วันศุกร์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

นิดนึงพอ

นิดนึงพอ

.:: เนื้อเพลง ::

ฉันค้นคว้าหาคำตอบ เท่าไหร่ไม่เจอ
เพราะอะไร เหตุใดถึงไม่ลืมเธอสีกที
หรือต้องรอให้เธอบอก ฉันเป็นส่วนเกิน
ที่บังเอิญผ่านมา แล้วให้เธอกับเขาวุ่นวาย

เธอจะร้ายเพียงใด อดทนไว้เข้าใจโดยดี
เคืองไม่มี ยังภักดี โดยไม่เคยเปลี่ยนแปลง

อยากแสดงให้เธอ รู้ซึ้งถึงความจริงจังจริงใจ
ด้วยยังหวังซักวัน ฟ้ารู้ถึงคำรำพันของฉันเมื่อไหร่
สะกิดใจ บอกเธอให้ช่วยพิจารณา

ฉันไม่เคยคิดแข็งข้อ หรือบังอาจขอ
เพราะยังเจียม และเตรียมหัวใจว่าคงส่วนเกิน
คบฉันไว้เหมือนเป็นเพื่อน ช่วยเตือนเภทภัย
ทุกข์เมื่อไหร่ปลอบใจ ร้องไห้คราใดจะคอยเช็ดน้ำตา

ปรารถนาเวียนวน ตามประสาของคนเคยเคียง
จึงร้องเรียนเวียนแวะวน ทนแม้จะถูกหยาม

จะพยายามให้เธอ เว้นที่ภายในดวงใจของเธอ
ให้กับฉัน ได้ยืน รกร้างเยือกเย็นเดียวดายเจียนตายไม่หวั่น
จะทำใจ แบ่งใจให้ฉันนิดนึงพอ

จะพยายามให้เธอ เว้นที่ภายในดวงใจของเธอ
ให้กับฉัน ได้ยืน รกร้างเยือกเย็นเดียวดายเจียนตายไม่หวั่น
จะทำใจ แบ่งใจให้ฉันนิดนึงพอ

ให้ฉันนิดนึงพอ

อย่าคิดว่าเธอไม่มีใคร

อย่าคิดว่าเธอไม่มีใคร ~~ ไฮแจ๊ค + แรพเตอร์



เพราะเราเข้าใจ ผูกพันกันมามากมาย เพราะเราเข้าใจ เพื่อนกันมองตาก็รู้ใจ
อาจมีบางครั้งที่เรา ผิดพลั้งพลาดไป เราให้อภัยได้เสมอ

อย่าคิดว่าเธอไม่มีใครนะ อย่าคิดว่าเธอโดดเดี่ยวเดียวดาย
อย่างน้อยยังมีพวกเราเข้าใจ ร่วมทางก้าวไป อย่าคิดว่าเธอไม่มีใคร

You are my friend, I swear to you บอกให้รู้รักเธอตลอดไป
Don't shed a tear, Oh no don't you cry อย่าหวั่นใจ เราคือเพื่อนเธอ
อย่าคิดว่าเธอไม่มีใคร

ธรรมดาคนเรามันก็มีบ้าง บางทีก็เศร้าบางทีก็เศร้า (มันก็ต้องมีบ้าง)
ก็คิดไม่ออกก็บอกไม่ถูกไม่รู้ไปทางไหน
คงจะดีถ้ามีใครคอยอยู่เคียงข้าง (ก็นี่ไงล่ะก็นี่ไงล่ะก็ยืนอยู่ตรงนี้)
ไหนบอกมาซิ บอกมาซิจะช่วยอะไรบ้าง (ถ้าเธอเศร้าเราก็จะช่วยให้เธอคลายเศร้า)
ต่อไปนี้เราคงไม่เหงา(เพราะมีเราเคียงข้าง)

อย่าคิดว่าเธอไม่มีใครนะ อย่าคิดว่าเธอโดดเดี่ยวเดียวดาย
อย่างน้อยยังมีพวกเราเข้าใจ ร่วมทางก้าวไป อย่าคิดว่าเธอไม่มีใคร

You are my friend, I swear to you บอกให้รู้รักเธอตลอดไป
Don't shed a tear, Oh no don't you cry อย่าหวั่นใจ เราคือเพื่อนเธอ
อย่าคิดว่าเธอไม่มีใคร

You are my friend, I swear to you บอกให้รู้รักเธอตลอดไป
Don't shed a tear, Oh no don't you cry อย่าหวั่นใจ เราคือเพื่อนเธอ
อย่าคิดว่าเธอไม่มีใคร

Never shed a tear and never cry (อย่าคิดว่าเธอไม่มีใคร)
Never shed a tear and never cry (อย่าคิดว่าเธอไม่มีใคร)
Never shed a tear and never cry (อย่าคิดว่าเธอไม่มีใคร)
Oh no
Never shed a tear and never cry (อย่าคิดว่าเธอไม่มีใคร)

วันพฤหัสบดีที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

วิถีแห่ง Zen

วิถีแห่ง Zen

วิถีแห่ง Zen
  • จุดมุ่งหมายของเซน คือการทำให้เราตระหนักว่าไม่มีตัวตน
  • ใช้ชีวิตอยู่ในโลก แต่อย่าให้ฝุ่นของโลกเกาะติดได้ เหมือนดอกบัวเกิดในโคลนตม แต่ไม่ติดโคลนตมฉันนั้น
  • ชีวิตนี้แสนสั้น เราย่อมไม่อาจที่จะใช้ชีวิตที่มีเวลาอยู่นี้ ไปในการขบคิดใคร่ครวญเรื่องทางอภิปรัชญา อย่างไม่มีวันสิ้นสุด เพราะอภิปรัชญาไม่อาจนำไปสู่สัจจะอันยิ่งใหญ่ได้เลย
  • ชีวิตของเราจะสูญเปล่าไป หากเราหลีกหนีการใช้ชีวิตตามความจริง เมื่อไปอยู่ในโลกแห่งความคิดอันล้ำลึกแล้ว เราก็จะเป็นเพียงวิญญาณพเนจร หากยังวุ่นวายอยู่ด้วยความคิดว่ามีหรือไม่มี ชีวิตก็จะสูญเปล่าไปเสีย
  • ให้ดูทุกข์ และความไม่มีทุกข์ ที่มีอยู่ในใจ จึงจะเข้าถึงธรรมที่ปราศจากทุกข์ได้
  • ปาฏิหาริย์ที่แท้ อยู่ในชีวิตประจำวันธรรมดาๆ นี่เอง ให้กิจวัตรประจำวันดำเนินไปตามครรลองของมันอย่างเป็นธรรมชาติ ชีวิตคุณมีอยู่เพียงขณะเดียว อดีตก็ละไปแล้ว อนาคตก็ยังมาไม่ถึง ทำปัจจุบันให้ดีที่สุด คนเราสามารถมีชีวิตอยู่ได้ ก็แต่ในขณะปัจจุบันเท่านั้น
  • เดี๋ยวนี้ คือสิ่งที่เรา เป็น มันไม่สามารถจะเป็น เป้าหมาย หรือ ภาวะ ที่เราจะต้อง มุ่ง ไปให้ถึง เดี๋ยวนี้ คือการกระทำ หรือ ความเคลื่อนไหว ซึ่งปรากฏอยู่ในขณะนี้ ก่อนที่ ความคิด จะปิดบังมันไว้เสีย
  • ถ้าเราพบความผิดในบุคคลอื่น เราเองก็ตกอยู่ในความผิดนั้นด้วยเหมือนกัน เมื่อผู้อื่นทำผิด เราไม่จำเป็นต้องเอาใจใส่ เพราะมันจะเกิดความผิดขึ้นแก่เราเอง ในการที่จะไปรื้อหาความผิด
  • ทุกๆ ครั้งที่มีการเตือนตนเองให้ถ่อมตน อัตตาของตนก็จะขยายทั้งแง่ขอบเขตและกำลัง ความถ่อมตนที่แท้จะเกิดขึ้นเมื่อเราไม่ได้นึกถึงความถ่อมตน วิปัสสนานั้นไม่ใช่การให้ความสำคัญแก่ตนเอง หรือการปฏิเสธละทิ้งตนเอง
