วันจันทร์ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2552

(ไอ้หนุ่ม)หลังตู้เย็น

(ไอ้หนุ่ม)หลังตู้เย็น


หนุ่ม นามธรรม, ผู้ชายธรรมดา(ที่ไม่)ธรรมดา, นายทุนน้อย, หนุ่มสมองไหล, แฟมิลี่แมน, ขอชื่อประภาสถึงชาติหน้าตอนบ่าย, จุดยืน, ผู้ชายหัวใจกระดาษ, ผู้ชายช่างคิด, คำถามที่ตอบไม่ได้, หันกลับไปมองไปยาลใหญ่

ชื่อทั้งหมดข้างต้นเป็นหัวข้อชื่อเรื่องของบทสัมภาษณ์ผู้ชายคนเดียวกัน จากนิตยสารชั้นนำในเมืองไทยตลอดช่วงเวลากว่า 22 ปี (พ.ศ. 2526-2547) ของชายชื่อ ประภาส ชลศรานนท์ ด้วย 11 บทความในยี่สิบกว่าปีดังกล่าว จากความถี่ชนิดปีเว้นปีอาจทำให้เกิดความฉงนไปถึงขั้นที่มีคำถามเควสชั่นมาร์คลอยไปลอยมาบนศรีษะของใครหลายคนได้ว่า คนชื่อประภาส นี้เป็นใคร

(สำหรับผู้ไม่เคยรู้จักใครเลยแม้แต่สุธี-ควรอ่านตั้งแต่หมายเลข 1) หรือชื่อนี้น่าสนใจตรงไหน(แสดงว่าพอจะรู้จักสุธีบ้างนิดหน่อย ควรข้ามไปอ่านที่หมายเลข 2) หรือเคยได้ยินกิติศัพท์มานานแล้ว (สำหรับแฟนพันธุ์แท้สุธี ข้ามไปอ่านหมายเลข 3 ได้เลย)

ซึ่งบทสัมภาษณ์ต่างๆถูกนำมารวบรวมไว้ในพอกเก๊ตบุคชื่อแปลกหูว่า หลังตู้เย็น และ แน่นอนว่าไม่มีคำอธิบายตัวตนของประภาสใดๆจะดีเท่าการตอบคำถามสัมภาษณ์ทั้ง หลาย ภายใต้หัวข้อเรื่องที่น่าสนใจในชีวิตของเขาในแต่ละวาระ ตามลำดับของเหตุการณ์ของช่วงวัย ต่อไปนี้

1

หนุ่มนามธรรม (โดยปลาร้าหอม, นิตยสารเปรียว, 2526) ผมเป็นคนไม่ชอบบอกอะไรตรงๆชอบบอกอ้อมๆอย่างเวลาบอกรักผูหญิงงี้ อ้อมซะไกลเลย ผมว่าดีไม่ดีเขาอาจจะไม่รู้เลยมั้ง จนเดี๋ยวนี้เขาก็คงไม่รู้ เป็นพี่ พี่จะรู้มั๊ย บอกว่าจับปูดำขยำปูมา จับปูม้าแล้วคว้าปูทะเล พี่จะรู้มั๊ยว่าบอกรัก...

นายทุนน้อย (โดยพิมพ์สี, นิตยสารแพรว, 2531) สำหรับนิตยสารไปยาลใหญ่ ถ้าพูดถึงกำไรนี่เราไม่เคยคิดเรื่องกำไรเลยนะครับ เสียกันไปคนละไม่ใช่น้อยแล้วเหมือนกัน ทำเพลงวงเฉลียงได้กำไรมาก็ลงไป ทะลึ่งทำกัน มีคนเขาบอกถ้าผ่านหกเล่มได้จะอยู่ได้ นี่รู้สึกจะไม่ใช่อย่างนั้น สงสัยอาจต้องเดือดร้อนจุ้ย(ศุ บุญเลี้ยง)ให้ขายนามาทำหนังสือ แล้ว

แฟมิลี่แมน (โดยมนธิรา, นิตยสารแพรวสุดสัปดาห์, 2535) เวลาเห็นผู้หญิงก็สวยดีนะ รูปร่างดี ไม่ได้เป็นพระอิฐพระปูนหรอก แต่ว่าเราไปจีบเขาเพื่ออะไรล่ะ เรามีเมียแล้ว แล้วจะทำไปทำไม ผมว่าไม่เห็นมีประโยชน์เลย ทำไปเพื่ออะไร มันจะมีแต่ความทุกข์ เราก็ทุกข์ ผู้หญิงที่เราไปจีบเขาก็ทุกข์ ภรรยาเราเองก็ทุกข์

