เคยเป็นเรื่องโต้เถียงกันมานาน กะลาครอบมานานโบราณว่า คิดว่าตนนั้นใหญ่ใครไม่ทัน อันคนไทยนั้นสุภาพไม่หยาบหยาม ถึงล่วงเกินพลาดพลั้งยังอภัย เขียนบทความด่าตะบึงถึงหัวหู สั่งถอนทูตเอิกเกริกเลิกเป็นมิ ไทยก็ยอมตามใจไม่ดึงดื้อ คิดตกลงปลงกันได้ด้วยไมตรี หากไทยจำล้ำเลิกบ้างอ้างขอบเขต ใครเล่าตั้งวงศ์กษัตริย์ปัจจุบั เป็นเพียงเจ้าไม่มีศาลซมซานวิ่ ทัพไทยช่วยปราบศัตรูกู้พารา ได้เดชไทยไปคุ้มกะลาหัว เป็นข้าขัณฑสีมาฝ่าละออง ไม่เหลียวดูโภไคไอศวรรย์ ฝีมือไทยแน่นักประจักษ์ตา มีพระคุณจุนเจือเหลือประมาณ สมกับคำโบราณท่านว่าไว้ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช หนังสือพิมพ์สยามรัฐสัปดาห์วิ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๐๒ |
วันศุกร์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
กลอนด่าเขมร-ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช เมื่อปี ๒๕๐๒
ไม่ใช่เพราะมันไปจากเราหรอก..
แต่เพราะมันคงอยู่กับเราต่
ถ้าวันนี้คนสองคนต่างหมดรักกั
คงไม่มีใครต้องเสียใจมากนัก
แต่กลับเป็นเพราะรักที่ยังอยู่
ที่ทำให้เราปล่อยวางไม่ได้
ธรรมชาติของความรัก มักไม่ให้โทษแก่ใคร
เพียงแต่อาจปรุงแต่งให้หั
ความจริงที่ว่า..มีวันที่รั
ความรักเป็นสิ่งสวยงาม
หลายคนจึงหลงใหลได้ปลื้มกับมั
ในยามที่ยังมีมันอยู่
เรามักหลอกตัวเองว่า...เพราะรั
เขาคงเห็นความดี ความตั้งใจของเรา
และรักตอบบ้างไม่มากก็น้อย
และเมื่อเขาตอบรักเรา ความฟูของหัวใจ
มักทำให้เราก้าวล่วงไปถึง การรู้สึกยึดมั่น ว่า
"เขาเป็นส่วนหนึ่งของเรา เป็นเหมือนทรัพย์สินส่วนตั
อย่างหนึ่งที่จะต้องอยู่กั
นานเท่าที่เราปรารถนา"
ความรู้สึกอันนี้แหละ คือ จุดเริ่มต้นความเจ็บปวดทั้งหมด
เพราะมันฝืนกฎธรรมชาติ
ไม่ได้บอกว่า..รักต้องลงเอยด้
เพียงแต่เขาจะอยู่ เขาจะไป..
จะรักเรามากขึ้น คงเดิม หรือลดน้อยถอยลง
ก็เป็นเพราะคนสองคน
ไม่ใช่ความต้องการของเราฝ่ายเดี
ชีวิตเป็นเรื่องซับซ้อนเข้
แต่ในความซับซ้อนมันก็เรียบง่
เพราะไม่ว่าสิ่งไหน เรื่องอะไรสารพัดสารพัน
ทุกอย่างล้วนแต่อยู่ในกฎเดียวกั
มันจะเกิดขึ้น..ตั้งอยู่..
รักที่สมหวังอยู่กันจนแก่เฒ่า
ก็หนีไม่พ้นกฎข้อนี้
เพราะวันหนึ่ง ไม่เราก็เขาต้องตายจากกัน
สิ่งสำคัญจึงไม่ได้อยู่ที่ว่า..
วันนี้เขาอยู่หรือจากไป
สำคัญอยู่ที่ว่า...
ช่วงที่เรามีเวลาอยู่ด้วยกัน...
ขอให้มีความทรงจำที่ดี..ก็เพี
อย่างน้อย เราก็มีอะไรดีดีให้นึกถึง
และยิ้มให้กับความทรงจำนั้นได้
ถึงตอนนี้จะยังร้องไห้คงไม่เป็
เพราะชีวิตก็เป็นแบบนี้
มีวันที่เลวร้าย...มีวันที่
สุขอยู่กับเราไม่นาน ทุกข์ก็เฉกเช่นเดียวกัน
หากจะมีวันที่เธอต้องร้องไห้
แล้วก็อย่าร้องเปล่าๆๆ
มองให้เข้าใจสัจธรรมของชีวิ
วันอาทิตย์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
Whatever Will Be, Will Be
Whatever Will Be, Will Be
Performed by Doris Day
When I was just a little girl เมื่อฉันยังเป็นเด็กน้อย
I asked my mother what will I be ฉันถามแม่ว่าอนาคตฉันจะเป็นอะไร
Will I be pretty, will I be rich "หนูจะสวยไหม หนูจะรวยไหม"
Here's what she said to me แม่ก็บอกฉันว่า
*Que sera, sera สิ่งใดจะเกิดมันก็ต้องเกิด
Whatever will be, will be อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด
The future's not ours to see เราไม่อาจหยั่งรู้อนาคตได้
Que sera, sera สิ่งใดจะเกิดมันก็ต้องเกิด
What will be, will be อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด
When I grew up and fell in love เมื่อฉันโตขึ้นและมีความรัก
I asked my sweetheart what lies ahead ฉันถามที่รักของฉันว่าอนาคตของเราจะเป็นอย่างไร
Will we have rainbows day after day "เราจะมีความสุขด้วยกันตลอดไปไหม"
Here's what my sweetheart said สิ่งที่คนรักของฉันบอกก็คือ
*Que sera, sera สิ่งใดจะเกิดมันก็ต้องเกิด
Whatever will be, will be อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด
The future's not ours to see เราไม่อาจหยั่งรู้อนาคตได้
Que sera, sera สิ่งใดจะเกิดมันก็ต้องเกิด
What will be, will be อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด
Now I have children of my own ตอนนี้ฉันมีลูกเป็นของตัวเองแล้ว
They asked their mother what will I be พวกเขาถามแม่ของเขาว่าโตขึ้นเขาจะเป็นอะไร
Will I be handsome, will I be rich "ผมจะหล่อไหม ผมจะรวยไหม"
I tell them tenderly ฉันก็ตอบพวกเขาอย่างอ่อนโยนว่า
*Que sera, sera สิ่งใดจะเกิดมันก็ต้องเกิด
Whatever will be, will be อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด
The future's not ours to see เราไม่อาจหยั่งรู้อนาคตได้
Que sera, sera สิ่งใดจะเกิดมันก็ต้องเกิด
What will be, will be อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด
สุดท้ายแล้วอะไรมันจะเกิดมันก็เกิด อะไรมันจะดับ มันก็ดับ แค่นั้นเอง
วันศุกร์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
จะอ่านกันได้ไหม
ณุอาน่ได้มยั้
ถ้าคณุอาน่บทคาวมนี้ได้
คณุมีความคดิที่แขง็แรงพอสวคมรเลยนะ
คณุอาน่ได้หรอืเลป่าล่ะ
มีแค่ 55 คนจาก 100 เท่านนั้แล่หะที่อาน่ได้
ฉนัไม่อายกจะเชอื่เลยว่า
ฉนัเข้าใจสงิ่ที่ฉนักำลงัอาน่อู่ยนี้
มนัเปน็ปฎกราากรณ์ของคาวมคดิของม์ษุยน
ผลการศกึาษวจิยัจาก มวหายิทัาลย แบมคิร์จด ก่าลวว่า
มนัไม่สคำญเลยว่าตวัอรัษกเยีรงถตอ้กูงหรอืไม่ในคำคำหนงึ่
มนัสคำญแค่ว่า ตวัอษักรแรกและตวัอษกัรตวัสดุทาย้ของคำ
นนั้อู่ยในตนำแห่งที่ถกูตอ้ง ที่เลืหอนนั้มนัจะมวั่ซวั่อ่ายงไร
คณุก็อาน่มนัได้อู่ยดี ไม่มีปหญัา
ที่เปน็อาย่งนี้เราพะคาวมคดิของมษุน์ยนนั้
ไม่ได้อาน่ตวัอษกัรทกุตวัซกัหอน่ย
แต่อาน่เปน็คำเตม็ ๆ คำ
สดุยอดเลยใช่มยั้ล่ะ...ใช่เลย
แต่ยงัไงฉนัก็คดิว่าการสกะดมนัสคำญันะ
ถ้าคณุอาน่บควาบมนี้ได้ ชว่ยสง่ตอ่หอน่ยนะ
ฉะนั้น ความสับสันวุ่นวายไม่ได้เป็นเหตุทำให้เราไปต่อไม่ได้ และเราไม่ควรจะวิตกจริตกับสิ่งต่างๆที่ประดังประดาถ่าโถมเข้ามาในชีวิตจน เกินเหตุ
จงเผชิญกับมันเถิด แล้วคุณจะรู้ว่า
คุณสามารถอ่านปัญหาที่ดูงงงวยได้ไม่ยาก และสามารถเผชิญหน้ามันต่อไปได้ และไปจนถึงความสำเร็จ
ใช่.....คุณยังไหว.....และคุณอ่านมันได้
วันพฤหัสบดีที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
หลวงพ่อปัญญา อ่านแล้วชอบ
โลกกลมๆ ใบนี้ไม่มีอะไรได้มาฟรี ๆ
ของฟรีไม่เคยมี ของดีไม่เคยถูก
อยู่ให้ไว้ใจ ไปให้คิดถึง
คนเราต้องเดินหน้า เวลายังเดินหน้าเลย
ไม่ต้องสนใจว่าแมวจะสีขาวหรือดำ ขอให้จับหนูได้ก็พอ
ยิ่งมีใจศรัทธา ยิ่งต้องมีสายตาที่เยือกเย็น
ในโลกกลม ๆ ใบนี้ ไม่มีคำว่า }แน่นอน~
คนเราเมื่อ ตัวตายก็ต้องลงดิน
ท้อแท้ได้ แต่อย่าท้อถอย อิจฉาได้ แต่อย่าริษยา พักได้ แต่อย่าหยุด
เหตุผลของคน ๆ หนึ่ง อาจไม่ใช่ของคน อีกคนหนึ่ง
ถ้าไม่ลองก้าว จะไม่มีวันรู้ได้เลยว่า ข้างหน้าเป็นอย่างไร
หนทางอันยาวไกลนับหมื่นลี้ ต้องเริ่มต้นด้วยก้าวแรกก่
ปัญหาทุกอย่าง อยู่ที่ตัวเราทั้งสิ้น
จะเห็นค่าของความอบอุ่น เมื่อผ่านความเหน็บหนาวมาแล้ว
อันตรายที่สุดคือ การคาดหวัง
เริ่มต้นดีแล้ว ลงท้ายก็ต้องดีด้วย
อย่ายอมแพ้ ถ้ายังไม่ได้พยายามอย่างเต็มที่
จงใช้สติ อย่าใช้อารมณ์
เบื้องหลังความเข้มแข็ง สมควรมีความอ่อนโยน
ไม่มีคำว่า บังเอิญ ในเรื่องของความรัก มีแต่คำว่า ตั้งใจ
ยินดีกับสิ่งที่ได้มา และยอมรับกับสิ่งที่เสียไป
หลังพายุผ่านไป ฟ้าย่อมสดใสเสมอ
หลังผ่านปัญหา จะรู้ว่าปัญหานั้นเล็กนิดเดียว
ไม่เป็นขุนนางนะ ได้ แต่ไม่เป็นคนไม่ได้
มีแต่วันนี้ที่มีค่า ไม่มีวันหน้า วันหลัง
เมื่อวานก็สายเกินแล้วพรุ่งนี้ ก็สายเกินไป
อย่าหวังว่าจะได้รับความรัก จากคนที่คุณรัก
เพราะคนที่คุณรัก ไม่ได้รักคุณ หมดทุกคน
เพื่อนทั่วไป ไม่เห็นคุณร้องไห้
เพื่อนแท้ มีหัวไหล่ไว้คอยซับน้ำตาให้
เพื่อนทั่วไป ถือขวดไวน์ติดมือมางานปาร์ตี้
เพื่อนแท้ จะมาแต่หัววันเพื่อช่วยเตรี
เพื่อนทั่วไป คาดหวังให้คุณเคียงข้างเขาเสมอ
เพื่อนแท้ คาดหวังที่จะอยู่เคียงข้างคุ
วันอาทิตย์ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
OST.เทวดาสาธุ
เวลามีความสุข ไม่รู้เธออยู่ไหน
โดนใครรังแก หรือเอาเปรียบเมื่อไร
รีบมาทันใด ให้ฉันช่วยทุกที
* จากวันนี้ ให้เธอคิดใหม่
ลองใช้เวลา กับสิ่งที่ดี
เก็บความเพียร ของเธอที่มี
จะทำให้เธอได้เรียนรู้ว่า...
** เธอคือ เทวดา เทวดา เทวดา คือเธอ
เธอคือ เทวดา เทวดา คอยรักษาตัวเอง
ไม่ต้องรอให้ใครเอื้อมมือ
ไม่ต้องรอให้ใครนับถือ
ศรัทธาและความดีงามอยู่ในตัวเธอ
ซ้ำ (* , ** , **)
วันเสาร์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
จงศรัทธาในรัก
เพราะเรามีชะตา ถึงได้มาพบกัน ฉันเชื่อมั่นอยู่เสมอ เมื่อใจมีสัจจา คำว่าฉันรักเธอ
ใจจะอยู่กับเธอเรื่อยไป เหมือนเช่นทานตะวัน ที่หันหน้าสู่อาทิตย์ แทนนิยามความรักอันยิ่งใหญ่
เพราะเธอคือตะวัน ส่องประกายหัวใจ ผู้เดียวที่ใจปรารถนา จะมอบความรักทั้งหมดของหัวใจ
จะมอบลมหายใจทั้งหมดนี้ให้เธอ จะยืนยันเสมอ ขอดูแลใจเธอ ตราบชีวิตฉันยังคงมี
จะศรัทธาในความรัก อย่างไม่ยอมอ่อนล้า จะศรัทธาในความรัก เชื่อในลิขิตฟ้า
แม้จะมีเมฆฝน แม้จะมีลมร้าย เรื่องมากมายให้หวั่นไหว ฟ้าคงทดสอบเรา พิสูจน์รักยิ่งใหญ่
ฉันจะสู้ต่อไปเพื่อรัก เหมือนเช่นทานตะวัน ที่หันหน้าสู่อาทิตย์ แทนนิยามความรักอันยิ่งใหญ่
เพราะเธอคือตะวัน ส่องประกายหัวใจ ผู้เดียวที่ใจปรารถนา
จะมอบความรักทั้งหมดของหัวใจ จะมอบลมหายใจทั้งหมดนี้ให้เธอ จะยืนยันเสมอ
ขอดูแลใจเธอ ตราบชีวิตฉันยังคงมี
ฉันจะศรัทธาในความรัก อย่างไม่ยอมอ่อนล้า แค่เพียงโอกาสมีต่อกัน เราจะอยู่ด้วยกัน เราจะมีความรู้สึกดีๆ แก่กัน ไม่ว่าวันนี้ วันต่อไป หรือตลอดไป
ความรักในมุมมองของ ศ.ระวี ภาวิไล
ผมไม่รู้ว่าคนอื่นเขาคิดถึงในเรื่องความรักอย่างไร แต่ ผมคิดถึงว่าความรักระหว่างคนสองคนมันควรจะนำไปสู่ความสำนึกว่ามนุษย์ทุกคน ควรจะรักกัน ส่วนที่เป็นเรื่องความรักที่ทำให้มาสมสู่กันนั้น มันเป็นเพียงการเริ่มต้น เราจะพบว่าคู่ผัวตัวเมียที่มีความรักกันจริงๆ เมื่อความปรารถนาทางเพศมันหมดไปแล้ว ความรู้สึกเยื่อใยที่แข็งแรงกว่า ที่มันจะอยู่แล้วมันจะแผ่ไปถึงความรักต่อลูกหลานด้วย มันไม่ใช่เฉพาะระหว่างคนสองคนแล้ว มันเป็นความสนใจใยดี ความเผื่อแผ่ครอบคลุมทั้งลูกหลาน ครอบครัวทั้งหมด แล้วมันก็น่าจะแผ่ขยายต่อไป อันนั้นมันนำไปสู่ความรักซึ่งจะเป็นความสนใจใยดีระหว่างมนุษย์ด้วยกันทั้ง หมด แล้วในที่สุดมันก็เป็นเรื่องที่ว่าไปสู่สัตว์โลกทั้งปวง มันขยายตัวไป เป็นขั้นๆ ไป ขั้นสุดท้ายก็คือมันไปสู่ความเมตตา กรุณา ที่มนุษย์ควรมีต่อกันตามคำสอนของพระพุทธเจ้า
ระวี ภาวิไล
---------------------------------------------------------------------------------------------
ของผมนะผมมองว่าความรักถ้าตัดเรื่องเพศออกไป ความรักมันก็คือความเมตตา กรุณา มุฑิตา อุเบกขา มันเป็นความงดงามอย่างหนึ่งที่ทำให้โลกนี้ยังคงน่าอยู่ แล้วถ้าคนสองคนรักกันก็ไม่เห็นต้องแต่งงานกัน หรือถ้าแต่งงานกันไม่ต้องจัดพิธีให้มันใหญ่โตได้ไหม แต่งงานแล้วจำเป็นไหมที่ต้องมีลูกเพื่อเป็นพยานแห่งความรัก ก่อปัญหาอะไรต่อไปอีกเยอะแยะ รักกันอย่างเดียวได้ไหม เพราะคิดอย่างนี้กระมัง จึงเป็นบ่อเกิดทำให้ต้องอยู่คนเดียวต่อไปครับ