จดหมายเก่าจากดาวดวงอื่น
ผมเคยมีหน้า ' คุยกับประภาส ' เมื่อครั้งทำ ' ไป
ยาลใหญ่ ' วันนี้พอมติชนมาติดต่อให้เขียนลง ก็เลย
ขอยกหน้านั้นมาไว้ที่นี่เสีย หวังว่ายังคงมีคนเขียนมา
คุย เพราะผมชอบคุยกับคนทางตัวหนังสือ
มีจดหมายเก่าอยู่ฉบับหนึ่ง น่าสนใจดี
ที่ว่าน่าสนใจดี เพราะเขาลงท้ายจดหมายว่า
' มนุษย์ดาวคอรอยองนุส '
แม้ว่าตรายางที่ประทับไว้แถบๆ แสตมป์จะเขียน
ไว้ว่า ' ลาดพร้าว ' ก็ตาม ผมก็เชื่อไปก่อนว่าเป็น
จดหมายจากมนุษย์ต่างดาวจริงๆ ก็แล้วกัน
มีคำถามในจดหมายฉบับนี้ถามผมว่า
" ดาวเสาร์ ดาวพุธ ดาวอังคาร เกิดขึ้นมา
ทำไม ไร้ประโยชน์เหลือเกิน ไม่มีสิ่งมีชีวิตเลย "
ผมเคยเขียนเรื่องนี้มาแล้ว จะเขียนอีกครั้งหนึ่ง
พอคุณใช้คำว่า " ประโยชน์ " ผมว่ามันก็ผิดแล้ว เพราะ
ถ้ามีประโยชน์ นั่นต้องพูดต่อว่า " เพื่อใคร "
หญ้ารกๆ หลังบ้านอาจจะไร้ประโยชน์เหลือเกิน
แต่สำหรับมดแล้ว หญ้ารกๆ กอนั้นสามารถผลิตออก-
ซิเจนไว้ให้มดเป็นพันๆ ตัวไว้ใช้ดมได้
มนุษย์โลกมักจะเอาตัวเองเป็นศูนย์กฃลางของ
จักรวาล คิดเรื่องต่างๆ โดยเอาตัวเองป็นที่ตั้งให้ใคร
ต่อใครโคจรรอบตัวเรา
ผมว่าปัญหาทั้งหลายแหล่บนโลกก็เกิดจากตรงนี้
ถ้าเราคิดกันเสียหน่อยว่า ดวงจันทร์น่ะหมุนรอบ
โลก โลกก็โคจรรอบดวงอาทิตย์ สุริยจักรวาลของเรา
ก็หมุนอยู่ ดาวทุกดวงในเอกภพ ไม่มีหรอกดวงไหนที่
นิ่งอยู่ให้ดางดาวอื่นหมุนรอบอยู่ฝ่ายเดียว
จักรวาลไม่ยอมให้ใครเห็นแก่ตัวเลย คุณว่า
ไหม
อีกประเด็นหนึ่ง ในคำถามของคุณในเรื่อง " สิ่ง
มีชีวิต "
ในบรรดาความแตกต่างทั้งมวล ความแตกต่าง
อันดับหนึ่งของโลกเห็นจะเป็นความแตกต่างของสิ่ง
มีชีวิตกับสิ่งไม่มีชีวิต ในทางวิทยาศาสตร์แบ่งสิ่ง
ต่างๆ ในโลกนี้ออกเป็นว่ามีสิ่งมีชีวิตและไม่มีชีวิตอย่าง
ง่ายที่สุดโดยดูที่การหายใจ
วัว แรด ตะใคร่น้ำ ปลาหมึก วิชิต สมชาย จิ๋ม
แบคทีเรีย หรือเจ้าฟ้าชายโทมัส เหล่านี้ล้วนหายใจ
จัดอยู่ในกลุ่มเดียวกันคือมีชีวิต
หิน มะม่วงดอง น้ำส้ม ขวด เพชร ฝุ่น ศพของ
ตั๋งโต๊ะ ปลาร้า หรือพริกป่น เหล่านี้ไม่มีลมหายใจ
เข้า ไม่มีลมหายใจออก ในทางวิทยาศาสตร์เรียกว่า
ไม่มีชีวิต
ความรู้อันนี้เป็นความรู้ที่ทุกคนรู้ อาจรู้จากที่เคย
เรียนในหนังสือของกระทรวงศึกษาธิการเล่มใดเล่ม
หนึ่ง ถึงจะไม่ได้เรียนหนังสืออย่าง ผู้เฒ่าอ่วมหรือป้า
แจ่ม ถ้าให้ชี้ระหว่างขวดกับเจ้าชายโทมัสว่าอะไรมี