2

ขอชื่อประภาสถึงชาติหน้าตอนบ่าย (โดยนิตยสารวาไรตี้, 2538) ผมว่าไม่มีเด็กคนไหนหรอกที่ฝันว่าโตขึ้นจะเป็นวิศวกรโครงการหรือศูนย์หน้าทีมชาติ มีแต่อยากเป็นหมอ เป็นทหาร ตัวผมไม่เคยฝันเป็นนักเขียนนะ เขียนเลย แล้วก็ไม่รู้สึกว่าต้องพยายามด้วยมันเป็นธรรมชาติ

จุดยืน (โดยทิพากร บุญอ่ำและวรพจน์ พันธุ์พงศ์,นิตยสาร GM , 2542) ผมเป็นคนมีอัตตาสูงครับ ถ้าอยู่ในบทบาทที่ต้องรักษาอัตตา ผมมีสูงมากแต่ผมเป็นคนเคารพกติกามากเช่นกัน เตะฟุตบอลผมไม่ใช้มือแน่ๆ ถ้ากติกาบอกว่าต้องขาย ผมต้องทำให้ขายให้ได้ ถ้าผมตกปากรับคำแล้วนะ

ผู้ใหญ่หัวใจกระดาษ (โดยมติชนรายสัปดาห์, 2543) ความสุขของคนอยู่ข้างหลังคือ เมื่อเสร็จงาน ผมยังนั่งรถเมล์อยู่ บางครั้งเพื่อเห็นอะไรบางอย่าง ผมชอบเดินเข้าไปที่หนึ่งแล้วคนอาจจะจำได้บางคน แต่ไม่ใช่คนหันมาทั้งร้านแล้วก็ทำอะไรไม่ได้อีกเลย

3

ผู้ชายช่างคิด (โดยศิริน พาเว, นิตยสารแพรว, 2545) ผมชอบงานที่มีการต่อยอดทางความคิด ไม่ชอบให้จบที่งานหนึ่งหรือคนหนึ่ง ถ้ามีโอกาสทำอะไรให้คนใหม่บ้าง ก็อยากฝึกให้ เขาช่างคิด ช่างตั้งคำถาม หรือสร้างงานไปกระตุ้นอะไรบางอย่างของพวกเขา รู้ไหมครับ การค้นพบครั้งสำคัญของโลกนี้ล้วนมาจากการตั้งคำถามทั้งนั้น

คำถามที่ตอบไม่ได้ (โดยTalk A Tive, นิตยสารแพรวสุดสัปดาห์, 2543) ปัญหาที่ผมเลี่ยงไม่ตอบ ช่วงแรกๆปัญหารักมีส่งมามากที่สุด แต่ จะไปตอบได้อย่างไรเรื่องของหัวใจเรื่องของอารมณ์ล้วนๆ รองลงมาก็เรื่องความใฝ่ฝัน อยากเป็นนั่นเป็นนี่ทำอย่างไรดี แล้วก็ถามเรื่องความคิด

หันกลับไปมองไปยาลใหญ่ (โดยวชิรา, นิตยสารอะเดย์, 2547) ก็เป็นหนังสือธรรมดาเล่มหนึ่งที่คนคิดตื้นๆทางธุรกิจมาทำด้วยกัน คิดตื้นๆทางธุรกิจก็จริง แต่คิดลึกๆ ทางประเทืองปัญญาและอารมณ์ มองอีกมุมก็เป็นสิ่งประดิษฐ์ที่ทำค้างไว้เหมือนมันยังไม่เสร็จดีแล้วให้คนไปคิดกันต่อทำกันต่อ มันก็มองได้หลายมุม

4

อาจสรุปรวมสั้นๆได้ถึงผลงานของชายหนุ่มมากความสามารถคนนี้ว่า มีงานหลากหลายแนวทาง ได้แก่ แวดวงดนตรี เช่นเป็นหัวเรือใหญ่ของวง เฉลียง พร้อมสร้างงานเพลงศิลปินมากมาย หรือในวงการโทรทัศน์ จากละครฮิตทั่วเมืองกับ เทวดาตกสวรรค์ บวกเกมส์โชว์มากสีสันอย่าง เกมทศกัณฐ์ เกมแฟนพันธ์แท้ ฯลฯ และในแวดวงหนังสือ เคยเป็นผู้ก่อตั้งนิตยสารแนวใหม่ไปยาลใหญ่ จนปัจจุบันเป็นเจ้าของคอลัมน์ยอดฮิต คุยกับประภาส

สิ่ง ที่เห็นได้ชัดเจนหลังจากการอ่านพอกเก็ตบุคเล่มนี้ก็คือ แนวทางเรื่องของข้อคิด วิธีคิดแบบใหม่อย่างสร้างสรรค์ ที่ชวนให้แตกต่างจากเดิม เหมือนเป็นการเปิดประตูไปสู่โลกแห่งจินตนาการแล้วนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ โภชน์ผลของความเป็นจริงให้มากที่สุด โดยประภาสยังได้พยากรณ์ถึงคนหนุ่ม-สาวในอนาคตที่เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากว่าจะคล้ายกันไปหมดจนแยกไม่ออก เพราะมีเครื่องทุ่นแรงเยอะและหาง่าย ฉะนั้นจึงต้องพยายามดิ้นรนขับเขี้ยวกันอย่างรุนแรงเพื่อให้ตนเองลอยเด่นออกจากภาพที่เหมือนกันไปหมด หรืออาจจะกล่าวสั้นว่าต้องเป็นคนที่ คิด-เป็น-เห็น-ต่าง จากผู้อื่น

ตัวอย่างง่ายๆในที่นี้คือ ชื่อของพอกเก็ตบุค หลังตู้เย็นเล่มนี้ที่สะดุดหูและตาอย่างมาก ชวนให้เกิดความสงสัยไปต่างๆนาๆ จนเริ่มถึงบางอ้อ(ทางความคิด)ก็เมื่อประภาสเฉลยว่ามันเป็นการมองในวิธีคิดของเขาเองที่ว่า

สมมุติมีตู้เย็นอยู่อันหนึ่ง นักเขียนที่เขียนเกี่ยวกับเทคนิคทางอิเล็กทรอนิกส์เขาจะเปิดตู้ไขออกมาดู ข้างในแล้วบอกว่าวงจรมันเป็นอย่างไร นักเขียนที่เขียนเรื่องเพื่อชีวิตเขาอาจจะว่าตู้เย็นเนี่ยทำให้ประเทศชาติล่มจม แบ่งระดับคนจนคนรวย นักอนุรักษ์อาจจะพูดถึงเรื่องสารที่รั่วมาจากคอมเพรสเซอร์ในตู้เย็นทำลายชั้นบรรยากาศโลก แต่ผมเองอาจจะจับตู้เย็นเอียงลงแล้วแอบไปดูข้างหลัง มองในมุมที่ว่าตู้เย็นมันเอียงแล้วมันเป็นอย่างไร...

ผู้เขียนเลยอยากทดลองคิดให้แตกต่างดูบ้าง กับ การนำเสนอบทความนี้ ด้วยวิธีข้างต้นซึ่งแบ่งให้เลือกอ่านบทความตามระดับผู้ที่รู้จักประภาสต่างๆ (คล้ายการทำแบบสอบถามไหมครับ?) เพื่อความสั้นและรวดเร็วในการอ่านท่ามกลางทะเลตัวอักษรทุกวันนี้ ส่วนอีกประการหนึ่งคือการตั้งชื่อบทความนี้ ผู้เขียนอยากให้ได้ใจความรวมทั้งหมดและเน้นให้เกิดการสะดุดตาบ้างจะได้เกิดการเอาไปคิดต่อกันเอาเอง ถึงที่มาของคำว่า....(ไอ้หนุ่ม)หลังตู้เย็น (พลอยให้นึกถึงว่าถ้าเป็น ไอ้หนุ่มหน้าตู้เย็น จะมีหุ่นและรูปร่างเป็นยังไงนะ...)

ใครที่ยังไม่เคยลองเอียงตู้เย็นแล้วแอบไปมองดูข้างหลัง เพื่อหามุมมองที่สามารถ คิด-เป็น-เห็น-ต่าง แล้วค่อยๆปล่อยให้จินตนาการได้ทำงานกันบ้าง.(ละก็)...ลุยกันได้เลย...


จาก http://www.oknation.net/blog/print.php?id=118527

ไม่มีความคิดเห็น: