วันอาทิตย์ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2551

รักเธอไปทุกวัน

รักเธอไปทุกวัน - โปเตโต้ Potato

เหนื่อย แต่ต้องยอม ฉันพร้อมที่จะเดินต่อ
เชื่อว่าจะต้องมีคนที่รอเอาใจมาแลกหัวใจของฉันไป ไม่ทำร้ายกันอีก

เท่าที่ผ่านมาน้ำตาเสียไปให้สิ่งที่คล้ายกับความรัก
จากคนหนึ่งถึงอีกคนผลลงเอยจบก็เหมือนกัน

คือฉันต้องเจ็บเลยเก็บใจไว้รอ คนที่ดีพอทุกอย่างเข้ากับฉัน
คนที่มีหัวใจเหมือนกัน คนนั้นเป็นเธอได้ไหม
หัวใจมันบอกยอมทุกสิ่งทุกอย่างให้กับเธอ
แม้ปลายทางอาจจะได้เจอความผิดหวัง
แต่ถึงยังไงก็จะรักเธอไปอย่างนั้น

แต่ใจของเธอ รักใครบางคนอยู่ หรือว่ายังไม่มีคนที่ดูใจกัน
ตัวฉันยังไม่รู้เลย แต่ขอให้ไม่มีเถอะ

เพราะที่ผ่านมาน้ำตาเสียไปให้สิ่งที่คล้ายกับความรัก
จากคนหนึ่งถึงอีกคนผลลงเอยจบก็เหมือนกัน

คือฉันเจ็บเลยเก็บใจไว้รอ คนที่ดีพอทุกอย่างเข้ากับฉัน
คนที่มีหัวใจเหมือนกัน คนนั้นเป็นเธอได้ไหม
หัวใจมันบอกยอมทุกสิ่งทุกอย่างให้กับเธอ
แม้ปลายทางอาจจะได้เจอความผิดหวัง
แต่ถึงยังไงก็จะรักเธอไปอย่างนั้น

เพราะที่ผ่านมาน้ำตาเสียไปให้สิ่งที่คล้ายกับความรัก
จากคนหนึ่งถึงอีกคนผลลงเอยจบก็เหมือนกัน

คือฉันเจ็บเลยเก็บใจไว้รอ คนที่ดีพอทุกอย่างเข้ากับฉัน
คนที่มีหัวใจเหมือนกัน คนนั้นเป็นเธอได้ไหม
หัวใจมันบอกยอมทุกสิ่งทุกอย่างให้กับเธอ
แม้ปลายทางอาจจะได้เจอความผิดหวัง
แต่ถึงยังไงก็จะรักเธอไปทุกวัน

-----------------------------------------
เมื่อไหร่จะมาซักทีนะ คนที่จะเอาใจมาแลกกัน
คนที่มีหัวใจเหมือนกัน ที่จะไม่ทำให้ฉันเจ็บ
จะได้มีคนให้ฉันได้รักเธอไปทุกวัน

วันพฤหัสบดีที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2551

รอเธอหันมา

รอเธอหันมา (เติ่ง ไต้ เจอะ หนี่) 等待着你
http://vdoclip.exteen.com/20080312/mv-ost
รู้อะไรรึเปล่า ว่ามีใครอีกคนเฝ้ามอง มองดูเธอและรักเธอจนสุดหัวใจ
ฉันตะโกนชื่อเธอ ที่มันดังก้องไปทั้งใจ มีบางทีที่เธอได้ยินบ้างมั้ย

*อาจไม่กล้าพอพูดว่าฉันรักเธอ ได้แต่บอกรักเธอเพียงในใจ
ได้แต่รักเธอเพียงข้างเดียวเรื่อยไป แต่ยังไงฉันก็จะรอ

**รอสักวันให้เธอหันมา รอสักวันทั้งที่ไม่รู้ว่าเมื่อไร
รอแต่เธออยากให้เธอรู้ เธอได้เข้าใจเห็นใจกันบ้างมั้ย ฉันรักเธอ

รู้อะไรรึเปล่า ว่ามีใจอีกใจเฝ้าคอย คงเป็นความรักที่เลื่อนลอยไม่เห็น.. ทาง
หวังให้เธอหันมา และมันจะเปลี่ยนแปลงทุกอย่าง เธอจะเติมรักในช่องว่างให้ฉัน

* , **
--------------------------------------------------------------------
ถ้าต้องรอใครบางคน จะรอได้ถึงเมื่อไหร่นะ
อาจแค่รอให้เธอหันมาจะพอไหม คงเป็นอารมณ์ที่อ้างว้างพอสมควร
เผื่อว่าเธอจะเข้าใจ เผื่อว่าเธอจะมาเติมเต็มช่องว่างภายในใจที่มันขาดหายไป

รักและผูกพันเสมอ

มีความหมาย เพราะความมีต้องวางลงบนความว่าง
- เธอบอกว่าถ้าไม่มี "ความมี" แล้ว "ความว่าง" จะมีประโยชน์อะไร มันคงไร้ความหมายเพราะมีความมี ความว่างจึงก่อเกิดการเปรียบเทียบ
- คนอื่นบอกว่า ผู้หญิงรักผู้ชายจาก 0-100 แต่ผู้ชายรักผู้หญิงจาก 100-0 ผมแย้งว่าผู้หญิงรักผู้ชายแค่ 0-1 เหมือนไบนารี่ ทำดีมากมายขนาดไหนก็เป็นเพียงแค่ 1 หากผิดพลั้งไป จะเหลือเพียง 0
- เธอแย้งว่าผู้หญิงรักผู้ชายไม่ใช่ 0-1 และไม่ใช่ 0-100 แต่เป็นจาก 100-200
หญิงรักชายได้ 100 และจะมากขึ้นเรื่อย ๆ ตามที่เธอปรารถนา
- ผมมองคนที่ความคิด
- เธอแย้งว่าความคิดไม่ใช่นิสัย
ผมเหมือนกับแก้วใส ๆ จะเห็นคุณค่าตัวเองก็ต่อเมื่อมีเธอเป็นน้ำมาเติมเต็ม
เธอเหมือนกับน้ำใส ๆ เธอจะอยู่ได้อย่างไรหากไม่มีภาชนะมารองรับ
ผมและเธอเหมือนดั่งเส้นขนาน ที่ไม่มีวันจะมาบรรจบกัน
ผมและเธอเหมือนดั่งเส้นขนาน ถึงแม้จะไม่มีวันบรรจบกัน
แต่เราก็จะตีคู่ไปด้วยกันเสมอ เพราะเธอชอบกินไข่แดง
แต่ผมชอบกินไข่ขาว
เราจึงอยู่ด้วยกันได้ ในไข่ใบสีน้ำเงินแห่งนี้

ความรัก กับ ความผูกพันธ์
เนื้อความ ความรัก..กับ ความผูกพัน
หน้าตาคล้ายกัน .. เหมือนซ้าย-ขวา
แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่ ...
รู้สึกว่า .. คิดถึง .. แล้วมาหา คือ .... รัก
รู้สึกว่า .. เคยมาหา .. เลยมาหา คือ .. ผูกพัน
รู้สึกว่า .. หิว ... แต่อยากรอ คือ .. รัก
รู้สึกว่า .. อิ่มแล้ว .. อยากเอามาฝาก คือ .. ผูกพัน
รู้สึกว่า .. อยากให้เวลากันและกัน คือ ..... รัก
รู้สึกว่า .. อยากใช้เวล! าด้วยกัน คือ .. ผูกพัน
รู้สึกว่า .. หงุดหงิดคือทำให้อีกคนไม่สบายใจ คือ .. รัก
รู้สึกว่า .. โกรธคือทำให้อีกคนสำนึกบ้าง คือ .. ผูกพัน
รู้สึกว่า .... ไม่มีนาทีไหนไม่คิดถึง คือ .. รัก
รู้สึกว่า .. นาทีไหนที่ว่างจะคิดถึง คือ .... ผูกพัน
ขอบคุณเหลือเกิน .... ความผูกพัน .. ที่ทำให้รัก
ขอบคุณเหลือเกิน .. รักที่เป็นมากกว่า .. ความผูกพัน
-----------------------------------------------------------
... เคยไหมรักใครคนหนึ่ง ด้วยความรู้สึกว่า ....
เคยผูกพันเหมือนเคยรักกัน แล้วพลัดพราก
ต้องมาตามหากันเป็นแรมปี
ถ้าเคยรู้สึกอย่างนี้
ยามที่มองแววตาใครคนนั้น
แล้วรู้สึกอยากอยู่ข้าง ๆ
เพื่อคอยกางแขนปกป้องและดูแลไปตลอดชีวิต
ความรู้สึกนั้น .. เรียกว่า รักและผูกพัน
ความรู้สึกที่ .. มิอาจพรากจากกัน ได้อีก
แม้เพียงหนึ่งเสี้ยววินาที

วันพุธที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2551

Don't let someone become a priority in your life

Good Meaning

อย่าไปให้ความสำคัญกับใครบางคนเมื่อคุณเป็นแค่ทางเลือกของเขา.

สัมพันธภาพจะดีที่สุดเมื่อทั้งสองฝ่ายให้ความสำคัญกันอย่างสมดุล

Don’t let someone become a priority in your life,
when you’re just an option in their life…
Relationships work best when they are balanced.

ไม่ต้องสาธยายเกี่ยวกับตัวคุณให้ใครฟังหรอก
เพราะคนที่ชอบคุณ ยังไงเขาก็ชอบ และไม่ต้องการฟังมัน
แต่คนที่เกลียดคุณ ยังไงเขาก็ไม่เชื่อคุณหรอก

Never explain yourself to any one.
Because the person who likes you doesn't need it,
and the person who dislikes you won't believe it.

เมื่อคุณพูดแต่ว่าคุณยุ่ง คุณก็จะไม่ว่างเลย
เมื่อคุณพูดแต่ว่าคุณไม่มีเวลา คุณก็จะไม่มีเวลาเลย
เมื่อคุณพูดแต่ว่าคุณจะทำในวันพรุ่งนี้ วันพรุ่งนี้จะไม่มีวันมาถึงเลย

When you keep saying you are busy, then you are never free.
When you Keep saying you have no time, then you will never have time.
When you Keep saying that you will do it tomorrow, then your tomorrow will never come.

เมื่อเราตื่นขึ้นมาในยามเช้า เรามีทางเลือกง่ายๆ 2 อย่าง
กลับไปนอนและฝันหวานต่อ หรือ ลุกขึ้นมาแล้วทำความฝันให้เป็นจริง
มันก็แล้วแต่คุณจะเลือกแล้วล่ะ...

When we wake up in the morning, we have two simple choices.
Go back to sleep and dream, or wake up and chase those dreams.
Choice is yours....

เรามักทำให้คนที่ใส่ใจเราต้องร้องไห้
เรามักร้องไห้ให้กับคนที่ไม่เคยใส่ใจเรา
และเรามักใส่ใจกับคนที่ไม่มีวันร้องไห้ให้เรา
นี่คือความจริงของชีวิต เป็นเรื่องแปลกแต่จริง
ถ้าเห็นคุณเห็นด้วย มันก็ยังไม่สายเกินแก้

We make them cry who care for us.
We cry for those who never care for us.
And we care for those who will never cry for us.

This is the truth of life., its strange but true.
Once you realize this, its never too late to change.

เมื่อคุณกำลังสนุกสนาน ก็อย่ารับปากพล่อยๆ
เมื่อคุณกำลังเศร้า ก็อย่าได้ตอบกลับ
เมื่อคุณกำลังโกรธ ก็อย่าไปตัดสินใจอะไร

คิดให้ถี่ถ้วน ทำอย่างสุขุม


Don't make promise when you are in joy.
Don't reply when you are sad.
Don't take decision when you are angry.

Think twice.., Act Wise.

เวลาก็เหมือนสายน้ำ
คุณไม่มีทางสัมผัสน้ำเดียวกันได้สองครั้งหรอก
เพราะมันได้ไหลผ่านไปแล้ว
มีความสุขกับทุกช่วงชีวิตของเราดีกว่า...

Time is like a river.
You cannot touch the same water twice,
because the flow that has passed will never pass again.

Enjoy every moment of life......

ฝากดูแลตัวเองให้ดีๆ

Best regards,
-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-

คำหลายคำ ประโยคบางประโยคจากหนังสือที่ชอบ

"หัวใจของการเดินทางคือผู้คนที่เราพบระหว่างทาง มันไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยว เพราะสถานที่จะอยู่กับเราไปอีกนาน แต่กับคนบางคนที่หลายๆ ครั้ง เราพบแค่ครั้งเดียว หรืออาจจะเป็นการพูดคุยแค่ไม่กี่คำ หรือท่าทางการกระทำอะไรดีๆ จากใครสักคน มันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นครั้งเดียว...ครั้งเดียวเท่านั้น ซึ่งอาจจะไม่เกิดขึ้นอีกตลอดชีวิต"จากคิดถึงทุกวัน

“รบร้อยชนะร้อย ยังหาใช่ความยอดเยี่ยมไม่
มิต้องรบแต่ชนะได้ จึงเป็นความยอดเยี่ยม” ปรัชญาสูงสุดของซุนวูว่าไว้

นอกจากการปรับตัวและการเอาชนะ ซึ่งเป็นคุณสมบัติสำคัญของมหาบุรุษแล้ว
อีกข้อหนึ่งซึ่งจะทำให้มนุษย์ผู้ยิ่งใหญ่เป็นมนุษย์ผู้ยิ่งใหญ่อันประเสริฐ
นั่นก็คือ “การเปิดใจ”

รับฟังทุกคำเห็น มองทุกอย่างเป็นไปได้ มองความผิดพลาดของตัวเองได้
ยอมรับความผิดหวังได้ ยอมรับความสมหวังได้

เอดิสันเปิดใจกว่าสองพันครั้ง เพื่อรับวัสดุใหม่ๆในการสร้างหลอดไฟให้ชาวโลก
ไอน์สไตน์ เปิดใจรับจินตนาการของตัวเองบนเนินเขา
ว่ามันอาจเป็นจริงได้ในทางคณิตศาสตร์ จนเกิดฟิสิกส์ยุคใหม่
เจ้าชายสิทธัตถะเปิดใจรับคำสอนจากอาจารย์หลายต่อหลายคน เพื่อคนหาคำตอบของชีวิต
และสุดท้ายพระองค์ยังเปิดใจอันใสที่สุดในจักรวาลเพื่อฟังเสียงจากสมาธิของตัวเอง

ในความรัก
คนสองคนต้องการ “การเปิดใจ” อย่างที่สุด
ไม่ “เปิดใจ” แล้วจะ “เชื่อใจ” กันได้อย่างไร
ความเชื่อใจนี่แหละคือเสาเข็ม อันปักลึกมั่นคงของตึกที่ชื่อว่า “ความรัก”

เมื่อเราเจอใครสักคนที่เราเราคิดว่าใช่ วินาทีนั้นน่าจะเป็นครั้งแรกที่ต้อง “เปิดใจ” ตัวเองก่อน
“ใช่” จริงไหม หรือแค่พึงใจในหน้าตาและบุคลิก หรือแค่เหมือนใครสักคนที่เราขาดหายไป ?
หรือใช่เพราะ เขาสาละวนเอาใจแต่เราคนเดียว

เปิดใจตัวเองจริงๆว่า เขาใช่สำหรับเราไหมและเราใช่สำหรับเขาไหม
อันนี้ต้องดูดีๆ ต้องเปิดใจจริงๆ ไม่ใช่เอาแต่ใจ แล้วหลอกตัวเองว่าใช่


“เวลาที่เรารักใคร เราจะรู้สึกตัวเล็กเหลือเกิน.
.เวลาที่ใครรักเรา.เราจะรู้สึกตัวใหญ่เหลือเกิน.
.แต่ถ้าเราเจอคนที่รักกัน เราจะผลัดกันตัวเล็กตัวใหญ่.”
ชอบจังเลย เพราะส่วนใหญ่คนที่อยู่รอบๆตัวเรา เค้ามักจะอยากเป็นคนตัวเล็กๆ ที่มีความสุข มากกว่าคนตัวใหญ่ๆที่รู้สึกผิด เพราะบางทีการถูกรักมากเกินไป ก็อึดอัด

when you love someone when you love someone so much,
you would feel yourself smaller than your beloved.
In turn,if you are loved so much,you would feel yourself bigger

จากคุยกับประภาส


"คนเราสมัยนี้ เขาเป็นทุกข์เพราะความคิด."

“ไม่มีใครตัดความโกรธได้หรอก มีแต่รู้ทัน เมื่อรู้ทัน มันก็ดับไปเอง”

"ขายอะไรก็ดีทั้งนั้นแหละ ถ้ามีคนซื้อ."

จากหลวงปู่ฝากไว้ หลวงปู่ดูลย์ อตุโล

วันอาทิตย์ที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2551

อย่างน้อย : Bigass

  • Ost.ปิดเทอมใหญ่ หัวใจว้าวุ่น
  • ศิลปิน / Artist : เพลงประกอบภาพยนตร์ Ost.ปิดเทอมใหญ่ หัวใจว้าวุ่น
  • ค่ายเพลง / Label : เพลงประกอบภาพยนตร์ ละคร โฆษณา

    มีใครบางคนให้คำนิยาม ว่ารักคือความทุกข์
    แตกต่างกับชั้นที่มองว่ารัก คือความสุข

    อาจจะเหนื่อยบางครั้ง อาจจะเจ็บบางที
    แต่ก็ยิ้มได้เรื่อยไป
    อาจจะต้องผิดหวัง ก็ไม่เป็นไร

    อย่างน้อย ชั้นเคยได้รัก..เธอ
    รักด้วยการไม่หวังอะไร
    ก็รู้ชั้นเองมันยังไม่ใช่
    ไม่ต้องการอะไรทั้งนั้น
    อย่างน้อยชั้นได้เรียนรู้
    ได้เข้าใจ ทุกนาทีที่ชั้นมีเธอ
    ว่ารักคือความสุขที่ยิ่งใหญ่
    และมีความหมายมากมายจริงๆ

    ความพยายามที่ทำเพื่อเธอ
    จะขอทำต่อไป
    แค่มีรอยยิ้มของเธอส่งมา ก็ชื่นใจ
    หากมีวันพรุ่งนี้ เธอจะตอบตกลง
    คงจะคุ้มค่ามากมาย
    แต่ถ้าต้องผิดหวัง คงไม่เสียใจ

    อย่างน้อย ชั้นเคยได้รัก..เธอ
    รักด้วยการไม่หวังอะไร
    ก็รู้ชั้นเองมันยังไม่ใช่
    ไม่ต้องการอะไรทั้งนั้น
    อย่างน้อยชั้นได้เรียนรู้
    ได้เข้าใจ ทุกนาทีที่ชั้นมีเธอ
    ว่ารักคือความสุขที่ยิ่งใหญ่
    และมีความหมายมากมายจริงๆ

    อาจจะเหนื่อยบางครั้ง อาจจะเจ็บบางที
    แต่ก็ยิ้มได้เรื่อยไป
    อาจจะต้องผิดหวัง ก็ไม่เป็นไร

    อย่างน้อย ชั้นเคยได้รัก..เธอ
    รักด้วยการไม่หวังอะไร
    ก็รู้ชั้นเองมันยังไม่ใช่
    ไม่ต้องการอะไรทั้งนั้น
    อย่างน้อยชั้นได้เรียนรู้
    ได้เข้าใจ ทุกนาทีที่ชั้นมีเธอ
    ว่ารักคือความสุขที่ยิ่งใหญ่
    และมีความหมายมากมายจริงๆ

    อาจจะเหนื่อยบางครั้ง อาจจะเจ็บบางที
    แต่ก็ยิ้มได้เรื่อยไป
    อาจจะต้องผิดหวัง ก็เสียใจ

-----------------------------------

อย่างน้อยก็ได้รัก แม้มันไม่ได้สมหวังจะเป็นไรไป
โดนใจจริงๆ ก็มีความสุขมากมาย

วันเสาร์ที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2551

ดีหรือไม่ดี.....ยากที่จะบอก

นานมาแล้ว มีพระราชาองค์หนึ่ง พระราชาองค์นี้
มีคนสนิทคนหนึ่งที่พระองค์สนิทมาก และมักจะพาไปไหนมาไหนด้วยเสมอในทุกๆที่
แล้ววันหนึ่ง พระราชาก็ถูกหมาตัวหนึ่งกัดนิ้ว แผลฉกรรจ์มาก
พระราชาจึงถามคนสนิทว่า นี่เป็นลางไม่ดีของพระองค์หรือเปล่า คนสนิทกลับตอบว่า
" ดี หรือไม่ดี ยากที่จะบอก " และในที่สุด พระราชาก็ถูกตัดนิ้ว
และพระราชาก็ถามคนสนิทอีกว่า นี่เป็นลางไม่ดีของพระองค์หรือเปล่า
คนสนิทกลับตอบว่า " ดี หรือไม่ดียากที่จะบอก " พระราชาโกรธมาก
เลยจับคนสนิทขังไว้ในคุก วันหนึ่ง พระราชาก็ได้เสด็จออกป่าล่าสัตว์
พระองค์ทรงตื่นเต้นมาก แล้วก็มุ่งเข้าไปในป่า ลึกเข้าไปเรื่อยๆ
เมื่อมารู้ตัวอีกทีก็พบว่าพระองค์ได้หลงทางเสียแล้ว แต่ก่อนที่อะไรจะเลวร้ายไปกว่านั้น
พระองค์ก็ได้พบกับชนเผ่าพื้นเมืองในป่าแห่งนั้น คนป่าพวกนั้น
ต้องการจับพระราชาไปบูชายัญ แต่พวกเขาก็พบว่าพระราชานิ้วขาด
จึงรีบปลดปล่อยพระราชา เพราะเชื่อว่าพระราชาไม่ใช่มนุษย์ที่สมบูรณ์เลย
และไม่เหมาะที่จะนำไปบูชายัญ พระราชาจึงตัดสินใจกลับพระราชวังในที่สุด
และสุดท้าย พระองค์ก็เข้าใจคำพูดของคนสนิทที่บอกว่า " ดีหรือไม่ดี ยากที่จะบอก "
เพราะถ้าพระองค์มีนิ้วครบสมบูรณ์ พระองค์ต้องถูกฆ่าโดยคนป่าพวกนั้นอย่างแน่นอน
พระราชาจึงสั่งปล่อยตัวคนสนิท และขอโทษเขา แต่พระราชากลับประหลาดใจ
เมื่อคนสนิทกลับไม่โกรธพระองค์เลย ในทางตรงข้ามเขากลับบอกว่า
มันไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรเลยที่ท่านขังข้าไว้ ทำไมงั้นหรือ เพราะว่าถ้าพระองค์ไม่ขังข้าไว้
ข้าก็จะต้องตามท่านไปในป่า และในเมื่อท่านไม่เหมาะจะถูกบูชายัญ
ข้าคงจะถูกนำไปบูชายัญแทนเป็นแน่ อีกครั้งกับคำที่ว่า ดี หรือไม่ดี ยากที่จะบอก
เรื่องนี้อาจกล่าวได้ว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในโลกนี้ ไม่มีการสรุปได้อย่างแน่นอนว่า
ดี หรือ ไม่ดี บางครั้งสิ่งที่ดี อาจจะกลายเป็นสิ่งที่เลวร้าย ในขณะที่สิ่งที่เลวร้ายอาจกลายเป็นดีได้
สิ่งดีๆอะไรก็ตาม ที่เกิดขึ้นกับเรา จงสนุกสนานกับมัน แต่อย่าไปยึดติดกับมัน
จงคิดเสียว่ามันเป็นสิ่งที่มาสร้างความประหลาดใจให้กับชีวิตของคุณ อะไรต่างๆ
ที่มันเลวร้าย ซึ่งเกิดขึ้นกับคุณ ไม่จำเป็นต้องไปเศร้าเสียใจ ในตอนท้าย
มันอาจจะไม่ใช่สิ่งที่เลวร้าย
..........................................................
ถ้าพวกเราเข้าใจได้อย่างนี้ พวกเราจะพบว่า การใช้ชีวิตนั้น ไม่ใช่เรื่องยากเลย บางสิ่งแค่เพียงปล่อยมันไป
ตามทาง ตามวิถีวิธีของอะไรสักอย่างที่วางเส้นทางเอาไว้ บางสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่สิ่งเลวร้ายเสมอไป มันอาจจะเป็นสิ่งดีๆ ที่ซ่อนอยู่ภายในก็ได้ จริงไหม

วันพุธที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2551

ใช้ชีวิตตามธรรมดาให้ไม่ธรรมดา

ใช้ชีวิตตามธรรมดาให้ไม่ธรรมดา คือ การกำหนดรู้อยู่ที่ปัจจุบัน เมื่อตื่นนอน ก็รู้ว่าตื่นนอน เมื่อล้างหน้า ก็ให้รู้ว่ากำลังล้างหน้า แปรงฟัน กินอาหาร อาบน้ำ ล้างถ้วย ล้างชาม อันเป็นกิจวัตรสามัญประจำวันของคนเรา ก็ให้รู้ว่ากำลังทำกิจนั้นอยู่

วิธีการเตือนตัวเอง
- เมื่อเวลาหิว ก็กินข้าว ถึงเวลาอ่อนเพลียก็นอน เป็นเรื่องธรรมดา
-จงใช้ชีวิตอยู่กับเหตุ แล้วผลก็ปล่อยไปตามปัจจัยที่มันจะเกิดขึ้น ซึ่งบางอย่างก็แล้วแต่กฎอันยิ่งใหญ่ของจักรวาล สิ่งใดเกิดขึ้นแล้วสิ่งนั้นคัดสรรมาแล้ว ให้ดีที่สุดสำหรับคุณเสมอ

* ละทิ้งตัวตน แล้วใช้ชีวิตอยู่ในโลกใบนี้ต่อไป แต่อย่าให้เรื่องของทางโลกมาทำให้ใจมัวหมองลงได้
* จงเป็นเหมือนดอกบัวเกิดในโคลนตม แต่ไม่ติดโคลนตมฉันนั้น จงจำไว้
* ชีวิตนี้แสนสั้น เราย่อมไม่อาจที่จะใช้ชีวิตที่มีเวลาอยู่นี้ ไปในการขบคิดใคร่ครวญเรื่องทางอภิปรัชญาที่ฝรั่งเค้าเรียกว่า metaphysics ได้ทั้งหมดหรอ เพราะบางอย่างไม่มีใครพิสุจน์ได้ว่ามันมีที่สิ้นสุดเลย เหตุผลเพราะว่า อภิปรัชญาไม่อาจนำไปสู่สัจจะอันยิ่งใหญ่ได้เลย
*ชีวิตของเราจะสูญเปล่าไป หากเราหลีกหนีการใช้ชีวิตตามความจริง
*เมื่อไปอยู่ในโลกแห่งความคิด ปรุงแต่งเท่าไร ความคิดอันล้ำลึกเหล่านั้น เราก็จะเป็นเพียงวิญญาณพเนจร
*หากยังวุ่นวายอยู่ด้วยความคิด ว่ามีหรือไม่มี ชีวิตก็จะสูญเปล่าไปเสีย
*ให้ดูทุกข์ และความไม่มีทุกข์ ที่มีอยู่ภายในใจของเรา จึงจะเข้าถึงธรรมที่ปราศจากทุกข์ได้ (ลัดสู่
หัวใจพุทธะ) และปาฎิหาริย์ที่แท้จริง อยู่ในชีวิตประจำวันธรรมดาๆนี่เอง
จงให้กิจวัตรประจำวันดำเนินไปตามครรลองของมันอย่างเป็นธรรมชาติ
ชีวิตคุณมีอยู่เพียงขณะเดียว อดีตก็ละไปแล้ว อนาคตก็ยังมาไม่ถึง จงทำปัจจุบันให้ดีที่สุด ทุกลมหายใจที่มีอยู่ทุกขณะ ถ้าย้อนอดีตได้จริง ตอนนี้คงมีคนจากอนาคตมาเดินกันเยอะแยะแล้วหละ
จงจำไว้ คนเราสามารถมีชีวิตอยู่ได้ ก็แต่ในขณะปัจจุบันเท่านั้น อยู่ที่ตรงนี้ ที่นี้เท่านั้น
*เดี๋ยวนี้ คือ สิ่งที่เรา เป็น อยู่ คือทุกสิ่ง มันไม่สามารถจะเป็น เป้าหมาย หรือ ภาวะ ที่เราจะต้อง มุ่งไปให้ถึง
เดี๋ยวนี้ คือ การกระทำ หรือ ความเคลื่อนไหว ซึ่งปรากฎอยู่ในขณะนี้ ก่อนที่ ความคิด จะปิดบังมันไว้เสีย
ถ้าเราพบความผิดในบุคคลอื่น เราเองก็ตกอยู่ในความผิดนั้นด้วยเหมือนกัน เมื่อผู้อื่นทำผิด เราไม่จำเป็นต้องเอาใจใส่ เพราะมันจะเกิดความผิดขึ้นแก่เราเอง ในการที่จะไปรื้อหาความผิดนั้น
ทุก ๆครั้งที่มีการเตือนตนเอง ให้อ่อนน้อมถ่อมตน อัตตาของตนก็จะขยาย ทั้แง่ขอบเขตและกำลัง
ความถ่อมตนที่แท้ จะเกิดขึ้นเมื่อเราไม่ได้นึกถึงความถ่อมตน วิปัสสนานั้น ไม่ใช่การให้ความสำคัญแก่ตนเอง หรือการปฎิเสธละทิ้งตนเอง วิปัสสนามันจะมีประโยชน์อะไร ที่จะมานั้งอภิปรายกันว่า ตันหญ้าหรือต้นไม้ตรัสรู้ได้อย่างไร ปัญหามันอยู่ที่ว่า ตัวท่านเองนั่นแหละ ถ้าไม่เริ่มทำวันนี้ จะสามารถบรรลุถึงการตรัสรู้ได้อย่างไร
*ยึดมั่นคราใด เป็นทุกข์ครานั้น การปฎิบัติทุกอย่างต้องมาลงที่ความไม่ยึดมั่นถือมั่น
*สิ่งใดหรือเรื่องใด ผู้ใด คนอื่น สิ่งอื่น ล้วนปรากฎอยู่ เรื่องใดที่ปฎิบัติแล้ว ยิ่งทำให้เกิดยึดมั่นถือมั่นมากยิ่งขึ้น ถือว่าผิดแล้ว
*การตรัสรู้หรือไม่ หาได้อยู่ที่การปฎิบัติเข้มงวด หรือเคร่งครัดเป็นเวลานานไม่
*แต่การตรัสรู้ขึ้นอยู่กับการปฎิบัติถูกต้อง ตรงสู่หัวใจพุทธะหรือไม่ต่างหาก
*เด็ดเดี่ยว จริงจัง ตั้งใจ จดจ่อ จับจ้อง มองดู (รู้) ที่ใจเท่านั้น
*ระหว่าง รู้ กับ ทำ นั้นช่างห่างไกลกันเสียเหลือเกิน
คำของครูบาอาจารย์หลายท่าน กล่าวไว้ว่า
* พ้นจากการบัญญัติ สมมติ
*เข้าถึงไม่ได้ด้วยการเรียนตามตำรา
*ลัดตรงเข้าสู่หัวใจ
*มองดู (รู้) พุทธะก็เกิด
ท้ายสุดแห่งการรู้แจ้งแทงตลอด (บรรลุธรรมแห่งพุทธะ)
*คุณต้องเรียนรู้วิถีการดำรงชีวิตอยู่ในปัจจุบัน ไม่ใช่กับอดีต หรือ อนาคต
*ชีวิตต้องยึดขณะปัจจุบัน โดยการอยู่กับปัจจุบัน
*คุณต้องสัมพันธ์กับตนเอง และสิ่งแวดล้อมอย่างเต็มที่
*คุณต้องไม่ทำให้พลังของคุณกระจายไป
*คุณต้องพร้อมเสมอในปัจจุบัน
*คุณต้องไม่มีความเสียใจต่ออดีตที่ผ่านมา และคุณต้องไม่ปรุงแต่งและคิดถึงแต่อนาคต เพราะจะทำให้ปัจจุบันเบาบางลง ดังนั้น เวลาที่จะดำรงอยู่คือ "เดี๋ยวนี้"
***จงจำไว้***
*ไม่มีอะไรจะต้องลุถึง เพียงแต่ลืมตาตื่นเท่านั้น สิ่งๆน้นจะปรากฎแก่คุณ
การลืมตาตื่นเพื่อเห็นสิ่งที่เต็มบริบูรณ์อยู่แล้วตรงหน้านั้น ไม่ได้หมายถึงการเริ่มลอกกิเลสเป็นชั้นๆจนลอกหมดแล้วจึงตื่น
*แต่จิตนั้นเอง คือ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน
*ทันทีที่มีสติสัมปชัญญะ ไม่หลง ไม่เผลอ จิตปราศจากการครองคลุมของโมหะ เมื่อนั้น คือ การตื่น หรือการรู้
ที่เราพูดถึงกันบ่อย ๆ นั่นเอง
*จิตที่ปราศจากโมหะ มีความรู้ตัว จะเห็นประจักษ์ธรรมต่อหน้าต่อตา
*เริ่มจากธรรมในฝ่ายที่เกิดดับ หรือ สังขตะธรรม จนปัญญาแก่รอบ
*สามารถปล่อยวางธรรมในฝ่ายที่เกิดดับได้
*ก็จะเข้าไปรู้จักธรรมในฝ่ายที่ไม่เกิดไม่ดับ
*ดังนั้น ทันทีที่รู้ ก็คือทันทีที่ตื่น พ้นจากภาวะหลับฝันทั้งที่ลืมตาและทันที่ที่ตื่น จิตก็ถึงความเบิกบาน อันเป็นคุณสมบัติของจิตเอง ไม่ใช่รู้แล้วลอกกิเลสเป็นชั้น ๆ ไป จนหมด จึงตื่น
*จิตรู้ หรือจิตตื่น มีความเบิกบานในตัวเอง ปลอดภัยอยู่ท่ามกลางความแปรปรวนและไฟกิเลส
ดุจ เหมือน ลิ้นงูในปากงู
ดุจ เหมือนดอกบัว ที่ไม่เปื้อนด้วยโคลนตม
*คนพาล ย่อมหลีกเลี่ยงปรากฎการณ์ภายนอก แต่ไม่หลีกเลี่ยงความคิดปรุงแต่ง
*คนฉลาด ย่อมหลีกเลี่ยงความคิดปรุงแต่ง แต่ไม่หลีกเลี่ยงปรากฎการณ์ภายนอก

วันจันทร์ที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2551

มีแต่คิดถึง

คิดถึงเธอ คิดถึงเค้า คิดถึงเรา คิดถึงฉันไหม
คิดถึงใครซักคน คิดถึงนะ คิดถึงครับ คิดถึงค่ะ
คิดถึงจัง
คิดถึงย่ะ คิดถึงจ๊ะ คิดถึงมากมาย
คิดถึงเหลือเกิน
คิดถึงนิดหน่อย คิดถึงแทบตาย
คิดถึงจะแย่อยู่แล้ว
คิดถึงอย่างแรง คิดถึงวันนี้
คิดถึงเมื่อวาน
คิดถึงทุกเวลา คิดถึงทุกนาที
คิดถึงทุกวัน
คิดถึงทุกปีคิดถึงทุกลมหายใจ
คิดถึงทุกคราว
คิดถึงบ้าน

คิดถึง คิดถึง เลยมีแต่คิดถึงครับผม
ข้างล่างนี้ คิดถึงแบบหลบ ๆ ซ่อนๆ
คิดถึง..
คิดถึง..คิดถึง..คิดถึง..คิดถึง..คิดถึง..คิดถึง..คิดถึง..คิดถึง..คิดถึง..
คิดถึง..
คิดถึง..คิดถึง..คิดถึง..คิดถึง..คิดถึง..คิดถึง..คิดถึง..คิดถึง..คิดถึง..
คิดถึง..คิดถึง..คิดถึง..คิดถึง..คิดถึง..คิดถึง..คิดถึง..คิดถึง..คิดถึง..คิดถึง..
คิดถึง..
คิดถึง..คิดถึง..คิดถึง..คิดถึง..คิดถึง..คิดถึง..คิดถึง..คิดถึง..คิดถึง..
คิดถึง..คิดถึง..คิดถึง..คิดถึง..คิดถึง..คิดถึง..คิดถึง..คิดถึง..คิดถึง..คิดถึง..
คิดถึง..
คิดถึง..คิดถึง..คิดถึง..คิดถึง..คิดถึง..คิดถึง..คิดถึง..คิดถึง..คิดถึง..

แม่กูสอน ใครไม่รัก..................กูรัก

มีความหมายดีมากๆ จึงอยากให้อ่านด้วยกันครับ!

เพื่อน ๆ บอกผมว่า
ทำไมมึงดูหน้าตาไม่ค่อยฉลาด แต่เรียนเก่งจังวะ
ผมบอกเพื่อนผมว่า
แม่กูสอน ให้ขยันแล้วก็ตั้งใจเรียน

เพื่อน ๆ ผมบอกว่า
ทำไมพอมึงมีตังค์ มึงชอบเอาไปทำบุญ แจกเด็ก เลี้ยงพระวะ
ผมบอกเพื่อนผมว่า
แม่กูสอน ให้รู้จักแบ่งปันคนอื่น ถึงเราจะมีตังค์น้อย แต่ก็มีคนอื่นที่เขาลำบากกว่าเรา

เพื่อน ๆ ผมบอกว่า
ทำไมมึงชอบเล่นกีฬา เล่นเป็นหลายอย่าง แล้วไม่เคยเห็นมึงป่วยนอนโรงพยาบาลเลยวะ
ผมบอกเพื่อนผมว่า
แม่กูสอน ให้กูออกกำลังกาย จะได้แข็งแรง ไม่เจ็บ ไม่ป่วยง่าย ๆ เพราะเรามีตังค์น้อย เจ็บป่วยจะลำบาก

เพื่อน ๆ ผมบอกว่า
ทำไมมึงอารมณ์ดี ไม่เครียด ไม่โกรธใครบ้างเลยหรือไงวะ
ผมบอกเพื่อนผมว่า
แม่กูสอน ให้เป็นคนอารมณ์ดี ทำให้คนที่อยู่ใกล้เรามีความสุข แล้วจะสบายใจกันทุกคน

เพื่อน ๆ ผมบอกว่า
ทำไมมึงพูดกับคนอื่น ดูสุภาพ อ่อนน้อม ทั้ง ๆ ที่เขาเป็นลุงแก่ ๆ เป็นเด็กเสริฟอาหาร
หรือแม้แต่ขอทานที่มึงให้เศษตังค์แล้วเขาอวยพรให้มึง ทำไมมึงต้องขอบคุณขอทานวะ
ผมบอกเพื่อนผมว่า
แม่กูสอน ให้พูดดี ๆ กับทุกคน ไม่ว่าเขาจะเป็นใคร เราพูดดี ๆ กับเขา เขาก็จะได้พูดดี ๆ กับเรา

เพื่อน ๆ ผมบอกว่า
ทำไมพี่ ๆ น้อง ๆ มึงตั้งหลายคน ทำไมรักใคร่กันดี ไม่เคยทะเลาะกันเลยวะ
ผมบอกเพื่อนผมว่า
แม่กูสอน ให้พี่น้องรักกันทุกคน เพราะหมากับแมวที่อยู่บ้านเดียวกัน มันยังรักกันได้
ทำไมพี่น้องกัน จะรักกันไม่ได้

เพื่อน ๆ ผมบอกว่า
ทำไมมึงถึงรักชาติ รักแผ่นดิน รักในหลวง มากมายนักวะ
ผมบอกเพื่อนว่า
แม่กูสอน ให้กูสำนึกถึงบุญคุณของแผ่นดิน บุญคุณของพระมหากษัติรย์ ทุกพระองค์
แม่กูสอน ให้กูรู้จักคำว่า จงรักภักดี ตั้งแต่กูยังไม่รู้ความหมาย จนทุกวันนี้ กูรู้แล้วว่า
คำว่า จงรักภักดี นั้น ยิ่งใหญ่เพียงใด

เพื่อน ๆ ผมบอกว่า
ทำไมแม่มึงถึงสอนอะไรมึงมากมายจังเลยวะ
ผมบอกเพื่อนว่า
ที่กูเป็นกูอยู่จนทุกวันนี้ ก็เพราะ " แม่กูสอน"
แม่กูสอนอะไร กูทำตามแม่กูสอนทุกอย่าง
มีอย่างเดียวที่แม่กูไม่ได้สอน แต่กูทำ แล้วกูทำมาตั้งแต่เด็กแล้ว
แม่กูไม่ได้สอนให้รักแม่ แต่......กูรักแม่ว่ะ


ใครไม่รัก..................กูรัก

วันอาทิตย์ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2551

บอกตัวเองซักนิดว่า.............

Life…

ว. วชิรเมธี

เวลาเจองานหนัก ให้บอกตัวเองว่า นี่คือโอกาสในการเตรียมพร้อมสู่ความเป็นมืออาชีพ
เวลาเจอปัญหาซับซ้อน ให้บอกตัวเองว่า นี่คือบทเรียนที่จะสร้างปัญญาได้อย่างวิเศษ
เวลาเจอความทุกข์หนัก ให้บอกตัวเองว่า นี่คือแบบฝึกหัดที่จะช่วยให้เกิดทักษะในการดำเนินชีวิต
เวลาเจอนายจอมละเมียด ให้บอกตัวเองว่า นี่คือการฝึกตนให้เป็นคนสมบูรณ์แบบ (Perfectionist)
เวลาเจอคำตำหนิ ให้บอกตัวเองว่า นี่คือการชี้ขุมทรัพย์มหาสมบัติ
เวลาเจอคำนินทา ให้บอกตัวเองว่า นี่คือการสะท้อนว่าเรายังคงเป็นคนที่มีความหมาย
เวลาเจอความผิดหวัง ให้บอกตัวเองว่า นี่คือวิธีที่ธรรมชาติกำลังสร้างภูมิคุ้มกันให้กับชีวิต
เวลาเจอความป่วยไข้ ให้บอกตัวเองว่า นี่คือการเตือนให้เห็นคุณค่าของการรักษาสุขภาพให้ดี
เวลาเจอความพลัดพราก ให้บอกตัวเองว่า นี่คือบทเรียนของการรู้จักหยัดยืนด้วยขาตัวเอง
เวลาเจอลูกหัวดื้อ ให้บอกตัวเองว่า นี่คือโอกาสทองของการพิสูจน์ความเป็นพ่อแม่ที่แท้จริง
เวลาเจอแฟนทิ้ง ให้บอกตัวเองว่า นี่คือความเป็นอนิจจังที่ทุกชีวิตมีโอกาสพานพบ
เวลาเจอคนที่ใช่แต่เขามีคู่แล้ว ให้บอกตัวเองว่า นี่คือประจักษ์พยานว่าไม่มีใครได้ทุกอย่างดั่งใจหวัง
เวลาเจอภาวะหลุดจากอำนาจ ให้บอกตัวเองว่า นี่คือความอนัตตาของชีวิตและสรรพสิ่ง
เวลาเจอคนกลิ้งกะล่อน ให้บอกตัวเองว่า นี่คืออุทาหรณ์ของชีวิตที่ไม่น่าเจริญรอยตาม
เวลาเจอคนเลว ให้บอกตัวเองว่า นี่คือตัวอย่างของชีวิตที่ไม่พึงประสงค์
เวลาเจออุบัติเหตุ ให้บอกตัวเองว่า นี่คือคำเตือนว่าจงอย่าประมาทซ้ำอีกเป็นอันขาด
เวลาเจอศัตรูคอยกลั่นแกล้ง ให้บอกตัวเองว่า นี่คือบททดสอบว่าที่ว่า “มารไม่มีบารมีไม่เกิด”
เวลาเจอวิกฤต ให้บอกตัวเองว่า นี่คือบทพิสูจน์สัจธรรม “ในวิกฤตย่อมมีโอกาส
เวลาเจอความจน ให้บอกตัวเองว่า นี่คือวิธีที่ธรรมชาติเปิดโอกาสให้เราได้ต่อสู้ชีวิต
เวลาเจอความตาย ให้บอกตัวเองว่า นี่คือฉากสุดท้ายที่จะทำให้ชีวิตมีความสมบูรณ์
'for every is your good day '