ชีวิต ผู้เฒ่าอ่วมกับป้าแจ่มก็ต้องชี้ท่านโทมัสแน่ๆ
ถ้าใครเคยอ่านข่าวเกี่ยวกับการค้นหาสิ่งมีชีวิตที่
ดาวดวงอื่นๆ ก็จะพบว่า เขาใช้ " น้ำ " นี่แหละเป็นตัว
บอกว่าดาวดวงไหนมีแนวโน้มที่จะมีสิ่งมีชีวิต
" น้ำ " น่าจะเป็นสัญลักษณ์ของสิ่งมีชีวิตเลย
ทีเดียว
แต่นอกจากแยกความแตกต่างทางเหตุผล (วิท-
ยาศาสตร์) แล้ว มนุษย์ยังแยกความแตกต่างของสิ่ง
มีชีวิตกับสิ่งไม่มีชีวิตทางอารมณ์อีก
ขอยกตัวอย่าง "น้ำ" อีกครั้ง
ผมเคยรู้สึกบ่อยๆ ว่าน้ำนั้นมีชีวิตถ้ามันอยู่
ในสภาพหนึ่ง อย่างน้ำทะเล น้ำในแม่น้ำ น้ำจาก
ที่ฉีดรดน้ำต้นไม้กระจายมาโดนแดด ผมว่ามันมี
ชีวิต
ในขณะเดียวกัน น้ำในแก้ว ผมดูว่าไม่มีชีวิต
มนุษย์เริ่มเติมสีสันลงในการมอง การแยกแยะ
ความแตกต่าง ซึ่งเป็นการมองอยู่นอกเหนือเหตุผล
และแต่ละคนก็มองไม่เหมือนกัน
บางคนอาจมองว่า ลมมีชีวิต เมฆมีชีวิต แม้แต่
ไดอารี่บางเล่ม หรือกลอนบางบท มันมีชีวิต คุณเอง
ก็อาจจะเคยรู้สึกว่า หนังสือบางเล่ม รูปภาพบางรูป
เพลงบางเพลง ดูมันมีชีวิต มีเลือดเนื้อ มีความอบอุ่น
สมศรีอาจบอกคุณว่า สมศักดิ์เพื่อนชายของเธอ
ไม่มีชีวิตเอาเสียเลย แข็งทื่อ ไม่แยแสอะไร ขนาด
ปลดกระดุมเสื้อเม็ดบนก็แล้ว ยังไม่เห็นชมเลย นั่น
แสดงว่านายสมศักดิ์ที่หายใจเอาออกซิเจนไปสัน-
ดาปตามกระบวนการวิทยาศสตร์ กลายเป็นสิ่งไม่มี
ชีวิตในสายตาของสมศรี
ความแตกต่างเหล่านี้มันเป็นความแตกต่างที่ไม่
เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ ไม่มีถูก ไม่มีผิด และไอ้ความ
รู้สึกถึงความมีชีวิตของบางอย่างนี่แหละ ทำให้มนุษย์
สร้างอะไรต่อมิอะไรให้มนุษย์ด้วยกันเองชื่นชม สุข
ใจ หัวเราะ ร้องไห้มาแล้ว
ผมเรียกก้อนประหลาดของอารมณ์เหล่านี้
ว่าศิลปะ
สมมุติผมยังเชื่ออยู่ว่าจดหมายของคุณเป็น
จดหมายจากสิ่งมีชีวิตดาวคอรอองนุสนะ ผมขอ
อนุญาตถามอะไรกลับหน่อย ผมสงสัยจริงๆ แต่ถ้า
จดหมายคุณป็นจดหมายมนุษย์ต่างดาวปลอม ก็ขอ
ส่งสารนี้ไปยังดาวดวงอื่นที่มีสิ่งมีชีวิตด้วยเลยก็แล้ว
กัน
"บนดาวของคุณมีสิ่งมีชีวิต ซึ่งผมไม่รู้หรอกนะ
ว่าพวกคุณตัดสินกันอย่างไรว่าอันไหนมีชีวิต อันไหน
ไม่มีชีวิต แต่ผมอยากรู้..."
"พวกคุณมีศิลปะไหม"
นี่แหละคำถามผม
ส่วนตัวแล้ว ผมคิดว่าไอ้ศิลปะนี่มันสำคัญไม่
แพ้เทคโนโลยีเลย
อย่างน้อยมันก็ทำให้ดาวของผมอยู่มาจนถึง
ทุกวันนี้
มติชน หน้า ๑๔ ฉบับวันอาทิตย์ที่ ๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๑