วันพฤหัสบดีที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2551

ศาสนาเดียวกัน

พี่ประภาสครับ

อ่านในตัวหนังสือคุยกันของพี่ พี่บอกว่าศาสนาทุกศาสนาคือศาสนาเดียวกัน พี่เชื่ออย่างนั้นจริงๆหรือครับ ผมเห็นเวลาคนต่างศาสนามาคุยกัน ก็มักจะทะเลาะกันประจำเลยคล้ายๆกับว่าจะบอกว่าศาสนาของชั้นดีกว่าใคร


เวตาล

+++++++++++



ที่ผมเชื่อเช่นนั้น เพราะผมอยากให้มันเป็นเช่นนั้นครับ ความจริงในเรื่องจิตใจมนุษย์หรือความจริงในเรื่องแก่นแท้ของมนุษย์นั้นล้วนเป็นเรื่องเฉพาะตัว แต่ละคนคิดต่างๆกันไป จะบอกว่าความคิดของใครผิด ความคิดของใครถูกย่อมเป็นไปไม่ได้ ศาสนาจึงเป็นเรื่องของการตีความ


ดูเอาแต่คำสอนของพระพุทธเจ้าเมื่อสองพันห้าร้อยกว่าปีก่อนเถิด พระองค์ตรัสสอนผู้คน เพื่อให้ทุกคนเห็นทางพ้นทุกข์ จนถึงวันนี้การตีความในคำสอนของพระองค์ของแต่ละกลุ่ม แต่ละความคิดก็แตกกิ่งก้านสาขาออกไปเป็นนิกายต่างๆทั้งเถรวาท มหายาน แตกไปเป็นนิกายเซน เป็นลังกาวงศ์ ทางคริสต์ก็เหมือนกัน จากพระเยซูองค์เดียวกันก็แยกเป็นโปรเตสแตนต์เป็นคาทอลิก


เพราะศาสนาเป็นเรื่องของความศรัทธา การตีความคำสอนในศาสนาเป็นสิ่งจำเป็น และเป็นธรรมดาของมนุษย์ที่มักเอาความเชื่อหรือความคิดส่วนตัวของตนเองเข้าไปร่วมตีความด้วยและที่ผมเชื่อว่าทุกศาสนาคือศาสนาเดียวกันเพราะผมเชื่อว่ามนุษย์ถูกสร้างจากอะไรบางอย่างอะไรบางอย่างที่อยู่ที่ไหน เป็นอย่างไรไม่รู้และอะไรบางอย่างนั้นได้แนบศาสนาส่งมาใน DNA
ของมนุษย์ด้วย

มีเรื่องเล่าตอนที่ท่านพุทธทาส สนทนาธรรมกับศาสนิกชนจากศาสนาอื่นมาเล่าให้ฟัง ผมชอบมากครับ ลองฟังกันดูต้องเรียกได้ว่าเป็นการตีความแก่นทางศาสนาที่อัจฉริยะมาก

แม่ชีฝรั่งท่านหนึ่งถามท่านพุทธทาสว่า ศาสนาพุทธสอนอะไร ท่านพุทธทาส ตอบไปว่าก็สอนอย่างเดียวกับที่ศาสนาคริสต์สอน แม่ชีจึงว่าคืออะไร

ท่านพุทธทาสตอบว่า พระพุทธเจ้าท่านตรัสรู้ กฎ ซึ่งหมายถึงกฎธรรมชาติ หรือ ธรรม นั่นเองส่วนทางคริสต์ก็มีสิ่งสูงสุดที่เรียกว่า GOD ซึ่งบางทีสิ่งนี้อาจคือสิ่งเดียวกันเพราะแม้แต่การเปล่าเสียงออกมาก็ยังคล้ายกัน


นี่แหล่ะครับ ที่ผมเรียกการตีความคำสอนในศาสนา

ถึงตรงนี้ผมขออนุญาตนอกเรื่องคัดค้านสิ่งที่ผมเคยเรียนมาในวิชาศีลธรรมสมัยเด็กๆหน่อยนะครับ คือในหนังสือเรียนของกระทรวงศึกษานั้น เวลาอธิบายถึงพระธรรม ซึ่งเป็นหนึ่งในรัตนตรัย ของชาวพุทธคือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ว่าพระธรรมคือคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า และก็มักจะมีรูปพระไตรปิฏกเล่มหนึ่งวางอยู่บนพานเป็นภาพประกอบ ภาพนี้แหล่ะครับที่ผมอยากคัดค้าน

ผมชอบพระธรรมในความหมายที่ท่านพุทธทาสพูดถึงมากกว่า พระธรรมคือความจริงแห่งโลก คือความจริงแห่งจักรวาล และพระพุทธองค์เป็นผู้ค้นพบผู้รู้แจ้งความเป็นจริงนั้น แล้วจึงนำมาสั่งสอนผู้คน

รูปสมุดใบลานวางบนพาน ทำให้ผมหลงคิดไปว่าพระธรรมคงหมายถึงบทสวดในหนังสือนั้นมาตั้งแต่เด็กเลยครับกว่าจะมารู้ว่าเราสามารถศึกษาธรรมโดยไม่ต้องรู้บาลี ก็ได้เอาเมื่อตอนโตแล้วนี่แล้วครับ

กลับมาที่การสนทนาธรรมของท่านพุทธทาสต่อครับ

แล้วท่านก็พูดต่อว่า สิ่งที่แม่ชีคล้องคออยู่คือสิ่งเดียวกับที่พระพุทธศาสนาสอนท่านพุทธทาสหมายถึง ไม้กางเขน ครับ ไม้กางเขนอันเป็นสัญลักษณ์ของศาสนาคริสต์ ลองฟังคำอธิบายของท่านดูซิครับ ฟังแล้วมันก็ทำให้ผมอยากศึกษาคำสอนของทุกๆศาสนาเลยครับ

ท่านพุทธทาสบอกว่า


สิ่งอันลึกซึ้งในศาสนาพุทธ ก็คือการละตัวตนการฆ่าความรู้สึกแห่งตัวกูของกู ลองสังเกตรูปไม้กางเขนดูจะเห็นว่าช่างพ้องกับสิ่งที่พระพุทธศาสนาสอนเหลือเกิน ไม้กางเขนนั้น คือรูปตัวไอในภาษาอังกฤษ อันหมายถึงตัวกู ได้ถูกขีดขวางทิ้งคล้ายจะให้นึกถึงการละทิ้งความยึดถือแห่งตัวตน



สาธุ

ประภาส ชลศรานนท์

ที่มา : ประภาส ชลศรานนท์ กบเหลาดินสอ

พิมพ์ครั้งที่ 11 กรุงเทพฯ : เวิร์คพอยท์,2550

ไม่มีความคิดเห็น: