ แต่ยังรวมถึงปัญหาที่เรามุ่งเน้นด้วย มารดามีความเชื่อมโยงกับลูกๆ สามี และชีวิตทางสังคมที่อยู่รอบตัวพวกเขา ต้องให้ความสนใจอย่างเท่าเทียมกันกับการเชื่อมต่อทั้งสามนี้ ทั้งสามจะต้องได้รับการปฏิบัติอย่างสงบและมีสามัญสำนึก

42 The mother's next challenge is to expand her child's interest to include the father. ภารกิจต่อไปของแม่คือการดึงความสนใจของลูกไปที่พ่อ

หลังจากประสบความสำเร็จในการสานสัมพันธ์กับลูกแล้ว ภารกิจต่อไปของผู้เป็นแม่คือการดึงความสนใจของลูกไปที่พ่อ งานนี้แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยเว้นแต่ผู้เป็นแม่จะสนใจพ่อเอง มารดาต้องมุ่งความสนใจของเด็กไปที่ชีวิตทางสังคม เด็กคนอื่นๆ ในครอบครัว เพื่อน ญาติ และเพื่อนมนุษย์โดยทั่วไป

ด้วยเหตุนี้ งานของแม่จึงมีองค์ประกอบสองประการ มารดาต้องให้ลูกได้สัมผัสประสบการณ์กับเพื่อนที่ไว้ใจได้เป็นครั้งแรก นอกจากนี้ เราต้องเตรียมพร้อมที่จะขยายความไว้วางใจและมิตรภาพนี้ให้ครอบคลุมสังคมมนุษย์ทั้งหมด

43 The Father's Role in the Family บทบาทของพ่อในครอบครัว

ความท้าทายของพ่อสรุปได้เป็นคำไม่กี่คำ พ่อต้องพิสูจน์ให้ภรรยา ลูก และสังคมเห็นว่าเขาเป็นเพื่อนที่ดี พ่อต้องจัดการกับความท้าทายสามประการของชีวิตด้วยวิถีเชิงบวก ได้แก่ งาน มิตรภาพ และความรัก และเขาต้องร่วมมือกับภรรยาอย่างเท่าเทียมในการดูแลและปกป้องครอบครัวของเขา บิดาต้องจำไว้ว่าบทบาทของสตรีในการหล่อหลอมชีวิตครอบครัวไม่สามารถมองข้ามได้

44 Common mistakes children make ข้อผิดพลาดที่เด็กมักทำ

ข้อผิดพลาดที่พบบ่อยที่สุดที่เด็กๆ ทำคือการเชื่อว่าพวกเขาทำอะไรไม่ได้อีกแล้ว พวกเขาเชื่อว่าเด็กคนอื่นๆ นำหน้าพวกเขาและจะตามทันไม่ได้ หากเด็กยึดถือแนวคิดนี้อย่างมั่นคง เขาหรือเธอก็จะมีแนวคิดนี้ต่อไปในช่วงบั้นปลายของชีวิต แม้จะเป็นผู้ใหญ่ เราก็มักจะวัดตำแหน่งของเราโดยสัมพันธ์กับผู้อื่นและคิดว่าเราตามหลัง

-

บางครั้งเด็กที่อยู่ท้ายชั้นเรียนก็เปลี่ยนแปลงและเริ่มมีความก้าวหน้าอย่างน่าทึ่ง เด็กควรเข้าใจความผิดพลาดของการจำกัดตนเอง และทั้งครูและเด็กควรหลุดพ้นจากความเชื่อผิด ๆ ที่ว่าความก้าวหน้าของเด็กที่มีสติปัญญาปกตินั้นเกี่ยวข้องกับพันธุกรรม

45 Best ways to solve work problems วิธีแก้ปัญหาการทำงานที่ดีที่สุด

วิธีที่ดีที่สุดในการแก้ปัญหางานมาจากการแก้ปัญหาที่สอง ความผูกพันประการที่สองที่ผูกมัดเราคือความจริงที่ว่าเราอยู่ในเผ่าพันธุ์มนุษย์และเราต้องอยู่ร่วมกับผู้อื่น

ทัศนคติและการกระทำของเราจะแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิงถ้าเราเป็นมนุษย์เพียงคนเดียวบนโลก แต่เราต้องคำนึงถึงผู้อื่น ปรับตัวเข้ากับผู้อื่น และคำนึงถึงผู้อื่นอยู่เสมอ ปัญหานี้แก้ไขได้ดีที่สุดผ่านมิตรภาพ ความรู้สึกเป็นชุมชน และความร่วมมือ การแก้ปัญหาที่สองจะพาเราไปไกลในการแก้ปัญหาแรก

46 The great discovery of the division of labor ความยิ่งใหญ่ของการแบ่งงานถูกค้นพบ

เพียงเพราะว่ามนุษย์เรียนรู้ที่จะร่วมมือ เราจึงสามารถค้นพบการแบ่งงานครั้งใหญ่ ซึ่งเป็นการค้นพบที่เป็นหลักประกันความสุขของมนุษย์ การดำรงชีวิตมนุษย์จะเป็นไปไม่ได้ถ้าเราพยายามหาเลี้ยงชีพจากโลกด้วยตัวเราเอง โดยไม่ร่วมมือกับผู้อื่น และไม่ใช้ผลของความร่วมมือในอดีต

เราสามารถใช้ผลการฝึกอบรมได้หลายประเภทขึ้นอยู่กับการแบ่งงาน ยิ่งไปกว่านั้น ความสามารถที่แตกต่างกันมากมายสามารถจัดวางในลักษณะที่ความสามารถทั้งหมดมีส่วนทำให้เกิดความเป็นอยู่ร่วมกันของมนุษยชาติ รับประกันอิสรภาพจากความวิตกกังวล และเพิ่มโอกาสให้กับสมาชิกทุกคนในสังคม

47 The Life of a Spoiled Child ชีวิตของเด็กเอาแต่ใจ

บางคนพยายามหลีกเลี่ยงปัญหาการทำงานนี้โดยการไม่ได้ทำงานเลย หรือโดยการยุ่งเกินกว่าความสนใจของมนุษย์ตามปกติ แต่เรามักจะพบว่าถ้าเราหลีกเลี่ยงปัญหานี้ จริงๆ แล้วพวกเขากำลังขอความช่วยเหลือจากเพื่อนฝูง พวกเขาจะใช้ชีวิตโดยอาศัยแรงงานของผู้อื่นโดยไม่บริจาคเงินด้วยตนเอง นี่คือชีวิตของเด็กเอาแต่ใจ

48 Obstacles to human cooperation สิ่งที่ขัดขวางความร่วมมือของมนุษย์

เมื่อใดก็ตามที่เด็กเอาแต่ใจเผชิญกับปัญหา เขาเรียกร้องให้แก้ไขด้วยความพยายามของเพื่อนฝูง และส่วนใหญ่เป็นเด็กตามใจชอบที่ขัดขวางความร่วมมือของมนุษย์และสร้างภาระเกินสมควรให้กับผู้ที่มีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในการแก้ปัญหาของมนุษย์

49 We are one of two genders. เราเป็นหนึ่งในสองเพศ

การเชื่อมต่อประการที่สามของเราคือเราเป็นหนึ่งในสองเพศ การมีส่วนร่วมของเราในการสืบสานมนุษยชาติขึ้นอยู่กับความสามารถของเราในการเข้าถึงเพศตรงข้ามและบรรลุบทบาททางเพศของเรา

ความสัมพันธ์ระหว่างเพศนี้ยังสร้างปัญหาบางอย่างด้วย ปัญหานี้ก็ไม่สามารถแก้ไขได้แยกจากปัญหาอีกสองปัญหาเช่นกัน ความสำเร็จในการแก้ปัญหาความรักและการแต่งงานต้องอาศัยการทำงานที่เอื้อต่อการแบ่งงานและความสัมพันธ์ที่ดีและเป็นมิตรกับผู้อื่น

50 These three problems do not occur in isolation from the others. ปัญหาทั้งสามนี้ไม่ได้เกิดขึ้นแยกจากปัญหาอื่นๆ

ปัญหาทั้งสามนี้ไม่เคยเกิดขึ้นแยกจากปัญหาอื่นๆ

ปัญหาเหล่านั้นทำให้กระจ่างปัญหาอื่นๆ การแก้ปัญหาหนึ่งปัญหาจะช่วยแก้ปัญหาอื่นๆ ในความเป็นจริง สิ่งเหล่านี้รวมถึงทุกแง่มุมของสถานการณ์เดียวกันและปัญหาเดียวกัน เงื่อนไขและปัญหาที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตในสภาพแวดล้อมของมนุษย์

51 People who change jobs frequently คนที่เปลี่ยนงานบ่อยๆ 

มีคนเปลี่ยนงานตลอดเวลา คนแบบนี้เชื่อว่าต้องมีงานที่เหมาะกับตนเองมากกว่า ท้ายที่สุดเขาไม่สามารถมีสมาธิกับงานใดงานหนึ่งได้และต้องเปลี่ยนจากงานหนึ่งไปอีกงานหนึ่ง

52 Early training in childhood is always evident in geniuses. การฝึกอบรมเด็กปฐมวัยมักปรากฏให้เห็นในความเป็นอัจฉริยะเสมอ

การฝึกฝนตั้งแต่เนิ่นๆ ในวัยเด็กมักแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงความเป็นอัจฉริยะ และฉันเชื่อว่าคำถามเรื่องอัจฉริยะทำให้เรื่องทั้งหมดกระจ่างขึ้น

มนุษย์เราเรียกเฉพาะผู้ที่มีส่วนอย่างมากต่อความสุขร่วมกันของมนุษยชาติเท่านั้นที่เป็นอัจฉริยะ เป็นไปไม่ได้เลยที่จะจินตนาการถึงอัจฉริยะที่ไม่ทิ้งประโยชน์ใดๆ ให้กับมนุษยชาติ ศิลปะเป็นผลงานที่เกิดจากความร่วมมือกันมากที่สุดของบุคคลทุกคน และอัจฉริยะผู้ยิ่งใหญ่ได้ยกระดับวัฒนธรรมทั้งหมดของเรา

53 Many geniuses were born with physical disabilities. มีอัจฉริยะมากมายที่เกิดมาพร้อมกับความพิการทางร่างกาย


ไม่ต้องสงสัยเลยว่าอัจฉริยะเป็นกลุ่มที่ให้ความร่วมมือมากที่สุดในบรรดามนุษย์ทุกคน

-

มักมีความพิการทางร่างกายขั้นรุนแรงตั้งแต่แรกเกิด ...แต่แม้ว่าพวกเขาจะทนทุกข์ทรมานอย่างมากในช่วงปีแรก ๆ ของชีวิต แต่พวกเขาก็ต่อสู้และเอาชนะความยากลำบาก เราสังเกตได้ชัดเจนว่าความสนใจของพวกเขาเกิดขึ้นตั้งแต่เนิ่นๆ และพวกเขาฝึกฝนอย่างหนักในวัยเด็กเพียงใด พวกเขาฝึกฝนประสาทสัมผัสของตนให้เฉียบคมขึ้นเพื่อที่จะได้สัมผัสและเข้าใจปัญหาของโลก

จากการฝึกอบรมในช่วงแรกนี้ เราสามารถสรุปได้ว่าศิลปะและพรสวรรค์ของพวกเขาเป็นผลงานของพวกเขาเอง ไม่ใช่ของประทานที่เป็นความลับจากธรรมชาติหรือพันธุกรรม พวกเขาทำงานหนักและเราพอใจกับผลลัพธ์ที่ได้

54 Women who contribute as mothers are noble สตรีผู้มีส่วนช่วยในฐานะมารดาเป็นสิ่งล้ำค่า

เราขอย้ำอีกครั้งว่าผู้หญิงซึ่งมีส่วนในการดำรงชีวิตของมนุษย์โดยการเป็นแม่ ครองตำแหน่งที่สูงที่สุดในการแบ่งงานของมนุษย์ ถ้าแม่สนใจชีวิตลูกและเตรียมลูกให้เข้าสังคม ถ้าแม่ขยาย ลูกสนใจและฝึกลูกให้ร่วมมือกัน งานของสตรีก็จะมีคุณค่ามากจนไม่สามารถให้รางวัลได้อย่างเหมาะสม

55 The effort to surpass one's father or mother is a very worthwhile endeavor. ความเพียรพยายามเหนือพ่อและแม่เป็นความพยายามที่คุ้มค่ามาก

ความพยายามอย่างหนึ่งที่พบบ่อยที่สุดคือการพยายามเอาชนะสมาชิกคนอื่นๆ ในครอบครัว โดยเฉพาะพ่อหรือแม่ นี่อาจเป็นความพยายามที่คุ้มค่ามาก เราดีใจที่ได้เห็นคนรุ่นใหม่ก้าวไปข้างหน้ามากกว่าคนรุ่นเก่า และในระดับหนึ่ง ประสบการณ์ของพ่ออาจเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีให้กับลูกได้ ถ้าเขาปรารถนาที่จะให้มากกว่าความสำเร็จในอาชีพการงานของพ่อ

56 Don't overestimate the value of money อย่าประเมินค่าเงินสูงเกินไป

หากคุณค่าของเงินสูงเกินไปในชีวิตครอบครัว เด็กๆ จะมองปัญหาการทำงานจากมุมมองของเงินที่พวกเขาหามาเท่านั้น นี่เป็นปัญหาใหญ่ เนื่องจากเด็กเหล่านี้ไม่ปฏิบัติตามความสนใจในการช่วยเหลือมนุษยชาติ

-

หากเด็กสนใจแค่การหาเงิน เขาอาจเบี่ยงเบนไปจากเส้นทางแห่งความร่วมมือได้อย่างง่ายดายและสนใจเพียงผลประโยชน์ของตนเองเท่านั้น

57 You can become wealthy without helping others. แม้ว่าท่านจะมั่งคั่งได้โดยไม่ต้องร่วมมือกับผู้อื่น

ในช่วงเวลาที่ซับซ้อนของเรา มีความเป็นไปได้ที่จะมั่งคั่งโดยไม่ต้องบริจาคให้ผู้อื่น แม้แต่วิธีที่ผิดก็อาจดูเหมือนประสบความสำเร็จในบางประเด็น เราไม่จำเป็นต้องแปลกใจกับสิ่งนั้น เราไม่สามารถสัญญาได้ว่าผู้ที่ดำเนินชีวิตด้วยทัศนคติที่ถูกต้องจะประสบความสำเร็จในทันที อย่างไรก็ตาม ฉันสัญญากับคุณได้ว่าคนเหล่านี้จะยังคงกล้าหาญและรักษาความเคารพตนเองต่อไป

58 All human failures come from men who have no regard for their fellow men. ความล้มเหลวทั้งปวงของมนุษย์เกิดขึ้นจากผู้ที่ไม่สนใจเพื่อนมนุษย์

คนที่มีปัญหามากที่สุดในชีวิตและก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้อื่นมากที่สุดคือคนที่ไม่สนใจเพื่อนมนุษย์ ความล้มเหลวของมนุษย์ทั้งหมดเกิดขึ้นจากภายในบุคคลดังกล่าว

-

ในส่วนของฉัน ฉันเห็นด้วยกับความพยายามของมนุษย์ที่ยอมรับว่าความร่วมมือเป็นเป้าหมายสูงสุด ไม่จำเป็นต้องต่อสู้ วิพากษ์วิจารณ์ หรือดูถูกดูแคลนมัน เราไม่ได้มีความสุขกับความจริงที่สมบูรณ์ และมีหลายเส้นทางที่สามารถนำเราไปสู่เป้าหมายสูงสุดของความร่วมมือได้

59 A view of life that seeks only one's own interestsมุมมองของชีวิตที่แสวงหาประโยชน์ส่วนตนเท่านั้น

สิ่งที่เราต้องต่อต้านคือมุมมองของชีวิตที่แสวงหาเฉพาะสิ่งที่จะให้ได้และผลประโยชน์ส่วนตัวเท่านั้น นี่เป็นอุปสรรคใหญ่ที่สุดที่เป็นไปได้ต่อความก้าวหน้าร่วมกันของบุคคลและสังคม ความสามารถของมนุษย์ของเราพัฒนาขึ้นโดยให้ความสนใจต่อเพื่อนมนุษย์เท่านั้น

60 People who blame themselves are actually blaming others. พวกที่โทษตัวเอง จริงๆ แล้วกำลังโทษคนอื่น

ในภาวะซึมเศร้า ผู้ป่วยจะโทษตัวเอง ตัวอย่างเช่น เขาพูดว่า ``ฉันทำลายครอบครัวของฉัน'' ``ฉันสูญเสียเงินทั้งหมด ลูกๆ ของฉันต้องอดตาย'' อย่างไรก็ตาม เมื่อมีคนโทษตัวเอง นั่นเป็นเพียงใบหน้าเดียวที่เขาแสดงออกมาภายนอก เขากำลังโทษคนอื่นจริงๆ

61 To be a good friend to everyone เป็นเพื่อนที่ดีกับทุกคน

หากเด็กสามารถเป็นเพื่อนที่ดีของทุกคนและช่วยเหลือผู้อื่นผ่านอาชีพที่ทำกำไรและชีวิตแต่งงานที่มีความสุข เขาจะไม่รู้สึกด้อยกว่าหรือด้อยกว่าผู้อื่น คุณจะรู้สึกเหมือนอยู่บ้านในจักรวาลที่เป็นมิตร คุณจะพบกับคนที่คุณชอบ และคุณจะสามารถรับมือกับความยากลำบากทั้งหมดได้

คุณจะรู้สึกว่า ``โลกนี้คือโลกของฉัน ฉันต้องลงมือทำและสร้างมันขึ้นมา โดยไม่ต้องรอหรือคาดหวัง'' คุณจะมั่นใจได้ว่าช่วงเวลาปัจจุบันเป็นช่วงเวลาที่ไม่เหมือนใครในประวัติศาสตร์ของมนุษย์ และเป็นของประวัติศาสตร์ของมนุษย์ทั้งหมด: อดีต ปัจจุบัน และอนาคต คุณจะรู้สึกว่าตอนนี้เป็นเวลาที่คุณจะต้องทำงานสร้างสรรค์ให้สำเร็จและมีส่วนร่วมในการพัฒนามนุษยชาติ

62 Our World โลกของเรา

เป็นความจริงที่ว่ามีความชั่วร้าย ความยากลำบาก อคติ และหายนะในโลกนี้ แต่โลกนี้เป็นของเรา ข้อดีและข้อเสียก็เป็นของเรา นี่คือโลกที่เราควรปรับปรุง คุณอาจคิดว่าหากคุณเข้าใกล้งานของคุณอย่างถูกวิธี คุณสามารถทำหน้าที่ในส่วนของคุณเพื่อปรับปรุงโลกได้

63 Facing your own challenges เผชิญกับความท้าทายของคุณเอง

การเผชิญกับความท้าทายหมายถึงการยอมรับความรับผิดชอบในการแก้ไขปัญหาสามประการของชีวิตในลักษณะที่ร่วมมือกัน

สิ่งที่เราขอจากผู้อื่น และคำสรรเสริญสูงสุดที่เรามอบให้พวกเขาคือการเป็นเพื่อนร่วมงานที่ดีของผู้อื่น เป็นเพื่อนที่ดีของทุกคน และเป็นหุ้นส่วนที่แท้จริงในความรักและการแต่งงาน นั่นคือสิ่งที่มันหมายถึง สรุปคุณควรพิสูจน์ว่าคุณเป็นเพื่อน

64 The Meaning of Love and Marriage ความหมายของความรักและการแต่งงาน

หากถามฉันถึงความหมายของความรักและการแต่งงาน ฉันจะให้คำจำกัดความไว้ดังนี้ แม้ว่ามันอาจจะไม่สมบูรณ์ก็ตาม

“ความรักและความสมหวัง การแต่งงานเป็นความมุ่งมั่นที่ใกล้ชิดที่สุดต่อคู่ครองเพศตรงข้าม แสดงออกด้วยแรงดึงดูดทางกาย ความเป็นเพื่อน และความมุ่งมั่นที่จะให้กำเนิดบุตร แสดงถึงแง่มุมหนึ่งของความร่วมมือของมนุษย์ ซึ่งไม่ใช่แค่เพื่อความสุขเท่านั้น ของคนสองคนแต่เพื่อความสุขของมนุษยชาติ

65 For successful love and marriageに เพื่อความรักและการแต่งงานจะประสบความสำเร็จ

เพื่อปรับปรุงความสัมพันธ์ระหว่างคู่รักสองคน คู่รักแต่ละคนจะต้องสนใจอีกฝ่ายมากกว่าตนเอง นี่เป็นพื้นฐานเดียวสำหรับความรักและการแต่งงานที่ประสบความสำเร็จ

66 Relationship with Partner ความสัมพันธ์กับหุ้นส่วน

ถ้าต่างฝ่ายต่างสนใจกันและกันมากกว่าตนเอง ความสัมพันธ์ก็ต้องเท่าเทียมกัน หากมีความมุ่งมั่นอย่างใกล้ชิดต่อคู่รักของตน คู่รักทั้งสองคนจะไม่รู้สึกว่าถูกครอบงำหรือถูกดูหมิ่น

ความเท่าเทียมกันจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อทั้งสองฝ่ายมีทัศนคติเช่นนี้ แต่ละคนควรใช้ความพยายามเพื่อทำให้ชีวิตของอีกฝ่ายสงบสุขและมั่งคั่งยิ่งขึ้น สิ่งนี้ทำให้แต่ละคนรู้สึกโล่งใจ เห็นคุณค่า และเป็นที่ต้องการของผู้อื่น

67 Equality มีความเท่าเทียมกัน

ในภารกิจความร่วมมือระหว่างหุ้นส่วนไม่สามารถรับตำแหน่งผู้ใต้บังคับบัญชาได้ ถ้าคนหนึ่งครอบงำและพยายามปราบอีกคนหนึ่ง ทั้งสองก็ไม่สามารถอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขได้

แต่ความจริงก็คือในสภาวะปัจจุบัน ชายและหญิงจำนวนมากเชื่อมั่นว่าบทบาทของการปกครอง การบังคับบัญชา การเป็นผู้นำ และความเชี่ยวชาญเป็นของผู้ชาย นี่คือเหตุผลที่เราสร้างชีวิตแต่งงานที่ไม่มีความสุขมากมาย

ไม่มีใครสามารถทนต่อสถานะที่ต่ำต้อยได้โดยไม่โกรธหรือรังเกียจ คุณต้องมีความเท่าเทียมกับเพื่อนฝูงของคุณ เมื่อคนเราเท่าเทียมกันก็จะหาทางแก้ไขปัญหาอยู่เสมอ

68 Attitudes for Love and Marriage ทัศนคติต่อความรักและการแต่งงาน

ในการเตรียมทัศนคติต่อความรัก เราต้องไม่หาข้อแก้ตัวและวิธีหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบ ความสัมพันธ์รักไม่สามารถมั่นคงในสภาวะลังเลและสงสัยได้ ความร่วมมือต้องอาศัยความมุ่งมั่นชั่วนิรันดร์ เรามองว่าความสามัคคีเป็นรูปแบบหนึ่งของความรักและการแต่งงานที่แท้จริง โดยมีปณิธานอันแน่วแน่และไม่เปลี่ยนแปลง ในปณิธานนี้ เราได้รวมเอาความมุ่งมั่นที่จะมีลูก ให้ความรู้แก่พวกเขา ฝึกอบรมให้พวกเขาร่วมมือกัน ทำให้พวกเขาเป็นเพื่อนที่ดีของสังคม เท่าที่จะเป็นไปได้ ฉันอยู่ตรงนี้ในฐานะสมาชิกที่เท่าเทียมกันและมีความรับผิดชอบอย่างแท้จริง

การแต่งงานที่ดีเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการเลี้ยงดูมนุษยชาติรุ่นต่อไป และการแต่งงานควรมีมุมมองเช่นนี้เสมอ การแต่งงานเป็นงานที่หนักจริงๆ มีกฎและกฎหมายของตัวเอง เราไม่สามารถเลือกการแต่งงานเพียงด้านเดียวและเราไม่สามารถหลบหนีจากด้านอื่นได้โดยไม่ละเมิดกฎนิรันดร์แห่งความร่วมมือ

69 Personalities Necessary for a Partnership ลักษณะที่จำเป็นสำหรับการเป็นหุ้นส่วน

ฉันรู้ว่าในสังคมของเรามีปัญหามากมายที่ทำให้คนจำนวนมากไม่สามารถแก้ไขปัญหาความรักและการแต่งงานในทางที่ถูกต้อง แต่ไม่ใช่ความรักและการแต่งงานที่ต้องเสียสละ ควรเสียสละความยากลำบากของสังคม เรารู้ว่าเราต้องการบุคลิกภาพแบบไหนสำหรับการเป็นหุ้นส่วนด้วยความรัก ซื่อสัตย์ ซื่อสัตย์ ไว้วางใจได้ ไม่ขี้อาย ไม่เห็นแก่ตัว...

70 Freedom in Marriage อิสรภาพในการแต่งงาน

หากคนสองคนตกลงที่จะเป็นอิสระ ก็ไม่มีทางบรรลุมิตรภาพที่แท้จริงได้ นี่ไม่ใช่มิตรภาพ ในความสัมพันธ์ของเรากับผู้อื่น เราไม่สามารถทำทุกอย่างได้อย่างอิสระ เราต้องร่วมมือกัน

71 I can't fall in love with just one person คนที่ไม่สามารถตกหลุมรักคนเพียงคนเดียวได้

มีบางคนที่ไม่สามารถตกหลุมรักคนเพียงคนเดียวได้ พวกเขาต้องตกหลุมรักคนทั้งสองในเวลาเดียวกัน แล้วฉันก็รู้สึกเป็นอิสระ พวกเขาเปลี่ยนคนที่รักทีละคนและไม่เต็มใจที่จะรับผิดชอบความรักอย่างเต็มที่ การพยายามรักคนสองคนหมายถึงไม่รักทั้งสองคน

72 Being sexually attracted to your partner มีความสนใจทางเพศต่อคู่ครอง

จำเป็นต้องดึงดูดใจอีกฝ่ายหนึ่งทางเพศ แต่ควรทำให้สอดคล้องกับความปรารถนาความสุขของมนุษยชาติ

หากคู่รักของคุณสนใจกันและกันจริงๆ พวกเขาก็ไม่ควรดึงดูดใจกัน

มันไม่เคยหายไป การขาดแรงดึงดูดทางเพศหมายถึงการขาดความสนใจในตัวอีกฝ่าย นี่แสดงให้เห็นว่าพวกเขาไม่เท่าเทียมกับคู่รักอีกต่อไป ไม่เป็นมิตรหรือร่วมมือกับพวกเขาอีกต่อไป และไม่ต้องการทำให้คู่ครองร่ำรวยอีกต่อไป

73 Giving Birth to Children การคลอดบุตรหมายความว่าอย่างไร

ทางรอดของเราคือการมีลูก ด้วยเหตุนี้ ในเรื่องความรักและการแต่งงาน เราจึงพบว่าผู้ที่คำนึงถึงสวัสดิภาพของมนุษยชาติโดยธรรมชาติมากที่สุดคือผู้ที่มีแนวโน้มจะมีบุตรมากที่สุด ในทางกลับกัน คนที่ไม่สนใจเพื่อนชายไม่ว่าจะโดยรู้ตัวหรือไม่รู้ตัว มักจะพบว่าปฏิเสธภาระในการคลอดบุตร.

74 Deciding to have a child การตัดสินใจมีลูก

พวกเขาจะไม่ชอบเด็กถ้าพวกเขาไม่เคยให้และเรียกร้องและคาดหวังอยู่เสมอ พวกเขาสนใจแต่ตัวเองและมองว่าลูกๆ เป็นแหล่งของปัญหา ความเดือดร้อน ความรำคาญ และเป็นอุปสรรคต่อความสนใจในตัวเองต่อไป

ดังนั้นเราจึงสามารถพูดได้ว่าการแก้ปัญหาความรักและการแต่งงานอย่างสมบูรณ์นั้นต้องอาศัยการตัดสินใจมีลูก การแต่งงานที่ดีเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่เรารู้ในการเลี้ยงดูมนุษยชาติรุ่นต่อไป และการแต่งงานควรคำนึงถึงมุมมองนี้เสมอ

75 Mistakes in Marriage ข้อผิดพลาดในการแต่งงาน

การพังทลายของการแต่งงานมักเกิดขึ้นเพราะคู่รักไม่ได้ทำงานหนัก พวกเขาไม่ได้ทำงานเพื่อสร้างชีวิตแต่งงาน พวกเขาเพียงรอที่จะได้รับบางสิ่งบางอย่าง หากพวกเขาประสบปัญหาในลักษณะนี้ แน่นอนพวกเขาจะล้มเหลว

เป็นความผิดพลาดที่จะคิดว่าความรักและการแต่งงานเป็นสวรรค์ การมองว่าการแต่งงานเป็นจุดสิ้นสุดของเรื่องราวถือเป็นความผิดพลาดเช่นกัน ความจริงแล้ว ความเป็นไปได้ของความสัมพันธ์ของพวกเขาเริ่มต้นเมื่อพวกเขาแต่งงานกัน เมื่อพวกเขาแต่งงานเท่านั้นที่พวกเขาจะเผชิญกับความท้าทายที่แท้จริงของชีวิตและโอกาสในการทำงานเพื่อจุดประสงค์ของสังคม

76 Love by itself doesn't solve all problems. ความรักไม่ได้แก้ปัญหาทั้งหมด

สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งที่ต้องรู้คือความรักไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาทุกสิ่งได้ ความรักมีหลายประเภท แต่การแก้ปัญหาการแต่งงานควรอาศัยการทำงาน ความเอาใจใส่ และความร่วมมือจะดีกว่า

77 Improper Purposes in Marriage วัตถุประสงค์ที่ไม่เหมาะสมสำหรับการแต่งงาน

มีคนที่แต่งงานด้วยจุดประสงค์ที่ไม่เหมาะสม บางคนแต่งงานเพื่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจ บางคนแต่งงานเพื่อความเห็นอกเห็นใจ และบางคนแต่งงานเพื่อจะได้ทาส ไม่มีที่ว่างสำหรับเรื่องตลกเช่นนี้ในการแต่งงาน

ฉันรู้ว่ามีกรณีที่การแต่งงานเกิดขึ้นเพื่อเพิ่มความยากลำบาก บางทีคนหนุ่มสาวอาจกังวลเกี่ยวกับการสอบหรืองานในอนาคต ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนว่าเขากำลังจะล้มเหลวอย่างง่ายดาย และถ้าเขาทำ เขาก็ต้องการข้อแก้ตัวที่จะทำเช่นนั้น ดังนั้นพวกเขาจึงพยายามสร้างข้อแก้ตัวโดยรับหน้าที่เพิ่มเติมในการแต่งงาน

เรียนรู้จาก “จิตวิทยาแห่งความหมายของชีวิต” คำสอนของแอดเลอร์ 77


วันที่ตีพิมพ์: 7 กรกฎาคม 2016 ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 2

ผู้แต่ง/ผู้แปล: ซูซูมุ โอคุโบะ

สำนักพิมพ์: ริวเมอิชะ

หลักการสำคัญของ Adler สำหรับการใช้ชีวิตอย่างมีความสุข:

  1. การตั้งเป้าหมายที่มีความหมาย

    • Adler เชื่อว่าการมีเป้าหมายในชีวิตที่ชัดเจนและมีความหมายเป็นสิ่งสำคัญในการให้ทิศทางและแรงจูงใจในการดำเนินชีวิต เป้าหมายที่เกี่ยวข้องกับการช่วยเหลือผู้อื่นและการมีส่วนร่วมในสังคมจะช่วยให้ชีวิตมีความหมายมากขึ้น
  2. การรับผิดชอบส่วนบุคคล

    • Adler เน้นว่าการรับผิดชอบต่อการกระทำและการตัดสินใจของตนเองเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างชีวิตที่มีความสุข การเข้าใจว่าเรามีอำนาจในการควบคุมและเปลี่ยนแปลงชีวิตของตนเองจะช่วยให้เรามีความรู้สึกควบคุมและมีความสามารถ
  3. ความสัมพันธ์ที่ดี

    • Adler เชื่อว่าความสัมพันธ์ที่ดีและการมีส่วนร่วมในสังคมมีบทบาทสำคัญในการเพิ่มความสุข การสร้างและรักษาความสัมพันธ์ที่ดีช่วยให้เรามีความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนและได้รับการสนับสนุนจากผู้อื่น
  4. การจัดการกับความรู้สึกต่ำต้อย

    • Adler พูดถึงความรู้สึกต่ำต้อย (Inferiority Complex) ซึ่งอาจเกิดขึ้นจากการเปรียบเทียบตนเองกับผู้อื่น การจัดการกับความรู้สึกเหล่านี้โดยการเพิ่มความมั่นใจในตนเองและเข้าใจคุณค่าของตนเองเป็นสิ่งสำคัญ
  5. การพัฒนาและเติบโตส่วนบุคคล

    • Adler สนับสนุนการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง การเรียนรู้จากประสบการณ์และความล้มเหลวช่วยให้เราเติบโตและมีความสุขมากขึ้น
  6. การมองชีวิตในเชิงบวก

    • Adler แนะนำให้มองชีวิตในเชิงบวกและมองหาแง่ดีในทุกสถานการณ์ ทัศนคติเชิงบวกและการให้ความสำคัญกับสิ่งที่เราสามารถควบคุมได้ช่วยเพิ่มความสุขและความพอใจ

การนำหลักการไปใช้ในชีวิตประจำวัน:

  1. ตั้งเป้าหมายที่มีความหมายและเชื่อมโยงกับค่านิยมของตนเอง: กำหนดเป้าหมายที่เกี่ยวข้องกับการช่วยเหลือผู้อื่นและการมีส่วนร่วมในกิจกรรมที่สำคัญต่อความหมายของชีวิต

  2. รับผิดชอบต่อการกระทำของตนเอง: ตระหนักถึงความรับผิดชอบในทุกการตัดสินใจและการกระทำของตนเอง ทำความเข้าใจว่าคุณมีอำนาจในการเปลี่ยนแปลงชีวิตของคุณเอง

  3. สร้างและรักษาความสัมพันธ์ที่ดี: ใช้เวลาในการสร้างและรักษาความสัมพันธ์ที่ดีในชีวิตส่วนตัวและการมีส่วนร่วมในกิจกรรมสังคม

  4. จัดการกับความรู้สึกต่ำต้อย: มองหาวิธีในการเพิ่มความมั่นใจในตัวเอง และหลีกเลี่ยงการเปรียบเทียบตนเองกับผู้อื่น

  5. พัฒนาและเติบโตจากประสบการณ์: ใช้โอกาสในการเรียนรู้และเติบโตจากประสบการณ์ต่าง ๆ และพยายามพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง

  6. มองชีวิตด้วยทัศนคติเชิงบวก: ฝึกมองหาแง่ดีในทุกสถานการณ์ และมองชีวิตในแง่บวกเพื่อเพิ่มความสุขและความพอใจ

หลักการเหล่านี้จากหนังสือของ Alfred Adler ช่วยให้เราเข้าใจวิธีการสร้างชีวิตที่มีความสุขและมีความหมาย โดยการนำไปปฏิบัติในชีวิตประจำวันจะช่วยให้เราเติบโตและมีความสุขในระยะยาว

ความสุขคืออะไรตาม Alfred Adler?

  1. ความสุขเป็นผลลัพธ์ของการมีเป้าหมายที่มีความหมาย:

    • Adler เชื่อว่าความสุขเกิดจากการมีเป้าหมายในชีวิตที่มีความหมาย เป้าหมายที่เชื่อมโยงกับการช่วยเหลือผู้อื่นและการมีส่วนร่วมในสังคมมักจะส่งผลให้เกิดความพอใจและความสุขที่แท้จริง
  2. ความสุขมาจากความรู้สึกของการเป็นส่วนหนึ่งของสังคม:

    • Adler มองว่าความสุขเป็นผลลัพธ์ของการรู้สึกว่าเรามีบทบาทและเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน ความรู้สึกว่าเราสามารถมีส่วนร่วมในชีวิตของผู้อื่นและได้รับการยอมรับจากสังคมเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความสุข
  3. ความสุขคือการพัฒนาตนเองและการเติบโต:

    • ความสุขตามมุมมองของ Adler เกี่ยวข้องกับการเติบโตและพัฒนาตนเอง การเรียนรู้จากประสบการณ์และการพัฒนาอย่างต่อเนื่องช่วยให้เกิดความรู้สึกของความสำเร็จและความพอใจ
  4. การจัดการกับความรู้สึกต่ำต้อย:

    • Adler กล่าวถึงความรู้สึกต่ำต้อย (Inferiority Complex) ว่ามักจะเป็นอุปสรรคต่อความสุข การเข้าใจและจัดการกับความรู้สึกเหล่านี้ โดยการเพิ่มความมั่นใจในตัวเองและรู้จักคุณค่าของตนเองเป็นสิ่งสำคัญในการเข้าถึงความสุข

ผู้คนมีชีวิตอยู่ได้อย่างไรตาม Alfred Adler?

  1. การตั้งเป้าหมายและการมีทิศทาง:

    • Adler เชื่อว่าผู้คนมีชีวิตอยู่ได้ดีเมื่อมีเป้าหมายและทิศทางที่ชัดเจนในชีวิต เป้าหมายเหล่านี้ไม่เพียงแต่เพื่อความสำเร็จส่วนตัวเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการมีส่วนร่วมและช่วยเหลือผู้อื่น
  2. การสร้างและรักษาความสัมพันธ์ที่ดี:

    • ความสัมพันธ์ที่ดีและการมีส่วนร่วมในสังคมเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ผู้คนมีชีวิตที่ดี การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและการรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนช่วยให้ชีวิตมีความหมายและมีความสุข
  3. การรับผิดชอบและการพัฒนาตนเอง:

    • การรับผิดชอบต่อการกระทำของตนเองและการพัฒนาตนเองเป็นสิ่งสำคัญในการมีชีวิตที่ดี ผู้คนควรตระหนักถึงความรับผิดชอบของตนและมุ่งมั่นในการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง
  4. การจัดการกับความรู้สึกต่ำต้อย:

    • การจัดการกับความรู้สึกต่ำต้อยและการเพิ่มความมั่นใจในตนเองช่วยให้ผู้คนสามารถมีชีวิตที่ดีขึ้น การตระหนักถึงคุณค่าและความสามารถของตนเองช่วยให้สามารถดำเนินชีวิตได้อย่างมีความหมาย
  5. การมองชีวิตในเชิงบวก:

    • Adler แนะนำให้ผู้คนมองชีวิตในเชิงบวกและมองหาแง่ดีในทุกสถานการณ์ การมีทัศนคติเชิงบวกช่วยเพิ่มความพอใจและความสุขในชีวิต

หลักการเหล่านี้จาก Alfred Adler ช่วยให้เราเข้าใจความสุขและวิธีการดำเนินชีวิตที่สามารถสร้างความสุขและความพอใจในชีวิตได้อย่างแท้จริง โดยการนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันจะช่วยให้เราสามารถบรรลุเป้าหมายและมีชีวิตที่มีความหมายและมีความสุขมากขึ้น

หนังสือเล่มนี้ให้ความสำคัญกับการนำหลักการของ Adler มาใช้ในชีวิตประจำวันเพื่อการพัฒนาตนเองและการบรรลุความสุข โดยการปฏิบัติตามคำสอนเหล่านี้สามารถช่วยให้เข้าใจตัวเองและความหมายของชีวิตได้ดีขึ้น