  • มันจะมีประโยชน์อะไร ที่จะมานั่งอภิปรายกันว่า ต้นหญ้าและต้นไม้ตรัสรู้ได้อย่างไร ปัญหามันอยู่ที่ว่า ตัวท่านเองนั่นแหละ จะสามารถบรรลุถึงการตรัสรู้ได้อย่างไร
  • ยึดมั่นคราใดเป็นทุกข์ครานั้น การปฏิบัติทุกอย่างต้องมาลงที่ความไม่ยึดมั่นถือมั่น สิ่งใดหรือเรื่องใดที่ปฏิบัติแล้ว ยิ่งทำให้เกิดยึดมั่นถือมั่นมากยิ่งขึ้น ถือว่าผิดแล้ว
  • การตรัสรู้ธรรมหรือไม่ หาได้อยู่ที่การปฏิบัติเข้มงวด หรือเคร่งครัดเป็นเวลานานไม่ แต่ขึ้นอยู่กับการปฏิบัติถูกต้องหรือไม่ต่างหาก
  • ระหว่าง รู้ กับ ทำ นั้นช่างห่างไกลกันเสียเหลือเกิน
  • ไม่มีอะไรจะต้องลุถึง เพียงแต่ลืมตาตื่นเท่านั้นสิ่งๆ นั้นก็จะปรากฏแก่เธอ
  • คนพาล ย่อมหลีกเลี่ยงปรากฏการณ์ภายนอก แต่ไม่หลีกเลี่ยงความคิดปรุงแต่ง คนฉลาดย่อมหลีกเลี่ยงความคิดปรุงแต่ง แต่ไม่หลีกเลี่ยงปรากฏการณ์ภายนอก
  • อะไรเกิดขึ้นที่จิตก็ให้รู้ไป ไม่ต้องไปแบ่งแยกให้ค่าว่า อันนี้ถูก อันนี้ผิด ถ้าหลุดพ้นจากการให้ค่าพวกนี้ได้ ก็จะเข้าใจจิต
  • สิ่งที่ตาเธอเห็นอยู่นั่นแหละคือความจริง (ปรมัตถ์) ธรรมทั้งปวงก็คือปรมัตถ์ เธอจะต้องหาอะไรอีกเล่า
  • เหตุแห่งความทุกข์ และความเศร้าหมองที่เกิดขึ้นในชีวิต ล้วนเกิดจากจิตที่เต็มไปด้วยอัตตา
  • ล่องลอยไปตามกระแส ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น จงปล่อยให้จิตใจเป็นอิสระอยู่ ด้วยความเป็นกลาง ด้วยการรับรู้สิ่งที่กระทำอยู่นั้น นี่เป็นสิ่งสูงสุด
  • การเปิดใจรับผัสสะและความคิดอย่างเต็มที่ ด้วยดวงจิตที่ตระหนักรู้ เป็นสิ่งเดียวกับธรรมชาติเดิมแท้.
  • บุญกุศลที่ทำด้วยความยึดมั่น ย่อมนำความเพลิดเพลินยินดีมาให้ แต่ก็เหมือนกับการยิงลูกศรขึ้นไปในอากาศ เมื่อหมดแรงมันก็ตกลงมาที่พื้นอีก
  • ความสงบในความเงียบหาใช่ความสงบที่แท้ จริงไม่ เมื่อท่านสามารถทำใจให้สงบได้ ท่ามกลางกิจกรรมต่างๆ นั่นจึงเป็นสภาวะสงบที่แท้จริงของธรรมชาติ เฉกเช่นเดียวกับความสุขจากความสะดวกสบาย ย่อมไม่ใช่ความสุขที่แท้จริง หากแต่เมื่อท่านสามารถมีความสุข ท่ามกลางความยากลำบาก นั่นแหละคือท่านได้เข้าถึงศักยภาพที่แท้จริงของจิตแล้ว
  • ความจริงสูงสุดเป็นสิ่งที่ไม่สามารถแสดง ได้ด้วยคำพูด "ผู้พูดไม่รู้ ผู้รู้ไม่พูด" เมื่อคำพูดและความคิดปรุงแต่งหยุดลง ธรรมชาติดังเดิมก็พลันปรากฎ
  • การฝึกฝนในทางธรรม เป็นสิ่งที่ไม่อาจฝึกได้ (ด้วยความพยายามที่เกิดจากการปรุงแต่ง) ในความคิดปรุงแต่งใดๆก็ตาม จะมีความรู้สึกที่มีตัวตนประสมอยู่ด้วยเสมอ ทำให้เกิดการแบ่งแยกระหว่างสิ่งที่เป็นภายในกับสิ่งที่เป็นภายนอก และทำให้เกิดความยึดมั่นผูกพันกับวัตถุภายนอก บุคคลควรปล่อยจิตใจให้เป็นอิสระ เฝ้าดูและขจัดกระแสแห่งความคิดปรุงแต่ง และจะต้องเข้าถึงธรรมชาติของความเป็นเอง การปฎิบัติธรรมที่แท้จริงจึงเกิดขึ้นได้
  • ผลบั้นปลายสุดท้าย ไม่มีอะไรที่ใหม่ ประสบการณ์ของความตื่น ความรู้สึกตัวถึงเอกภาพอันแบ่งแยกมิได้ของสรรพสิ่งทั้งมวล การเห็นแจ้งธรรมชาติแห่งความเป็นพุทธะภายในของตน เหล่านี้ไม่ได้หมายความว่า ได้อะไรมาใหม่ เพียงแต่เป็นการรู้แจ้งบางสิ่งบางอย่างที่มีอยู่ในตัวเองตลอดเวลาเท่านั้น ปัญหามีเพียงว่าที่เราไม่ได้รู้สึกตัวถึงสิ่งนี้เป็นเพราะอวิชชาของเราเอง ในภาวะของความตื่น เมื่อตัวตนที่ปรุงแต่งถูกขจัดออกไป ธรรมชาติในส่วนลึกลับอันแอบเร้นลับปรากฎตัวขึ้นแทนที่และผู้กระทำจะกระทำ สิ่งต่างๆอย่างปราศจากตัวตนและอย่างเป็นกันเอง
  • "ฉันไปด้วยมือที่ว่างเปล่า และดูนั่น มีจอบอยู่ในมือของฉัน ฉันเดินไป แต่กระนั้นฉันก็กำลังขี่ไปบนหลังของวัวตัวหนึ่ง เมื่อฉันข้ามสะพาน โอ น้ำไม่ได้ไหล สะพานต่างหากที่ไหล "
  • หนทางอันยิ่งใหญ่นั้นไม่ใช่สิ่งที่ยากลำบากอะไร สำหรับบุคคลผู้ไม่มีความรู้สึกเปรียบเทียบ
  • เมื่อรักและชังไม่มีอยู่ ทุกสิ่งทุกอย่างก็แจ่มแจ้งและเปิดเผยตัวเองออก
  • ถ้าเธอปราถนาจะเห็นความจริง จงอย่ายึดถือความเห็นที่คล้อยตามหรือขัดแย้ง
  • เมื่อเธอพยายามหยุดการกระทำ เพื่อจะได้ถึงความหยุดนิ่ง ความพยายามของเธอนั่นแหละ ที่ทำให้เธอเต็มไปด้วยการกระทำ
  • การปฎิเสธความจริงของสรรพสิ่ง เป็นการพลาดไปจากความจริงนั้น การยืนยันถึงความว่างของสรรพสิ่ง ก็เป็นการพลาดไปจากความจริงนั้น
  • ยิ่งเธอพูดคิดมากเท่าใด เธอยิ่งห่างไกลจากความจริงมากเท่านั้น จงหยุดการพูดและการคิด และจะไม่มีสิ่งใดที่เธอจะไม่รู้
  • การกลับคืนสู่รากเหง้าคือการค้นพบความหมาย แต่การเดินตามสิ่งปรากฎภายนอก เป็นการพลาดไปจากต้นตอ
  • ในช่วงขณะแห่งความแจ้งภายใน มีการข้ามพ้นสิ่งภายนอกและความว่าง
  • อย่าได้ค้นหาสัจธรรม ให้เพียงแต่หยุดถือความเห็นต่างๆเท่านั้น เมื่อปราศจากความคิดแบ่งแยก จิตก็ไม่มี
  • เมื่อความคิดหายไป ตัวที่ทำหน้าที่คิดก็หายไป เช่นเดียวกับเมื่อจิตหายไป วัตถุก็หายไปด้วย สิ่งทั้งหลายมีอยู่เพราะว่ามีตัวรับรู้ จิตมีอยู่ก็เพราะว่าสิ่งทั้งหลายมีอยู่
  • ถ้าดวงตาไม่เคยหลับใหล ความฝันทั้งหมดก็หยุดลงโดยธรรมชาติ
  • ถ้าจิตไม่สร้างความแบ่งแยก สรรพสิ่งทั้งหลายก็เป็นเช่นที่มันเป็น อันมีสาระดั้งเดิมแต่เพียงอย่างเดียว
  • ชั่วขณะแห่งความเห็นแจ้ง เราเป็นอิสระจากเครื่องจองจำ ไม่มีสิ่งใดมายึดเกาะเรา และเราก็ไม่ยึดเกาะต่อสิ่งใด ทุกสิ่งว่าง ชัดเจน และแจ่มแจ้งในตัวของมันเอง โดยที่จิตไม่ต้องใช้พลกำลังแต่อย่างใด ณ ที่นี้ ความคิด ความรู้สึก ความรู้และจินตนาการ ไร้คุณค่าโดยสิ้นเชิง
  • การเดินตามแบแผนและติดในกฎเกณฑ์ เป็นการผูกมัดตัวเองโดยไม่ต้องมีเชือก
  • การกระทำเพียงแค่รวมจิตเป็นหนึ่ง และบังคับมันให้สงบลง เป็นลัทธินิยมความนิ่งเฉยและเป็นเซนที่ผิด
  • การยึดถือความคิดของตนเอง และลืมโลกที่ปรากฎอยู่ตามสภาพของมัน เป็นการตกลงไปสู่หลุมที่ลึก
  • ความรู้สึกยึดมั่นที่ว่าตนจะต้องรู้ทุกอย่าง และไม่ยอมให้สิ่งใดมาหลอกลวง เป็นการตกลงไปสู่หลุมที่ลึก
  • ความรู้สึกยึดมั่นที่ว่าตนต้องรู้ทุกอย่าง และไม่ยอมให้สิ่งใดมาหลอกลวง เป็นการใส่โซ่ตรวนให้กับตัวเอง
  • การคิดถึงความดีและความชั่ว เป็นการติดอยู่ในสวรรค์หรือนรก
  • เธอจะต้องมานะพยายามอย่างถึงที่สุด ในอันที่จะบรรลุถึงการตรัสรู้ของเธอในชีวิตนี้ และจะต้องไม่ผลัดมันออกไปวันแล้ววันเล่า ด้วยการก้าวข้ามพ้นโลกทั้งสาม
  • "อย่ายึดเอาข้อสรุปใดเป็นคำตอบ"
  • "เราต้องไม่เข้าจัดการกับปัญหาต่างๆ ด้วยอารมณ์"
  • "หากไม่ดูจิตก็จะไม่เห็นจิต จะไม่รู้จักตัวเอง"
  • "ในเซนไม่มีหญิงไม่มีชาย มีแต่ธรรมชาติล้วนๆ"
  • "ต้องเท่าเทียมกันในใจของเรา ไม่มีใครมาทำให้ใจของเรากระเพื่อมได้"
  • "เพราะไม่รู้ตัวอยู่เสมอๆ พอความคิดเกิดขึ้นก็ตั้งตัวไม่ติด พลัดตกลงไปในกระแสแห่งความคิด"
  • "คนที่รอบรู้ที่สุด จะบอกว่าเขาไม่รู้อะไรเลย" ความรู้ที่แท้คือเมื่อรู้ก็รู้ว่ารู้ เมื่อไม่รู้ก็รู้ว่าไม่รู้ นี่แหละคือความรู้ที่แท้ละ
  • ปล่อยให้สภาพที่เป็นแล้ว มีแล้ว ได้ทำงานตามชาติของมันเอง
  • ทุกก้าวย่างของความรู้ตัวล้วนๆ โดยไม่เพ่งเล็งจำเพาะคือการภาวนา
  • วิปัสสนา แปลว่าความเห็นแจ้ง เป็นการแลเห็นความจริงอย่างที่มันเป็น ตามธรรมชาติที่แท้จริงของกายและใจ

วันจันทร์ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

หนังสือต้องห้ามนำเข้าสู่ราชอาณาจักรสยาม

The King Never Smiles
http://www.4shared.com/file/43608357/16e0825f/TKNS-The_King_Never_Smiles___.html?s=1
http://www.turboupload.com/files/get/w6J0Th5gYl/forbidden-books.rar

ไม่รู้ว่าหลายเล่มไม่เข้าใจวัฒนธรรมขนบธรรมเนียมของไทย เลยละเลยบางสิ่งบางอย่างไปทำให้หนังสือไม่น่าเชื่อถือไปบ้าง แต่เราคงได้เกร็ดเล็กๆ น้อย ๆ จากหนังสือพวกนี้บ้างไม่มากก็น้อยครับ

How to set php in windows 2003 R2 x64

มาดูวิธีเซ็ต php บน iis ของ windows 2003 R2 x64 กันดีกว่าครับ
As it turns out, the largest obstacle to completing a successful WordPress installation on a 64 bit Windows server is the fact that PHP does not distribute a 64 bit version of the PHP Windows Binaries. As a result, installation of PHP must be done manually using a third party package provided by Fusion-X LAN.

“This is the only known-of distribution for 64-bit PHP, or the “PHPx64 Project” (Windows x64)! With these binaries you’ll finally be able to use your 64-bit server hardware with powerful 64-bit software.”

I will detail the installation and configuration of PHP 5 on x64 Edition below:

Step-by-Step Installation Instructions:

PHP

  1. Download the latest version of the 64 bit PHP binaries from the website link provided above (in my case this was php-5.2.5-x64-2007-11-12.zip), extract the contents of the folder to “C:\PHP”.
  2. The IIS user (usually IUSR_MACHINENAME) needs permission to read files within the PHP directory, such as “php.ini”. Give the account READ permissions on the newly created directory.
  3. Within the “C:\PHP” directory, look for and rename the file named “php.ini-recommended” to “php.ini”
  4. Open “php.in” and set the extension_dir value to “C:\PHP\ext”
  5. Add the PHP directory to the PATH on Windows Server
    • Go to Control Panel and open the System icon
    • Go to the Advanced tab
    • Click on the ‘Environment Variables’ button
    • Look into the ‘System Variables’ pane
    • Find the Path entry (you may need to scroll to find it)
    • Double click on the Path entry
    • Enter your PHP directory at the end, including ‘;’ before (e.g. ;C:\PHP)
    • Press OK and restart your server
  6. Make the “php.ini” file available to PHP on Windows Server by setting the PHPRC environment variable:
    • Go to Control Panel and open the System icon
    • Go to the Advanced tab
    • Click on the ‘Environment Variables’ button
    • Look into the ‘System Variables’ pane
    • Click on ‘New’ and enter ‘PHPRC’ as the variable name and the directory where php.ini is located as the variable value (e.g. C:\PHP)
    • Press OK and restart your server

IIS

  1. Set IIS to run in 64 bit mode. From MS KB article 894435:
    • Click Start, click Run, type cmd, and then click OK.
    • Type the following command to disable the 32-bit mode:
      cscript %SYSTEMDRIVE%\inetpub\adminscripts\adsutil.vbs SET W3SVC/AppPools/Enable32bitAppOnWin64 0
    • Type the following command to install the version of ASP.NET 2.0 and to install the script maps at the IIS root and under:
      %SYSTEMROOT%\Microsoft.NET\Framework64\v2.0.50727\aspnet_regiis.exe -i
    • Make sure that the status of ASP.NET version 2.0.50727 is set to Allowed in the Web service extension list in Internet Information Services Manager.
  2. Open up the IIS 6 Manager, go to Web Service Extensions, choose “Add a new Web service extension”, enter in a name such as PHP, choose the Add button and for the value browse to the ISAPI file “C:\PHP\php5isapi.dll” then check “Set extension status to Allowed” and click OK.
  3. Restart your server

MySQL & WordPress

  1. Proceed with normal installations of MySQL & WordPress

Direct Links to Software in this Tutorial

  1. PHP x64 Edition (Download Here)
  2. WordPress (Download Here)
  3. MySQL Server x64 Edition (Download Here)/mysql-5.0.67-winx64.zip

วันจันทร์ที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

ประภาส ชลศรานนท์

ประภาส ชลศรานนท์

  • Speaker: ประภาศ ชลศรานนท์
  • Time: Oct 3, 2008, 1645-1800
  • Venue: TCDC, Emporium
  • Session นี้ฟังเพลินจนต้องเอากลับมา Blog ที่บ้าน เหอๆ

    วันนี้พี่จิกขอออกตัวก่อนว่ารู้สึกไม่ค่อยสบายนะครับ อึม ขนาดไม่สบายนะเนี่ย สะกดคนฟังซะ พี่จิกมี Anecdotes มาเล่าให้พวกเราฟังเพียบเลย ผมจดมาไม่หมด เลยขอหยิบมาเล่าแค่บางส่วนให้พอได้บรรยากาศ ผมเห็นแววตาของผู้ชมหลายๆ คนแล้วบอกได้เลยว่า พี่จิกคือฮีโร่ของพวกเขาจริงๆ

    หัวข้อที่ทีมงานบอกพี่จิกไปก็คืออยากให้พี่จิกพูดเกี่ยวกับเรื่องความคิด สร้างสรรค์ พี่จิกเปิดประเด็นด้วยการตั้งข้อสังเกตว่า คนเราทุกคนคิดตลอดเวลา ความคิดของคนเราแบ่งออกได้เป็น 3 ชนิด

    1. คิดแบบเป๊ะๆ เช่น การบวกเลข (พี่จิกขอย้ำว่า “คิดแบบเป๊ะๆ” นี่เป็นคำศัพท์ทางวิชาการเชียวนะครับ อิอิ)
    2. คิดแบบกะๆ เช่น เวลาตักข้าวเราจะตักพอประมาณ แค่กะๆ เอา ไม่ต้องตวง (”คิดแบบกะๆ” ก็ด้วย)
    3. คิดแบบทางเลือก เช่น เมื่อวานฝนตก วันนี้คิดว่าจะเอาร่มไป

    พี่จิกเชื่อว่า ความคิดแบบที่สามนี่แหละที่เรียกว่าความคิดสร้างสรรค์แล้ว ความคิดสร้างสรรค์เป็นเรื่องของการมีทางเลือกมากกว่าหนึ่งทาง นอกจากนี้ ความคิดสองอย่างแรกนั้นเปรียบได้กับเชื้อเพลิง ส่วนความคิดอย่างที่สามเปรียบได้กับประกายไฟ ประกายไฟเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เกิดสิ่งใหม่ให้เชื้อเพลิงนำไปทำต่อ ข้อสังเกตอีกอย่างหนึ่งก็คือ ความคิดสร้างสรรค์ที่เป็น original จริงๆนั้นไม่มี ทุกความคิดต้องต่อยอดมาจากความคิดเดิมทั้งสิ้น จะคิดว่าโลกกลมได้ ก็เพราะมึความคิดว่าโลกแบนอยู่ก่อนแล้ว

    พี่จิกพยายามทำให้เราเข้าใจง่ายๆ ต่อไปว่าความคิดสร้างสรรค์เกิดขึ้นมาได้อย่างไรด้วยการเสนอว่า รูปแบบที่เป็นไปได้ของความคิดสร้างสรรค์นั้นมี 7 รูปแบบ เรียกว่า วิธีตีหินเจ็ดอย่าง

    1.ทำลายกรอบลวงตา พี่จิกบอกว่าที่จริงความคิดของเราไม่มีกรอบอยู่แล้ว แต่เราเองที่สร้างกรอบขึ้นมา แค่หลุดออกจากกรอบลวงให้ได้ก็จะได้ความคิดสร้างสรรค์แล้ว ตัวอย่างเช่น จุด 9 จุดนี้จะลางเส้นเชื่อมถึงกันหมดโดยไม่ยกปากกาเลยได้อย่างไร คนเราจะคิดว่าการลากเส้นจะต้องลากให้เกิดมุมเฉพาะที่จุดทั้ง 9 เท่านั้น แต่ที่จริงแล้ว ไม่ได้มีกฏอย่างนั้น เราคิดไปเองว่ามี เราสามารถลากเส้นได้ง่ายๆ ด้วยการสร้างมุมที่ไม่ได้อยู่บนจุดทั้ง 9 นั้น นี่ไง เราทำลายกรอบลวงตาได้แล้ว (อึม คมจริงๆ คิดได้ไงเนี่ย)

    2. มองย้อนศร จากสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้า พยายามมองย้อนกลับไปถึงที่มาของมันให้ได้ ก็จะได้ไอเดียใหม่ อย่างเพลงหลายๆ เพลงที่พี่จิกแต่งก็มีคอนเซปท์มาจากการมองย้อนศร

    3.หนามยอกเอาหนามบ่ง ปัญหาบางอย่างใช้เป็นตัวแก้ปัญหาได้ เช่น เอสกิโมใช้น้ำแข็งสร้างเป็น igloo เพื่อป้องกันความหนาวของน้ำแข็งอีกที หรือตอนที่ 3 เอ็มคิดกาวตราช้าง กาวที่ประดิษฐ์ขึ้นมาไม่แน่นเอาซะเลย เลยเอากาวที่ประดิษฐ์ได้ไปทำกาวแบบใหม่ที่ไม่ทำให้ฝาผนังเป็นรอยแทน เปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาส

    4. จับคู่ผสมพันธ์ เช่น ก๋วยเตี๋ยว + ต้มยำ กลายเป็น ก๋วยเตี๋ยวต้มยำ

    5.อะไรหว่า ข้อนี้จำไม่ได้แล้ว

    6.สมมตินะสมมติ เช่น สมมติเล่นๆว่า ถ้าเทวดาลงมาเกิดเป็นมนุษย์บ้างจะเป็นอย่างไร ทำให้เกิดพล็อตเรื่อง เทวดาตกสวรรค์ หนังหลายๆ เรื่อง เช่น Wall E ก็เกิดมาจากการนั่งคิดว่า “ถ้า”อย่างโน้น “ถ้า”อย่างนี้ ทั้งนั้น

    7. ขีดๆ เขียนๆ ไปก่อน เดี๋ยวได้เอง เช่น เพลงเจ้าภาพจงเจริญตอนแรกพี่จิกแต่งว่า เจ้าหนี้จงเจริญ นั่งเขียนไปเขียนมาฟังดูไม่ได้ ก็เลยแก้เป็นเจ้าภาพจงเจริญ ถ้าคิดอะไรไม่ออก ขีดๆ เขียนๆ ไปก่อน เดี๋ยวเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาก็ได้เอง

    มีเกร็ดน่ารู้อยู่อันหนึ่ง วันหนึ่งพี่จิกนั่งฟังคอบอลสองคนคุยกันว่าเขารู้ว่าฤดูกาลที่แล้วนักฟุตบอล ของลิเวอร์พูลใช้เท้าซ้ายยิงประตูไปทั้งหมดกี่ครั้ง พี่จิกได้ยินแล้วก็ปิ๊งไอเดียว่า ถ้าใครได้ยินสองคนนี้คุยกันจะรู้สึกว่า “ไอ้นี่มันจะรู้เรื่องพวกนี้ไปทำไมว่ะ” ไอเดียนี้ทำให้เกิดรายการแฟนพันธ์แท้ขึ้นมา

    ช่วงถามตอบ มีคำถามนึง ถูกใจผมมาก เขาถามว่า พี่จิกคิดอย่างไรเกี่ยวกับการรักษาวัฒนธรรมดั้งเดิมของไทย พี่จิกตอบได้ตรงใจผมมาก พี่จิกบอกว่า ปัญหาตอนนี้ของบ้านเราคือ มีคนคิดอยู่สองแบบ คือ เชย กับ เอาไว้บนหิ้ง คนที่ไม่ชอบโขนเพราะรู้สึกว่ามันเชย คนที่บอกว่าตัวเองรักษาโขน ก็บอกว่าต้องเอาโขนไว้บนหิ้งเท่านั้นห้ามดัดแปลงเด็ดขาด คิดกันอย่างนี้เลยไปไม่ได้ ตอนเริ่มทำรายการ คุณพระช่วย มีปัญหามาก เพราะคนหัวอนุรักษ์จะบอกว่า โขนจะเอามาทำรายการแบบนี้ได้ไง โขนเล่นสั้นไม่ได้ ก็ห้ามเปลี่ยนแปลงแบบนี้แหละ เด็กๆ เขาถึงได้รู้สึกว่าโขน เชย และไม่อยากดู ที่เกาหลีมีกองทุนวัฒนธรรม คือ บริษัทไหนจะเอาวัฒนธรรมเกาหลีมาสร้างหนัง สร้างละคร สามารถมาขอเงินได้เลย เขาสนับสนุนเต็มที่

    http://1001ii.wordpress.com/2008/10/03/014/